หากกล่าวถึงนักร้องเพลงป๊อปขวัญใจวัยรุ่นในยุคนี้แล้ว เชื่อว่าหลาย ๆ คนจะต้องนึกถึง อะตอม ชนกันต์ นักร้องนักแต่งเพลง เจ้าของเพลงอกหักแบบเจ็บ ๆ อย่าง Please, ทางของฝุ่น, อ้าว เพลงที่ไม่ว่าเปิดขึ้นมาที่ไหน ใคร ๆ ก็สามารถร้องตามได้ วันนี้ MenDetails.com จะพาทุกคนย้อนกลับไปดูการเดินทางกว่าจะมาเป็นอะตอมในวันนี้พร้อม ๆ กันครับว่าสิ่งใดที่สามารถทำให้ผู้ชายคนหนึ่งลงมือทำเพื่อความฝันของตัวเองจนสำเร็จได้ และมีเทคนิคดี ๆ อะไรของนักร้องหนุ่มที่เราจะดึงมาปรับใช้กับชีวิตตัวเองได้บ้าง
ดนตรีที่สอดแทรกอยู่ในทุกช่วงชีวิตของ อะตอม ชนกันต์
การเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่คนในครอบครัวหลงรักเสียงดนตรีเป็นส่วนสำคัญที่หล่อหลอมให้ตัวอะตอม ‘อิน’ กับเรื่องดนตรีตามไปด้วยในวัยเด็ก คุณแม่ของอะตอมเคยเป็นนักร้องมาก่อน ในขณะที่คุณพ่อก็เล่นกีตาร์ให้เขาเห็นตั้งแต่แรกเริ่มที่จำความได้ เขาเริ่มร้องเพลงลูกทุ่งเพราะอยากจะร้องตามศิลปินลูกทุ่งที่คุณแม่ชอบเปิดฟัง และเริ่มจับกีตาร์ครั้งแรกในช่วงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
“ชอบดนตรีตั้งแต่เด็กแหละ ชอบร้องเพลง เล่นกีตาร์เป็นงานอดิเรก แต่เริ่มต้นด้วยการร้องเพลงเพราะมันง่ายสุดที่จะเลียนแบบสิ่งที่เราฟังผ่านวิทยุได้”
ช่วงประถมที่เห็นเพื่อนนำกีตาร์มาเล่นที่โรงเรียน เป็นตัวจุดประกายทำให้อะตอมอยากลองเรียนกีตาร์บ้าง แม้ว่าช่วงแรกจะเรียน ๆ หยุด ๆ เพราะอยากสนุกกับชีวิตวัยเด็กไปตามประสา แต่สุดท้ายในวัยมัธยมต้นอะตอมก็กลับมาจริงจังกับการจับกีตาร์อยู่ดี
“พอขึ้นมัธยมต้นเราอยากกลับมาตั้งวงดนตรีในรั้วโรงเรียน ก็เล่นกีตาร์ไป แต่งเพลงไปด้วย เริ่มจากแปลงเพลง ใส่เนื้อเพลงเข้าไปในทำนองที่ดังอยู่แล้ว เริ่มเป็นรูปเป็นร่างในช่วงม.3 แต่การทำวงมันจะเกิดปัญหาความคิดเห็นไม่ตรงกัน เราเลยเลือกที่จะเขียนเพลงเองแล้วอัดกับกีตาร์โปร่งคนเดียว ทำ Demo แบบง่าย ๆ”
อะตอมได้เซ็นสัญญาเป็นนักร้องตอนที่อยู่ปีหนึ่ง แต่ยังเป็นเพียงศิลปินฝึกหัด ด้วยประสบการณ์ทางด้านสไตล์ดนตรี การแสดงสดบนเวทีไปจนถึงเรื่องลุคการแต่งตัวยังไม่เจอจุดที่พอเหมาะพอดีที่สุด ช่วงนั้นอะตอมเลยใช้เวลาส่วนใหญ่ในรั้วมหาวิทยาลัยทุ่มเทให้กับเรื่องของดนตรี เก็บตัวแต่งเพลง เล่นกีตาร์ เป็นนักร้องประจำสถานบันเทิงแถวมหาวิทยาลัย และได้ออกซิงเกิ้ลจริง ๆ หลังเรียนจบ นั่นคือช่วงเวลาในวัยเรียนของอะตอมก่อนที่เพลง Please จะโด่งดังจนกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ
