เควนติน ทารันติโน (Quentin Tarantino) ผู้กำกับอเมริกันเชื้อสายอิตาลี คือหนึ่งในผู้กำกับจากฮอลลีวู้ดที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นมาก ขณะที่ผลงานหนังของเขาก็มีสไตล์จัดจ้านเป็นของตัวเอง ทั้งแปลก ตลก หยาบ รุนแรง และ กวน เขาครํ่าหวอดในวงการภาพยนตร์มายาวนานหลายสิบปี ไต่เต้าตั้งแต่ คนในกองถ่าย ตัวประกอบ มือเขียนบท จนกลายมาเป็น ผู้กำกับ แต่ที่น่าสนใจคือว่า ภาพยนตร์อย่างเป็นทางการของ เควนติน มีเพียง 9 เรื่องเท่านั้น และ เควนติน เคยกล่าวไว้ว่า เขาจะวางมือหลังกำกับหนังครบ 10 เรื่อง
“ผมคิดว่าการทำภาพยนตร์ของผมเดินมาถึงสุดทางแล้ว ผมมองเห็นตอนที่ตัวเองเขียนหนังสือและเริ่มเขียนบทภาพยนตร์ ผมคิดว่าผมได้ให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีกับภาพยนตร์ไปหมดแล้ว” แถมยังพูดตลกปิดท้ายว่า “ถ้าได้รับการตอบรับที่ดี (Once Upon a Time in Hollywood) ผมอาจจะเลิกทำตั้งแต่ตอนนี้เลยก็ได้นะ” คือคำให้สัมภาษณ์ล่าสุดของ เควนติน
ภาพจาก https://www.facebook.com/QuentinTarantinoDirector
ศักยภาพของ เควนติน ทารันติโน สามารถทำหนังต่อไปเรื่อยๆได้จนแก่ ทว่าดันเลือกที่จะหันหลังให้อาชีพที่ใครๆก็อยากเป็น เพื่อไปทำสิ่งอื่น ล่าสุดเขาเพิ่งปล่อยผลงานลำดับที่ 9 ออกมา ได้แก่ Once Upon a Time in Hollywood ที่สร้างเสียงฮือฮาอย่างมากกับการนำดาราแม่เหล็กอย่าง ลีโอนาโด ดิคาปริโอ (Leonardo DiCaprio) และ แบรด พิตต์ (Bradley Pitt) มาแสดงหนังร่วมกันเป็นครั้งแรก รวมถึงการนำเหตุการณ์สะเทือนขวัญฮอลลีวู้ดยุค 60 อย่างคดี แมนสันแฟมิลี่ มารำลึกถึงในรูปแบบของเขา
ทั้งนี้ เควนติน ทารันติโน ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้กำกับที่ดีที่สุดของฮอลลีวู้ดคนหนึ่ง หนัง 9 เรื่องของเขา ไม่มีสักเรื่องที่ขาดทุน และ ไม่เคยมีเรื่องไหนได้รับคะแนนน้อยกว่า 7 ในเว็บไซต์หนังชื่อดังอย่าง IMDB รวมถึงคว้ารางวัลในเวลาทีต่างๆมากมาย เรียกว่านอกจากจะสร้างงานแมสแล้ว ยังผลิตหนังคุณภาพอีกด้วย เป็นเรื่องน่าเสียดายมาก หากว่านี่คือผลงานลำดับรองสุดท้ายของเขาจริงๆ ว่าแล้วก็มาทำความรู้จักกับ เควนติน ทารันติโน ผ่านผลงานทั้ง 9 เรื่องของเขากันเลย
1.Reservoir Dogs (1992)
