ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในปัจจุบันกระแสการรักษาสิ่งแวดล้อม ไม่สร้างมลภาวะให้กับโลกกำลังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก เกิดการเปลี่ยนแปลง และคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ ๆ ขึ้นมาเพื่อให้โลกอีกสิบ ๆ ปีจากนี้ยังมีสภาพแวดล้อมที่ไม่เปลี่ยนไปจากโลกร้อน หรือในกรณีที่ดีกว่านั้นคือ การฟื้นฟูโลกให้กลับมาสะอาดยิ่งขึ้น และวงการแฟชั่นเอง ก็เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สร้างมลภาวะให้กับโลกเป็นอันดับต้น ๆ แบรนด์ใหญ่ ๆ หลายแบรนด์จึงมีการปรับแผนการเพื่อความยั่งยืนมากขึ้นตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง แน่นอนว่าตัว “ผู้บริโภค” อย่างเราเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างความยั่งยืนได้ MenDetails จึงรวบรวมวิธีต่าง ๆ ที่ทำให้เรา แต่งกายอย่างยั่งยืน ได้มากยิ่งขึ้นมาฝากครับ
แลกเปลี่ยนและแบ่งปัน
แต่ละคนต่างมีชุดเสื้อผ้าที่สวมใส่ของตัวเอง บางคนถึงกับมีตู้เสื้อผ้าของตัวเองโดยเฉพาะ แต่เมื่อถึงวันหนึ่งที่เราใส่มันไม่ได้อีกต่อไป หรือเราไม่ค่อยได้หยิบมาใส่แล้ว การปล่อยมันทิ้งไว้เฉย ๆ ก็น่าเสียดาย และการทิ้งมันไปตามกระแสแฟชั่นที่เปลี่ยนไปก็เป็นการสร้างมลภาวะให้กับสิ่งแวดล้อม การนำมันไปให้กับคนที่ใส่ได้ หรือเอาไปแลกเปลี่ยนเพื่อชุดที่คนอื่นไม่ค่อยหยิบมาใส่แต่เรามองว่าเราจะต้องหยิบมาใส่แน่ ๆ เป็นทางออกหนึ่งที่เราทำได้ง่าย ๆ ครับ
อย่างในครอบครัวของผู้เขียนเอง แม่ กับน้าสาว มีชุดที่ตัวเองไม่สามารถใส่ได้แล้วแต่ยังสภาพดี ชุดเหล่านั้นก็จะถูกส่งไปให้กับน้องสาวใส่ต่อ หรือผู้เขียนมีรองเท้า Sneaker ที่ใส่ไม่ได้ ก็จะส่งต่อให้น้องสาวเช่นกันครับ หรืออีกตัวอย่างที่เราสามารถทำได้ คือ การที่เพื่อน ๆ ในกลุ่มเอาชุดที่ตัวเองไม่ใช้แล้วมาแลกเปลี่ยนกันให้กับคนที่ใส่ได้เป็นต้น หรือถ้าไม่มีใครใส่ได้แล้วจริง ๆ เราสามารถนำไปบริจาคหรือขายในราคาที่สมเหตุสมผลก็ได้เช่นกันครับ เพื่อให้สิ่งของเหล่านั้นสามารถใช้งานได้จนถึงอายุขัยของมัน
รู้ที่มาของผ้า และการเดินทางของสินค้าจากต้นทาง
เมื่อวงการแฟชั่นเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องใส่ใจกับวัตถุดิบต่าง ๆ ที่นำมาใช้ในขั้นตอนการผลิตด้วย ว่าของแต่ละอย่างที่เลือกใช้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ตั้งแต่ต้นทางอย่างผ้าที่ใช้ ไปจนถึงการขนส่งสินค้าและบรรจุภัณฑ์
การที่ผู้บริโภคอย่างเรามีสิทธิ์รู้ว่าเสื้อผ้าที่เราสวมใส่แต่ละชิ้นมีการเดินทางอย่างไร มาจากไหน ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เราทำได้ และทางแบรนด์ต้องเปิดเผยให้สังคมโลกรับรู้ เพราะถ้าหากว่าที่มาของผ้ามาจากโรงงานที่สร้างมลภาวะ มาจากการทำไร่เถื่อน มีการใช้แรงงานเกินที่กำหนด เราที่เป็นผู้บริโภคก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ซื้อและเป็นพลังเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในขั้นตอนการผลิตของแบรนด์ได้ครับ อย่างที่มีตัวอย่างให้เห็นจากแบรนด์น้อยใหญ่หลาย ๆ แบรนด์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
