“การตั้งเป้าหมายแล้วพยายามไปให้ถึง” ถือเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับผู้ชายที่ “รักดี” และมีความรับผิดชอบทุกคน แต่หลายครั้งที่เรามักมีปัญหาด้วยความไม่รู้ว่าจะตั้งเป้าหมายอย่างไรดีให้ฟังดูแล้ว สมเหตุสมผล, เป็นไปได้จริง และมีความทะเยอทะยานแบบกำลังพอดี ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป และเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่เรามักประสบปัญหานี้นั่นก็คือ “เรื่องเงินๆ ทองๆ”
MenDetails เชื่อว่าผู้ชายทุกคนที่กำลังนั่งอ่านบทความนี้ก็คงจะรู้ดีอยู่แล้วว่า พวกเราควรจะรู้จักเก็บออมเงิน เอาไว้ใช้จ่าย และเอาลงทุน เพื่อที่จะเป็นเงินเอาไว้ใช้จ่ายในยามที่เราหยุดทำงาน แต่จะมีสักกี่คนสามารถตั้งเป้าหมายให้ตัวเองได้อย่างชัดเจนว่า เราควรจะมีเงินเก็บเท่าไหร่ถึงจะพอ วันนี้ MenDetails ขอเสนอไอเดียให้เราสามารถหาตัวเลขดังกล่าวของตัวเองได้ง่ายขึ้นครับ
ขั้นที่ 1 | อย่าให้เงินของเราเป็นเพียงแค่ “เงินเก็บ”
อันดับแรกถ้าเราเป็นผู้ชายอีกคนหนึ่งที่กำลังตั้งหน้าตั้งตา “เก็บเงิน” เอาไปฝากในธนาคาร MenDetails ขอแนะนำให้หาความรู้ความเข้าใจเพิ่มเติมในเรื่องการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อเปลี่ยน “เงินเก็บ” ในธนาคารนั้น ให้กลายเป็น “ทรัพย์สินที่สร้างรายได้” เพื่อสร้างดอกผลเป็นรายได้ในแต่ละเดือนหรือแต่ละปี ยกตัวอย่างเช่น การลงทุนในพันธบัตร หรือหุ้นกู้ ที่จ่ายดอกเบี้ยมากกว่าบัญชีเงินฝาก หรือการลงทุนในกองทุนรวม หรือหุ้นสามัญที่จ่ายเงินปันผล หรือการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์บางประเภทที่สามารถสร้างรายได้จาก “ค่าเช่า” ได้เรื่อยๆในแต่ละเดือน เป็นต้น ไม่จำเป็นต้องคาดหวังผลตอบแทนที่มากมายอะไรนัก ขอเพียงแค่สามารถสร้างผลตอบแทนเป็น ดอกเบี้ย หรือ เงินปันผล หรือ ค่าเช่า ได้ประมาณ 4% ต่อปีของมูลค่าของทรัพย์สินรวมก็เพียงพอแล้ว
ขั้นที่ 2 | ประเมินค่าใช้จ่ายที่เราต้องใช้ในแต่ละเดือน
ข้อนี้จะง่ายดายมากถ้าหากเราเป็นผู้ชายที่รู้จักทำบัญชีรายรับรายจ่ายในแต่ละเดือน เราจะรู้ได้ทันทีว่าโดยส่วนตัวแล้วนั้น เราใช้เงินโดยเฉลี่ยเดือนละเท่าไหร่ แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยทำบัญชีรายรับรายจ่ายดังกล่าว MenDetails ขอย้ำตรงนี้ว่าไม่มีคำว่าสายเกินไปครับ ทุกวันนี้มี application บนมือถือที่ให้เราสามารถบันทึกรายรับรายจ่ายอย่างง่ายๆ อยู่มากมาย โหลดแอพที่เราชอบออกมาแล้วเริ่มบันทึกเสียตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้เราประเมินงบประมาณของตัวเองได้อย่างแม่นยำมากขึ้นนะครับ อย่างไรก็ตามในที่นี้ MenDetails ขอสมมติว่าเรามีค่าใช้จ่ายส่วนตัวเฉลี่ยเดือนละ 50,000 บาทนะครับ
ขั้นที่ 3 | The Magic Number is ‘300’
ขั้นตอนสุดท้ายคือการนำตัวเลขค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่เราประเมินของตัวเองไว้ มาคูณกับ ‘300’ ก็จะได้ตัวเลขของมูลค่าทรัพย์สินที่สร้างรายได้ที่เราควรจะมีเมื่อเราหยุดทำงานครับ จากตัวอย่างที่เราสมมติก็คือค่าใช้จ่ายส่วนตัว 50,000 บาทต่อเดือน เมื่อคูณกับ 300 ก็จะได้เป็นตัวเลข “15 ล้านบาท” นั่นเอง
“ทำไมต้อง 15 ล้านบาท?” คำตอบอยู่ตรงที่การคิดย้อนผลตอบแทนที่เราคาดว่าจะได้รับจากตัวเลข 15 ล้านบาท ซึ่งหากเราสามารถหาผลตอบแทนได้ที่ 4% ต่อปีตามที่เราตั้งความคาดหวังเอาไว้ ตัวเลข 4% ของ 15 ล้านบาทก็จะเท่ากับ 600,000 บาทต่อปี หรือเฉลี่ยที่ 50,000 บาทต่อเดือนนั่นเองครับ ด้วยตัวเลขดังกล่าวจะทำให้เงินต้นของเรายังอยู่ครบ โดยที่เราสามารถใช้จ่ายอย่างเพียงพอตามงบประมาณด้วยผลตอบแทนที่เงินของเราสามารถทำได้ในแต่ละปีเท่านั้น
บทสรุป
ตัวเลขเงินเก็บที่แต่ละคนควรจะมีนั้น จะแตกต่างออกไปตามความต้องการใช้เงินในแต่ละเดือน รวมถึงความสามารถในการหาผลตอบแทนด้วยการ “ให้เงินทำงาน” ซึ่งต้องยอมรับว่าแต่ละคนก็ย่อมมีความสามารถไม่เท่ากัน อย่างไรก็ดีจำนวน ‘300’ ที่นำมาคูณ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานในการหาผลตอบแทนให้ได้อย่างน้อยที่ 4% นั้น ก็ดูไม่ได้เป็นอะไรที่เกินจริงมากจนเกินไป MenDetails เชื่อว่าผู้ชายที่มีความรู้ในเรื่องการลงทุนอยู่บ้างน่าจะสามารถสร้างได้ไม่ยาก และเมื่อเรามีเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจนแล้ว ทีนี้การพยายามหาทางเพื่อไปให้ถึงนั้นก็จะเริ่มง่ายขึ้นแล้วล่ะครับ MenDetails ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ชายเก็บเงินได้สำเร็จตามเป้าหมายกันทุกคนนะครับ