Reservoir Dogs ขบวนปล้นไม่ถามชื่อ เป็นภาพยนตร์แจ้งเกิดของ เควนติน ทารันติโน หนังที่ใช้เวลาพัฒนาบทประมาณ 3 สัปดาห์ เขาวางแผนถ่ายทำร่วมกับเพื่อนกลุ่มเล็กๆ ด้วยเงินทุนเริ่มต้น 30,000 เหรียญ กับฟีล์มขาว-ดำ ขนาด 16mm จุดเริ่มต้นของการนำเสนอภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องแบบไม่เรียงตามลำดับเวลา ซึ่งกลายเป็นความแปลใหม่ของฮอลลีวู้ด นอกจากนั้น บทภาพยนตร์ที่เขาเขียนก็ได้รับการยอมรับว่าเจ๋งมากๆ Reservoir Dogs เต็มไปด้วยความดิบ สด ใหม่ ส่วนการแสดงของ ทิม รอท , ฮาร์วี่ย์ คเทล และ สตีฟ บูเซมี ก็เข้าขั้นยอดเยี่ยม
เรื่องย่อ Reservoir Dogs คือหนังที่ว่าด้วยเรื่องของการรวมตัวของเหล่าอาชญากร 6 คน ที่วางแผนกันปล้นร้านเพชร แต่ละคนถูกคัดเลือกให้มาทำงานจาก มันสมอง ขององค์กรอีกทีหนึ่ง โดยใช้ ชื่อสี เรียกแทนชื่อตอนปฏิบัติงาน ก่อนที่ทั้งหมดจะลุกขึ้นไปปฎิบัติการ และมารวมกันที่จุดนัดพบ คือ โกดังร้าง แต่อะไร อะไร มันกลับไม่เป็นไปตามแผน โดยเฉพาะความหวาดระแวงว่า 1 ใน 6 คนนี้ อาจมีตำรวจที่ปลอมตัวเข้ามาเป็นหนอนบ่อนไส้
2.Pulp Fiction (1994)
Pulp Fiction เขย่าชีพจรเกิดเดือด น่าจะเรียกได้ว่าเป็นผลงานขึ้นหิ้งของ เควนติน ทารันติโน หลังประสบความสำเร็จกับ Reservoir Dogs ทำให้โปรเจกต์ Pulp Fiction ของเขา ได้รับความสนใจจากนักแสดงชื่อดัง ในหนังจึงมีทั้ง จอห์น ทราโวลต้า, ซามวลแอล.แจ็คสัน, บรู๊ซ วิลลิส และ อูม่า เธอร์แมน มารับบทนำ พร้อมปะทะคารมกันอย่างสนุกสนาน (หนังของเขาเกือบทุกเรื่องจะมีช่วงบทสนทนายืดยาว) และหนังเรื่องนี้กลายเป็นมาสเตอร์พีซ เพราะสามารถส่งให้ เควนติน ได้รับรางวัลออสการ์ในสาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเมื่อปี 1995
Pulp Fiction ภาพยนตร์แนวอาชญากรรมที่เล่าถึง จูลส์ วินน์ฟิลด์ และ วินเซนต์ เวก้า คู่หูมือปืนได้รับภารกิจจากหัวหน้ากลุ่มอาชญากร มาเซลลัส วอลเลคโดยให้นำเอากระเป๋าเดินทางที่ถูกขโมยไปกลับคืน และยังสั่งให้เอาภรรยาสาว มีอา วอลเลค ไปเที่ยวตอนไม่อยู่ด้วย อีกด้าน บุตช์ คูลิดจ์ รับค่าจ้างให้ล้มมวยจาก มาเซลลัส วอลเลค แต่พอชกจริงกลับทำให้คู่ต่อสู้เสียชีวิตโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงต้องหนีหัวหน้าอาชญากรแต่ว่าลืมนาฬิกาของพ่อจึงต้องกลับไปเอา ขณะเดียวกัน พัมคิน และ ฮันนี่ บันนี่ คู่รักที่ตัดสินใจปล้นร้านอาหารที่ทั้งสองกำลังบริการอยู่ แต่ไม่ง่ายอย่างที่คิด ชีวิตของคนหลากหลายที่ดูไม่เกี่ยวโยงกัน ได้บรรจบในที่สุด