3 ข้อในการสร้างหนทางสู่ความสำเร็จ
-
เริ่มต้นจากค้นหาตัวเองให้เจอ รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ถนัดเรื่องไหน
อะตอมถือเป็นคนที่ค้นหาตัวเองเจอเร็ว ช่วงวัย 20 บางคนอาจกำลังเรียนในคณะที่ชอบ แต่ยังไม่รู้จะทำงานตรงสายดีไหม หรือบางคนอาจจะตามหาสิ่งที่ชอบที่สุดอยู่ ในขณะที่อะตอมเป็นคนหนึ่งที่รู้จักตัวเองดีว่าตนหลงรักในโลกของดนตรี รวมถึงพร้อมที่จะทุ่มเทเวลาให้อย่างเต็มที่ ซึ่งถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญสำหรับชีวิตการทำงานครับ
-
ฝึกฝนในสิ่งที่เราชอบจนมีความชำนาญ
แนวดนตรีที่ชอบและเนื้อเพลงที่อะตอมเขียนนั้นมี nature ของความเป็นเพลงป๊อปมากอยู่แล้วจึงทำให้เขาเลือกที่จะร้องเพลงป๊อป “ดนตรีแต่ละแขนงมีความดีของมัน อยู่ที่มันจะถูกทางกับเรารึเปล่า หรือเห็นความสวยงามของมันรึเปล่า” อะตอมกล่าวเช่นนั้นเมื่อพูดถึงสไตล์เพลงของตน โดยความถนัดนั้นถูกถ่ายทอดผ่านผลงานเพลง อาจมีสอดแทรกด้วยกลิ่นอายของดนตรี soul หรือ R&B มาบ้างจากแนวดนตรีที่ชอบเสพตั้งแต่เด็ก ๆ แต่แก่นหลักก็ยังคงเป็นป๊อปอยู่
เมื่อถามว่าอะตอมอยากจะทำเพลงแนวไหน เขาก็ตอบได้อย่างมั่นใจเลยว่าสิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้ใช่ตัวเองแล้ว ไม่ได้ฝืนเลย เริ่มจากเข้าใจว่าตัวเองชอบอะไร จากนั้นให้ลงมือทำได้อย่างเต็มที่ ฝึกปรือพัฒนาฝีมือจนถึงระดับที่เป็นมืออาชีพในทางนั้น ๆ ก็จะกลายเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จครับ
-
พาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบที่อยากเป็น
เมื่อมีความสามารถถึงระดับหนึ่งในเรื่องที่อินแล้วก็ให้พาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เราอยากเป็นครับ ถ้าอยากรู้จักคนแบบไหนพาตัวเองไปให้แวดล้อมด้วยคนแบบนั้น อยากเป็นคนแบบไหนให้พาตัวเองไปในสังคมนั้น ก็เป็นอีกหนึ่งหนทางสู่ความสำเร็จในเส้นทางที่เราเลือก
