กฎของยานเต้ (Law of Jante) ว่าด้วยแนวคิดของการสร้างความสุขได้ด้วยตัวเอง 10 ข้อสั้นๆ ดังนี้ เป็นหนึ่งปรัชญาการใช้ชีวิตที่ดีของชาวสแกนดิเนเวีย ที่ทำให้ เดนมาร์ก สวีเดน นอร์เวย์ ฟินแลนด์ กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียได้ชื่อว่าเป็นโซนที่ประชากรมีความสุขมากที่สุดในโลก จากงานวิจัยและการจัดอันดับสถิติต่างๆ อาทิ ฟินแลนด์ ได้อันดับ 1 ประเทศมีความสุขที่สุดในโลก 5 ปีซ้อน รวมถึงปี 2022 ส่วนเดนมาร์ก ได้อันดับ 2 พ่วงตำแหน่ง กรุงโคเปนเฮเกน เมืองหลวงถูกจัดอันดับว่าเป็นเมืองปลอดภัยที่สุดในโลก ขณะที่ นอร์เวย์ ได้อันดับ 3 และ สวีเดน ติดอันดับ 4
ความน่าสนใจคือพื้นที่แถบยุโรปเหนือถือว่ามีสภาพอากาศที่เลวร้าย ทั้งมีความหนาวจัดและแสงแดดต่อปีน้อยมาก แต่ชาวสแกนดิเนเวียกลับสามารถปรับตัวให้มีความสุขกับสิ่งแวดล้อมได้ดี จนทำให้ทั่วโลกพากันสนใจปรัชญาการใช้ชีวิตของพวกเขา อาทิ ฮุกกะ (Hygge) ลุกกะ (Lykke) ซิซู (Sisu) ลากอม (Lagom) และ กฎของยานเต้ (Law of Jante)
กฎของยานเต้ (Law of Jante) ว่าด้วยแนวคิดของการสร้างความสุขได้ด้วยตัวเอง 10 ข้อสั้นๆ ดังนี้
- อย่าคิดว่าตัวเองพิเศษ
- อย่าคิดว่าตัวเองดี
- อย่าคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่น
- อย่าบอกตัวเองว่าตัวเองดีกว่าใคร
- อย่าคิดว่าตัวเองมีมากกว่าใคร
- อย่าคิดว่าตัวเองสำคัญกว่าใคร
- อย่าคิดว่าตัวเองเก่งไปซะทุกอย่าง
- ห้ามหัวเราะเยาะคนอื่น
- อย่าคิดว่ามีคนสนใจเกี่ยวกับตัวเองนัก
- อย่าคิดว่าตัวเองสามารถสอนคนอื่นได้
ทั้งนี้ กฎของยานเต้ จะว่าด้วยเรื่องของการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยการถ่อมตัว มีที่มาจากนิยายแนวเสียดสีชื่อ A Fugitive Crosses His Tracks ( En flyktning krysser sitt spor, 1933) ของ Aksel Sandemose นักเขียนนิยายชาวเดนมาร์ก – นอร์เวย์ เนื้อหากล่าวถึงเมืองเล็กๆ ของเดนมาร์กชื่อว่า Jante ซึ่งเมืองนี้จะมีกฎอยู่ 10 ข้อให้ชาวเมืองปฏิบัติตาม ที่ถูกนำมาปรับใช้เกี่ยวกับเคล็ดลับการทำงานและการใช้ชีวิตของชาวสแกนดิเนเวีย โดยเป็นประสบการณ์จากการที่ผู้เขียนได้เข้าไปใช้ชีวิตร่วมกับชาวพื้นเมืองในเดนมาร์กหลายปี
หัวใจหลักจาก กฎของยานเต้ อยู่ที่ การเป็นคนในระดับค่าเฉลี่ย คุณจะต้องไม่เชื่อว่าคุณโดดเด่นหรือล้ำเลิศกว่าคนอื่น ซึ่งแนวคิดนี้ช่วยควบคุมจิตสำนึกของผู้คนและสะท้อนออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนในสแกนดิเนเวีย ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมต่างๆที่มีลักษณะเหมือนๆกัน บ้านสไตล์นอร์ดิกที่เน้นโทนไม้ ใช้สีธรรมชาติ ส่วนการแต่งกายของผู้คนจะใส่เสื้อผ้าสีที่ไม่ฉูดฉาด ทานอาหารออแกนิก และมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย
สถาบันการศึกษาหลายแห่งได้วิจัยและสรุปว่า กฎของยานเต้ มีอิทธิพลต่อชาวสแกนดิเนเวียมาจนถึงปัจจุบัน และกลายเป็นหนึ่งในปรัชญาแห่งการใช้ชีวิตให้มีความสุขที่คนทั่วโลกกำลังพูดถึง ซึ่งถือว่ามีแนวคิดใกล้เคียงกับปรัชญาในประเทศเอเชียเ กับการสอนให้คนรู้จักประมาณตน ไม่ข่มคนอื่น และมีจิตใจเมตตา ให้เกียรติกันและกัน ยึดหลักมนุษย์มีความหลากหลายแต่ทุกคนเสมอภาคทั้งเรื่องการใช้ชีวิตและความคิด
เหล่านี้เมื่อปรับมาใช้กับการทำงาน หากคุณรู้ว่า คุณอาจไม่ได้ดี-เก่ง-เหนือไปกว่าผู้อื่น การมีแนวคิดเรื่องความเท่าเทียมในการทำงานจะช่วยให้คุณลดอคติหรืออีโก้ในที่ทำงานกับคนหลายๆกลุ่ม ดังนั้นไม่ว่าจะมีตำแหน่งตํ่าหรือสูงกว่า คุณก็จะเปิดรับและยินดีที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วย ขณะเดียวกันตัวคุณเองก็ยังมองเห็นคุณค่าของตัวเองด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ยังเป็นเครื่องเตือนสติในการคิดวิเคราะห์ อย่างรอบคอบ ไม่มองอะไรแบบผิวเผิน และมี Empathy เอาใจเค้ามาใส่ใจเรา หากทุกคนยึดหลักนี้ปัญหาการเมืองในที่ทำงานจะหมดไปทันที
อย่างไรก็ตาม แนวคิดการพอใจในตัวเองของ Law of Jante ไม่ได้หมายถึงการขี้เกียจหรือไม่ทะเยอทะยาน เพียงแต่ไม่ควรตั้งเป้าหมายให้ใหญ่หรือมากเกินไป ควรเริ่มต้นด้วยเป้าหมายขนาดกลางๆไม่เกินตัว โอกาสที่จะทำสำเร็จได้มากกว่า และหากได้ผลลัพธ์ที่สูงเกินความคาดหมายก็สามารถขยับเป้าหลายขึ้นไปได้ สอดคล้องกับผลวิจัยจาก University College of London (UCL) ที่วิจัยว่า การมีความคาดหวังที่ต่ำ (Low expectation) สามารถช่วยกระตุ้นความสุขมากขึ้นได้
ดังนั้น แม้ว่าจะใช้กฎของยานเต้ รายได้ของชาวสแกนดิเนเวียก็ยังสูงเป็นอันดับต้นๆของโลก และภาคธุรกิจเอง แบรนด์ของกลุ่มประเทศนอร์ดิกก็เติบโต ได้รับการยอมรับ และมีชื่อเสียงในระดับโลกมากมาย อาทิ AstraZeneca , Nokia , IKEA , Skype , H&M , COS , Volvo , Spotify , Lego , Carlsberg , Saab , Ericsson , Acne Studios และ MARIMEKKO เป็นต้น
ด้านการใช้ชีวิต กฎของยานเต้ ไม่ได้จำกัดหรือลดศักยภาพของมนุษย์ แต่กฏทั้ง 10 ข้อ สามารถใช้เตือนสติของคุณไม่ให้ประมาท โอ้อวดหรือหลงตัวเอง การทำได้เหมือนกับคนอื่นก็ความสุขแล้ว และหากมีอะไรที่มากกว่าค่าเฉลี่ยก็จะเป็นความสุขที่มากขึ้นกว่าเดิม โดยไม่ว่าคุณจะประสบความสำเร็จเรื่องใดในชีวิตก็ตาม ก็ควรรักษาความอ่อนน้อมถ่อมตนและการเคารพผู้อื่นเอาไว้ด้วย ถือว่าเป็นแนวคิดที่เหมาะสมในการดึงสติตัวเองได้อย่างดี
สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณเป็นคนที่ดูอบอุ่น มีมารยาท น่านับถือชื่นชมต่อบุคคลภายนอก ขณะที่ผลดีต่อตัวเองคือปรัชญานี้สามารถนำมาซึ่งความสบายใจในทุกวันๆ และอาจนำไปสู่การพบกับความสงบสุขที่แท้จริงของชีวิตคุณได้ไม่ยาก
บทความที่เกี่ยวข้อง
เรียนรู้ Hygge Lagom Sisu 3 ปรัชญาชีวิตสแกนดิเนเวียที่จะทำให้คุณมีความสุขได้แม้ในวันอากาศไม่ดี