3.Jackie Brownz (1997)
Jackie Brownz แผนหักเหลี่ยมทลายแก็งมาเฟีย หนังเรื่องนี้ เควนติน ทารันติโน สร้างมาจากหนังสือนิยาย เป็นเรื่องแรกที่เขาใช้ตัวละครผู้หญิงเป็นคนเดินเรื่องหลัก นำแสดงโดย แพม เกียร์ , ไมเคิล คีตัน , โรเบิร์ต ฟอร์สเตอร์ , ซามวลแอล.แจ็คสัน และ โรเบิร์ต เดอเนโร มุขวางแผนปล้อนกับสถานการณ์อลหม่านเริ่มเสื่อมมนต์ขลัง แม้ Jackie Brownz จะประสบความสำเร็จในเรื่องรายได้ที่ทำกำไรมหาศาล แต่หนังได้คะแนนจากนักวิจารณ์น้อย เมื่อเทียบกับผลงานสองเรื่องที่ผ่านมา
Jackie Brownz พูดถึงการวางแผนปล้นตลบหลังแก็งค์มาเฟียของ แจ็คกี้ บราวน์ สาวคนนึงที่ถูกจับฐานยักยอกเงินของพ่อค้าปืน ซึ่งเป็นเจ้านายเธอเอง หลังจากเธอโดนจับตำรวจขอให้เธอร่วมมือโดยการให้แฉเจ้านายของเธอเพื่อแลกกับอิสระภาพ แต่เธอคิดว่าหากแฉไปจะไม่ปลอดภัยยังไงก็ตาย ระหว่างที่กำลังคิดหาทางออกอยู่นั้น เธอเกิดไอเดียว่าไม่ต้องสารภาพซัดทอดใคร และก็ไม่ต้องตายด้วย เพียงขโมยเงินของพ่อค้าอาวุธคนนั้นแล้วหนีซะเลย แน่นอนว่าทุกอย่างไม่ราบรื่นหรอก มีเหตุการณ์คาดไม่ถึงรอเธออยู่อีกเพียบ
4.Kill Bill 1&2 (2003-2004)
หลังจากพักการทำหนังไปหลายปี เควนติน ทารันติโน กลับมาปังอีกครั้งกับผลงานชิ้นโบว์แดงอย่าง Kill Bill นางฟ้าซามูไร ภาพยนตร์ล้างแค้นในตำนาน ที่ส่งให้ อูม่า เธอร์แมน โด่งดังเป็นพลุแตก ตัวหนังได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์จีนกำลังภายใน ยากูซ่า ซามูไร และ หนังคาวบอยตะวันตก “การเเก้เเค้นคืออาหารรสชาติเยี่ยมเมื่อมันเย็นเเล้ว” แค่ประโยคเปิดก็ทำเอาคนดูขนลุกแล้ว ส่วนฉากแอ็คชั่นก็มันส์เลือดสาดชนิดที่หลายฉากต้องปรับโทนสีเป็นขาวดำ เพื่อลดความรุนแรงลง ซึ่งเป็นหนังภาคต่อไม่กี่เรื่องของฮอลลีวู้ดที่ ภาคสอง ได้รับคำชมมากกว่า ภาคแรก นอกจากนี้ยังมีผลต่อโลกแฟชั่น เพราะทำให้ รองเท้าโอนิสึกะไทเกอร์สีเหลืองรุ่น Onitsuka Tiger Mexico 66 Kill Bill (Yellow/Black) ที่ตัวละครใส่ ขายดิบขายดีจนถึงทุกวันนี้
Kill Bill 1&2 เมื่อหญิงสาวตั้งท้องกับ บิล หัวหน้าองค์กรและคนรักของเธอ เจ้าสาวตัดสินใจที่จะถอนตัวออกจากองค์กร เพื่อไปใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา โดยการเข้าพิธีแต่งงานกับชายคนหนึ่ง แต่แล้วในงานแต่งงานของเธอ บิลกับเหล่านักฆ่าขององค์กร ได้บุกเข้ามาที่งาน และถึงแม้เธอจะบอกเขา