อะตอมได้เซ็นสัญญากับค่ายสนามหลวงตอนได้เจอกับแอมมี่ The Buttom Blues ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียน หลังจากนั้นในช่วงเรียนปี 3 ก็ได้พี่บอล อพาร์ทเมนต์คุณป้ามาเป็น producer ให้ การเจอคนที่มีเคมีในการทำงานเข้ากันได้ดี ทำให้เส้นทางชีวิตศิลปินของอะตอมชัดเจนขึ้น ส่วนในเรื่องสไตล์การแต่งตัวอย่างใส่สูท ผูกเนกไทก็ได้รับอิทธิพลบางส่วนมาจากบุรินทร์ Groove Riders สมัยที่ได้เป็นนักร้องคอรัสให้ในการทัวร์คอนเสิร์ตนั่นเองครับ
วิธีสร้างความมั่นใจในแบบของอะตอม
การที่ต้อง perform ต่อหน้าคนเยอะไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยประสบการณ์และรู้จักสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง ซึ่งในฐานะนักร้องอะตอมเล่าว่าการผ่านชั่วโมงบินเยอะ ๆ ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นได้เอง ความตื่นเต้นจะน้อยลงตามประสบการณ์ที่มี
หลายคนคงคุ้นเคยกับภาพอะตอมใส่แว่นกันแดด จริง ๆ แล้วในช่วงแรกแว่นกันแดดก็มีส่วนช่วยในเรื่องการสร้างความมั่นใจครับ “ใส่แว่นมันช่วยในเรื่อง perform เวลาถ่ายรูปไม่ว่าถูกถ่ายจากมุมไหนหน้าก็จะไม่หลุด แล้วก็ทำให้ไม่เขินเวลาต้องสบตาคนดู”
แต่ในฐานะผู้ชายคนหนึ่งเวลาเจอสถานการณ์ที่ต้องการเรียกความมั่นใจ ให้ลองใช้กฎ 15 นาที ใจดีสู้เสือไปก่อน ถ้าคิดจะลองทำอะไรสักอย่าง ให้ลองทำไปก่อน 15 นาทีแล้วเดี๋ยวมันก็จะชิลขึ้นเอง เราจะสามารถปรับตัวได้ดีขึ้นกว่าตอนแรก อย่างเวลาที่ต้องไปพูดหรือแสดงต่อหน้าคนเยอะ ๆ พอเวลาผ่านไปเราก็จะคุ้นเคยกับสถานการณ์ตรงหน้ามากขึ้นเมื่อเทียบกับตอนแรกนั่นเองครับ
วิธีสร้างความมั่นใจสำหรับผู้ชายที่อยากดูดีขึ้น
หาทางเกงทรงที่เหมาะกับตัวเองให้เจอ
การเจอสไตล์การแต่งตัวที่เหมาะกับตัวเองยังช่วยเสริมความมั่นใจได้ด้วยครับ คงไม่มีใครแต่งตัวเก่งตั้งแต่ต้น ทุกคนคงผ่านยุคของการลองแต่งตัวหลากหลายสไตล์มาก่อน อะตอมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ผ่านยุคการแต่งตัวเลียนแบบศิลปินคนดังในยุคที่ตัวเองเด็กมา ทั้งแต่งตัวแบบนักดนตรีวงร็อค ยุควงดนตรีอินดี้ วัยที่สนุกกับการแต่งตัวเพราะแต่งไปตามเพื่อน
ส่วนในช่วงมหาลัยก็จะชอบแต่งสไตล์บุปผาชน แนวเสื้อลินินคอวี เน้นลายเยอะ ๆ ใส่กับกางเกงยีนส์ ขาม้า กว่าจะมาเอาใจใส่กับเรื่องการแต่งตัวแบบจริงจังก็ตอนที่รู้สึกว่าสไตล์มันล้อไปกับเรื่องของแนวดนตรี หลังเรียนจบถึงเริ่มหันมาสนใจ Satorial Style มากขึ้น อะตอมเรียกเสียงหัวเราะขณะสัมภาษณ์ว่าในช่วงแรกนั้นเป็นช่วงขาด ๆ เกินๆ เพราะต้องลองและหาซื้อชุดด้วยตัวเอง เป็นช่วงของการหา reference เพื่อแต่งตัวตามไปก่อน