อย่าเลือกซื้อเสื้อผ้าตามกระแส
คาดว่าหลายคนน่าจะเคยมีประสบการณ์ซื้อเสื้อผ้าที่เป็นกระแส เป็นเทรนด์ในโลกแฟชั่น / โลกออนไลน์ เพื่อมาใส่ถ่ายรูป หรือออกทริปเก๋ ๆ แล้วเสื้อผ้าดังกล่าวก็ไม่เคยได้ออกมาสัมผัสแสงตะวันอีกเลย ถูกเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าให้เรามองเล่น ซึ่งการซื้อเสื้อผ้าในลักษณะนี้ รวมไปถึงเทรนด์ Fast Fashion ที่ผลิตสินค้าที่รวดเร็วและราคาถูก ตามเทรนด์ต่าง ๆ เป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างมากในอุตสาหกรรมแฟชั่น
สิ่งที่เราพอทำได้ คือ การคิดก่อนจะซื้อเสื้อผ้าสักตัวหนึ่ง ว่าซื้อมาแล้วเราจะมีโอกาสได้ใส่มันมากแค่ไหน เราต้องการเสื้อผ้าตัวนี้จริง ๆ ใช่หรือไม่ ไม่ใช่ว่าซื้อตามเพื่อนแล้วสุดท้ายใส่ไม่กี่ครั้งแล้วเก็บเข้าตู้ หรือถ้าหากใครที่มีสไตล์การแต่งกายของตัวเองก็ยิ่งช่วยได้ เพราะมันทำให้เราเลือกซื้อแต่เสื้อผ้าที่เป็นสไตล์และเหมาะกับเราเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม กระแสการผลิตเสื้อผ้าตามเทรนด์และเสื้อผ้า Fast Fashion ก็มีแนวโน้มจะปรับตัวเพื่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยแบรนด์ชั้นนำของโลกหลาย ๆ แบรนด์เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงบางแล้ว เช่น การใช้วัตถุดิบจากของรีไซเคิล เป็นต้น
การซ่อมและการดูแลรักษา ก็เป็นส่วนหนึ่งของการ แต่งกายอย่างยั่งยืน
นอกจากเรื่องการซื้อแล้ว เมื่อเราซื้อเสื้อผ้ามา การที่เราดูแลรักษาเสื้อผ้าให้ใช้งานได้นานก็เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความยั่งยืนครับ เพราะหากเราดูแลรักษาเสื้อผ้าของเราไม่ดี มันอาจจะเสื่อมสภาพการใช้งานก่อนเวลาจริงก็เป็นได้ ดังนั้นการที่เราต้องรู้ว่าเสื้อผ้าแต่ละชนิด ผ้าแต่ละอย่างมีวิธีการดูแลรักษาอย่างไรจึงเป็นสิ่งสำคัญครับ
ไม่ใช่แค่การดูแลรักษา แต่รวมถึงการซ่อมแซมเสื้อผ้าด้วย บางคนพอเห็นเสื้อผ้าขาด เป็นรอยก็พร้อมจะโยนทิ้งไม่ใส่อีกต่อไปเพราะคิดว่ามันสิ้นอายุขัยแล้ว แต่ในความเป็นจริงหากเราเลือกที่จะซ่อมแซมมัน มันยังสามารถใช้งานต่อได้เป็นการยืดอายุการใช้งานครับ ปัจจุบันแบรนด์เสื้อผ้าจำนวนมากก็มีบริการซ่อมแซมเสื้อผ้าในราคาที่ไม่สูงเกินไป ถ้าใครมีร้านรับซ่อมอยู่ใกล้บ้านที่ไว้ใจได้ก็สามารถไปให้ร้านช่วยซ่อมได้เช่นกัน หรือใครจะซ่อมเองก็ไม่ผิดกติกาครับ
นี่เป็นเพียงวิธีการง่าย ๆ เพื่อให้เรา แต่งกายอย่างยั่งยืน นอกจากลดค่าใช้จ่ายของตัวเราเองแล้ว ยังเป็นการช่วยลดการทำลายสิ่งแวดล้อม ให้โลกของเราไม่ทรุดโทรมไปมากกว่านี้ด้วยครับ