ในวินาทีแห่งความเป็นความตายว่า เธอตั้งท้องลูกของเขาอยู่แต่ บิลก็ตัดสินใจที่จะจบความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา ด้วยการยิงไปที่ศีรษะของเธอ แต่เธอรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด บิลส่งลูกน้องไปจัดการกับเธอในโรงพยาบาล จนเธอต้องตกอยู่ในอาการโคม่า 4 ปี ต่อมาเมื่อเธอฟื้นขึ้นมาจากอาการโคม่าอย่างน่าอัศจรรย์ หลังจากนี้ ปฏิบัติการณ์ตามล่าล้างแค้น Kill Bill จึงเริ่มต้นขึ้น
5.Death Proof (2007)
Death Proof โชเฟอร์บากพญายม หรือชื่อเต็ม Grindhouse: Death Proof น่าจะเป็นภาพยนตร์ที่ดังน้อยที่สุดของ เควนติน ทารันติโน รวมทั้งได้คะแนนวิจารณ์น้อยที่สุด เขายังคงคอนเซปต์ ใช้ตัวละครนำเป็นผู้หญิง แต่เปลี่ยนมาทำหนังแอ็คชั่นสยองขวัญแนวฆาตกรโรคจิต โดย เควนติน ตั้งใจทำเพื่อคารวะแก่แนวภาพยนตร์สยองขวัญทุนต่ำยุค 60 – 70 นำแสดงโดย ซิดนี่ ทาเมีย พอยเทียร์ , รัสเซล , จอร์แดน แลด และ วาเนสซ่า เฟอร์ลิโต้ แถมยังได้ผู้กำกับหนังชื่อดังอย่าง อีไล ร็อธ กับ เอ็ดการ์ ไรท์ มารับบทนักแสดงสมทบด้วย
Death Proof เกี่ยวกับ ดีเจสาวสุดฮอตแห่งออสติน จังเกิ้ล จูเลีย ได้โอกาสที่จะออกตะลุยราตรีกับเพื่อนสนิทอีกสองคนคือ แชนน่า กับอาร์ลีน สามสาวเสน่ห์เหลือร้ายตั้งใจว่าจะสนุกกับค่ำคืนแบบสาวๆกันแบบสุดเหวี่ยง หลังปาร์ตี้พวกเธอออกจากร้านเจอร์โร่ มุ่งหน้าไปต่อที่ร้าน เท็กซัส ชิลลี่ พาร์เลอร์ แต่ระหว่างทางพวกเธอพบกับ สตั๊นท์แมนโรคจิต ที่ชอบขับรถสีดำเพ้นท์รูปหัวกะโหลกบนกระโปรงหน้าออกมาล่าเหยื่อ ด้วยการขับรถไล่ชนสาวเซ็กซี่บนถนนหลวงสายเปลี่ยว
6.Inglourious Basterds (2009)
Inglourious Basterds ยุทธการเดือดเชือดนาซี คือหนังที่เซอร์ไพรส์แฟนๆพอสมควร เนื่องจากไม่มีใครคาดคิดว่า เควนติน ทารันติโน จะทำภาพยนตร์สงครามโลก แต่ก็เป็นหนังสงครามตามสไตล์ของเขา คือไม่ได้โฟกัสที่การหํ่าหั่นกันของทหารสองฝ่าย แต่เน้นไปที่ปฏิบัติการลับและการล้างแค้นของชาวยิว หนังได้นักแสดงดังหลายคนมาร่วมงานไม่ว่าจะเป็น แบรด พิตต์ , แดเนียล บรูห์ล , ไดแอน ครูเกอร์ , คริสตอฟ วอลท์ซ และ เมลานี ลอเรนต์ หนังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 8 สาขา และคว้ามาได้ 1 รางวัล คือสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากการแสดงอันลือลั่นของ คริสตอฟ วอลท์ซ แถมยังมีฉากเด็ดที่น่าจดจำอย่างการยิงกันอุตลุดในบาร์ชั้นใต้ดินที่ทำออกมาได้ดุเดือดมาก