“หากางเกงที่ทรงมันเหมาะกับเรา มันต้องใช้เวลานะ เพราะสัดส่วนตัวคนไม่เหมือนกัน บางคนลำตัวสั้นแต่ขายาว บางคนตัวยาวแต่ขาสั้น ซึ่งการจะเจอกางเกงที่มันเข้ากับหุ่นเราจริง ๆ ต้องใช้เวลาหา ลองไปเรื่อย ๆ จนเจอว่าทรงไหนที่เหมาะกับหุ่นเราจริง”
กว่าจะกลายมาเป็นสไตล์ของอะตอมในวันนี้ก็ตอนได้เจอสไตลิสต์และคนที่ชอบแต่งตัวแนวเดียวกันจริง ๆ นั่นเอง โดยอะตอมฝากถึงผู้ชายทุกคนที่อยากดูดีขึ้นว่าควรจะหากางเกงทรงดี ๆ สักตัวที่เหมาะกับหุ่นของตัวเองให้เจอ เพราะกางเกงเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของร่างกาย เลือกกางเกงให้ดูดีมาก่อนก็จะทำให้เลือกเครื่องแต่งกายชิ้นถัดไปง่ายขึ้น แนวทางของอะตอม คือ เริ่มจากเลือกกางเกง ต่อไปที่รองเท้า แล้วค่อยเลือกเสื้อเป็นอย่างสุดท้ายครับ
เรื่องที่อยากฝากถึงอะตอมในวัย 20 ไม่ใช่การทำตามความฝันสำเร็จ
แต่เป็นเรื่อง ‘ไม่อยากเริ่มสูบบุหรี่’
การได้พูดคุยกับนักร้องชื่อดังที่สุดคนหนึ่งในยุคนี้ ทำให้ทีมงาน MenDetails อดสงสัยไม่ได้ว่า หากย้อนเวลากลับไปบอกอะตอมตอนวัย 20 ได้เขาจะบอกอะไรกับตัวเอง จะเป็นเรื่องการทำตามความฝันความสำเร็จไหม? แต่คำตอบที่ได้รับมาไม่ใช่เรื่องที่คาดไว้ครับ อะตอมอยากบอกตัวเองว่าให้ลดการสูบบุหรี่ให้ช่วงวัยรุ่นหน่อย
“สูบบุหรี่น้อย ๆ หน่อย สมัยเด็กเราอาจจะรู้สึกว่า ปาร์ตี้มันเท่ เรามันเป็นวัยรุ่นต้องใช้ชีวิต แต่พอมาตอนนี้เรากลับเสียใจ คิดว่าถ้าไม่เจอกันน่าจะสุขภาพดีกว่านี้”
ไม่ใช่เรื่องเส้นทางชีวิต ไม่ใช่เรื่องทำตามความฝันสำเร็จ ไม่ใช่เรื่องอนาคตที่อยากให้ตัวเองในตอนเด็กรับรู้ แต่กลับเป็นเรื่องสุขภาพ คงจะจริงที่ว่าสุขภาพเป็นสิ่งที่คนจะเริ่มเห็นคุณค่าเมื่ออายุเพิ่มขึ้น หากใครยังไม่เคยลองสูบบุหรี่ อะตอมแนะนำว่าอย่าลองเลยจะดีกว่า หรือถ้าติดบุหรี่ก็ลองลดลงหน่อยเพื่อสุขภาพของเราในอนาคตครับ
แต่คำตอบนั้นอาจตีความอีกทางหนึ่งได้ว่าในด้านชีวิตการทำงานของอะตอม เขามีความสุขกับเส้นทางที่ตนเลือกแล้ว ถ้าเราอยากเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในทางที่ตัวเองเลือก ให้เริ่มจากการรู้จักตัวเองว่าชอบอะไร ถนัดสิ่งไหน พัฒนาความสามารถและพาตัวเองให้ไปอยู่ในสังคมแบบที่อยากเป็นให้ได้ครับ