Inglourious Basterds ในปีแรกที่เยอรมันบุกเข้ายึดครองฝรั่งเศส โชซานน่า ไดรย์ฟัส ได้เห็นเหตุการณ์การสังหารสมาชิกในครอบครัวของเธอด้วยน้ำมือของนาซีพันเอกฮานส์ แลนดา โชซานน่าแอบหลบหนีและเดินทางมายังปารีส ที่ซึ่งเธอได้สร้างตัวตนขึ้นมาใหม่ในฐานะเจ้าของและพนักงานของโรงภาพยนตร์แห่งหนึ่ง ณ อีกที่หนึ่งในยุโรป ร้อยโทอัลโด เรน ได้จัดตั้งกลุ่มทหารอเมริกันเชื้อสายยิวขึ้นเพื่อลงมือล้างแค้นอย่างฉับไวและน่าตกใจ ซึ่งต่อมาทหารกลุ่มนี้เป็นที่รู้จักในหมู่ศัตรูในชื่อ “แก๊งค์สุดแสบ” หน่วยของเรนได้ร่วมมือกับ บริดเจ็ต วอน แฮมเมอร์สมาร์ก นักแสดงหญิงชาวเยอรมันซึ่งเป็นสายลับ ในภารกิจโค่นกลุ่มผู้นำนาซี โชคชะตามาบรรจบกันภายใต้เจ้าหญิงแห่งโรงหนัง ที่ซึ่งโชซานน่าได้วางแผนการแก้แค้นของเธอเอง ด้วยการใช้หลักการในมาตรฐานเท่าเทียมกัน
7.Django Unchained (2012)
Django Unchained จังโก้ โคตรคนแดนเถื่อน คือภาพยนตร์คาวบอย แอ็คชั่น อิงประวัติศาสตร์ ในยุคล่าค่าหัวที่นำแสดงโดย เจมี่ ฟ็อกซ์ , ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ และ คริสตอฟ วอลท์ซ โดยเป็นหนังเรื่องแรกๆที่ เควนติน ทารันติโน นำเสนอเรื่องการเหยียดผิว ผ่านตัวละครนักล่าค่าหัวที่เป็นคนผิวดำ แถมยังพลิกบทบาทให้ พระเอกอย่าง ลีโอนาร์โด มารับบทเป็นตัวร้าย หนังได้รับคำชมมากพอสมควร แถม คว้า 2 รางวัลลูกโลกทองคำ และยังส่งให้ คริสตอฟ วอลท์ซ คว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมมาครองได้อีกรอบ
Django Unchained เรื่องย่อ ดร. คิง ชูลซ์ นักล่าค่าหัวกำลังตามหาคนที่เคยเห็นหน้าสามพี่น้องที่มีรางวัลนำจับทำให้เขาได้ช่วยเหลือทาสผิวดำชื่อว่า จังโก้ ให้เป็นไท เมื่อทั้งสองทำงานนี้ร่วมกันสำเร็จ ชูลซ์ได้ชวนจังโก้มาเป็นคู่หูล่าค่าหัวด้วยกัน ก่อนที่จะเข้าสู่พล็อตหลักนั่นคือการปลอมตัวเพื่อไถ่ตัวทาสที่เป็นภรรยาของจังโก้ ซึ่งเป็นทาสของ แคลวิน เจ้าของไร่ผู้คลั่งไคล้กีฬามวยปล้ำ
8.The Hateful Eight (2015)
The Hateful Eight 8 พิโรธ โกรธแล้วฆ่า เควนติน ทารันติโน ติดใจหนังคาวบอย แต่คราวนี้นำมาผสมกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ รวมถึงยังจับประเด็นการเหยียดผิวเหมือนเดิม บทหนังเจาะลึกสภาวะจิตใจของมนุษย์กลุ่มหนึ่งซึ่งผู้ชมอย่างเราสามารถเข้าถึงและพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์รุนแรงที่ทดสอบความจงรักภักดีและการทรยศหักหลัง และหนังถ่ายทำด้วยกล้อง 70 มม. ที่นำเสนอได้สวยงาม เมื่อราวมกับทีมนักแสดงสายแข็งอย่าง แซมมูเอล แอล แจ็คสัน. , เคิร์ต รัสเซลล์ , ไมเคิล แมดเซ่น , ทิม ร็อธ , แชนนิ่ง ทาทัม และ เจนนิเฟอร์ เจสัน ลีห์ ก็ยิ่งทำให้หนังเข้มข้นขึ้น
The Hateful Eight 8 จอห์น รูธ มือแขวนในตำนานที่ต้องพา เดซี่ นักโทษโคตรบ้าไปยังเมืองเรดร็อกเพื่อประหารชีวิต แต่ว่าทั้งสองต้องเผชิญหน้ากับ ผู้พัน มาร์คิส นักล่าค่าหัวและ แมนนิกซ์ มือปราบโป้งกระจุย ท่ามกลางพายุหิมะทำให้ทั้งสี่คนต้องติดอยู่ในกระท่อมหลังหนึ่งซึ่งได้พบกับคนแปลกหน้าอีกสี่คนอย่าง บ็อบ เม็กซิกันพันธุ์โหด, โจ เกจ โคบาลชั่วฆ่าวัวด้วยมือเปล่า, ออสวอลโด ฉายาอังกฤษอสรพิษ และ นายพล แซนฟอร์ด นายพลคนอันตราย โดยคนแปลกหน้า 8 คนนี้มีความลับและความแค้นบางอย่างที่ต้องชำระด้วยเลือดและลูกปืน
9.Once Upon a Time in Hollywood (2019)
Once Upon a Time in Hollywood กาลครั้งหนึ่งในฮอลลีวู้ด หนังเรื่องแรกของ เควนติน ที่สร้างขึ้นมาโดยอ้างอิงจากคดีดังที่เกิดขึ้นจริง กับเรื่องราวคดีฆาตกรรมแมนสัน หรือ แมนสันแฟมิลี่ ในช่วงยุคปลายปี 60 รวมกับเรื่องราวเบื้องหลังการทำงานของวงการฮอลลีวู้ด นำแสดงโดยสามดาราแม่เหล็กอย่าง ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ , แบรด พิตต์ , มาร์โกต์ ร็อบบี้ ว่ากันว่า นี่คือจดหมายรักถึงฮอลลีวู้ดฉบับ เควนติน ทารันติ และอาจเป็นภาพยนตร์เรื่องลำดับรองสุดท้ายของเขา
Once Upon a Time in Hollywood ภาพยนตร์พีเรียดแนวดาร์กคอมาดี้ ย้อนกลับไปในปี 1969 เล่าเรื่องราวของ ริค ดัลตัน อดีตนักแสดงละครคาวบอย และ คลิฟท์ บูธ คู่หูสตันต์ของเขา ทั้งคู่พยายามจะกลับคืนสู่วงการที่ดูจะไม่ต้อนรับพวกเขาเหมือนเดิม โดยพวกเขาอาศัยอยู่ด้วยกันพร้อมเพื่อนบ้านที่เป็นดาราดังในยุคนั้นอย่าง ชารอน เทต
สำหรับหนังเรื่องที่ 10 หรือภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายในชีวิตของ เควนติน มีชื่อออกมาว่าเป็น Untitled Star Trek Project คงต้องลุ้นกันว่า เควนติน ทารันติ จะสร้างหนังอวกาศออกมาในรูปแบบไหน และหนุ่มๆที่อยากชมผลงานเรื่องก่อนๆของเขา ลองหามาดูได้เลย ส่วน Once Upon a Time in Hollywood ยังมีคิวฉายในโรงภาพยนตร์บ้านเราครับ