MenDetails
  • Home
  • Style
  • Women
  • Life
  • Gadgets
  • Money
  • Video
  • Contact Us
  • User Agreement
  • Advertising
Facebook
Twitter
Instagram
YouTube
MenDetails
MenDetails
  • Home
  • Style
  • Women
  • Life
  • Gadgets
  • Money
  • Video
  • Contact Us
  • Advertising

MDs’ FAVORITES | หนังรักอกหัก ที่จะทำให้เราเข้าใจความรักมากขึ้น สำหรับเทศกาลวาเลนไทน์นี้

Total
10
Shares
10
0
0

วนกลับมาถึงเทศกาลแห่งความรักกันอีกครั้ง โดยหนึ่งในกิจกรรมยอดฮิตสำหรับคู่รักในวันวาเลนไทน์ คือ การชมภาพยนตร์ด้วยกันครับ แต่ถ้าวาเลนไทน์นี้คุณต้องอยู่คนเดียวไม่ได้ออกไปเดทที่ไหนแล้วอยากหาหนังรักดี ๆ สักหนึ่งเรื่องดูเพื่อที่จะทำให้เราเข้าใจความรักมากขึ้น MenDetails.com ขอแนะนำ 5 หนังรักอกหัก ที่จะทำให้เราดำดิ่งไปในห้วงของความรู้สึกและได้ข้อคิดดี ๆ กลับมาปรับใช้ครับ


Ruby Sparks (2012)

Ruby Sparks หนังที่ถ่ายทอดมุมมองความรักออกมาได้ล้ำลึกและแทงใจดำอย่างเหลือร้ายที่ใครหลายคนอาจจะยังไม่เคยชม ผลงานจากผู้กำกับเรื่อง Little Miss Sunshine เป็นเรื่องราวของ คาลวิน นักเขียนหนังสือที่เริ่มฝันถึงผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเขาจินตนาการขึ้นมา และนำคาแรคเตอร์นั้นไปเขียนเป็นนางเอกในนวนิยายของตัวเอง วันหนึ่ง รูบี้ สปาร์ค ปรากฏขึ้นต่อหน้าในโลกแห่งความจริง และมีรูปลักษณ์จนถึงลักษณะนิสัยทุกอย่างเหมือนกับที่คาลวินบรรยายเอาไว้

ความสัมพันธ์ของคาลวินและรูบี้ สะท้อนความสัมพันธ์ของความรักต่างวัยหรือช่วงการเปลี่ยนผ่านจากวัยรุ่นสู่วัยทำงานอย่างชัดเจน รูบี้เป็นเหมือนตัวแทนของคนที่รักอิสระ ในขณะที่คาลวินค่อนข้างจะยึดติดในการใช้ชีวิตร่วมกับเธอสองคน ไม่อยากให้แฟนออกไปใช้ชีวิตโดยไม่มีตัวเองไปด้วย

ในความจริงแล้วโลกของคนวัยทำงานไม่ได้มีแต่ความรัก เราไม่สามารถทุ่มความรู้สึกทุกอย่างไปกับเรื่อง ๆ เดียวได้ เพราะยังมีหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบ มีอะไรหลายอย่างที่ต้องทำ และนอกจากการใช้เวลาร่วมกับแฟนแล้ว เราก็ยังแบ่งเวลาไปเข้าสังคม เจอเพื่อนฝูง คนที่ทำงาน หรือแม้กระทั่งรู้จักคนใหม่ ๆ ด้วยครับ

หากเราเอาแต่ยึดติดกับคนรัก กลัวว่าการให้เธอเขาสังคม จะเป็นการเปิดโอกาสให้ไปรักไปชอบกับคนอื่นได้ ก็คงยากที่จะประคับประคองความสัมพันธ์ให้อยู่รอด เพราะไม่มีใครที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเพียงสองคนได้หรอกครับ

และสำหรับเรื่องการคบกันแล้ว เราเชื่อว่ามันมักจะมีอะไรในตัวอีกฝ่ายที่หลาย ๆ คนอยากเปลี่ยนแปลง อาจจะเผลอคิดไปว่า ‘ถ้าเปลี่ยนนิสัยนั่นนิสัยนี่ของแฟนได้ก็คงจะดี’ แต่อยากให้ลองคิดต่อไปอีกสักหน่อยครับว่า หากสามารถปรับเปลี่ยนทุกสิ่งของคนรักได้ตามใจเราเพียงแค่ปลายนิ้วพิมพ์จริง ๆ สุดท้ายแล้วจะยังหลงเหลือความเป็นตัวตนของเธออยู่อีกไหม อาจถึงกับเกิดคำถามว่า เรารักใครสักคนเพราะอะไรกันแน่? เพราะว่านั่นเป็นตัวเธอ หรือว่าเพราะเธอเปลี่ยนแปลงไปอย่างที่เราอยากให้เป็น

ช่วงองค์หนึ่งของหนังอาจดำเนินเรื่องราบเรียบไปสักหน่อย แต่ก็ค่อย ๆ ไต่ระดับอารมณ์ไปได้ดี นักแสดงสามารถทำให้อินไปกับเรื่องราวได้จนกลายเป็นหนังที่ติดอยู่ในใจได้นานกว่าที่คิด เชื่อว่าหลาย ๆ คนจะต้องประทับใจและได้เรียนรู้มุมมองความรักที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นจาก Ruby Sparks อย่างแน่นอน


Her (2013)

เมื่อพูดถึง Her บางคนอาจจะเรียกว่าหนังประจำชาติคนเหงา แต่หากหยิบกลับมาดูอีกครั้งจะพบว่ามันอาจเป็นหนังสำหรับคนที่ไม่กล้าพาตัวเองไปเผชิญกับความสัมพันธ์จริง ๆ ก็ได้ครับ ผลงานจากผู้กำกับ Spike Jonze ที่เล่าเรื่องราวของนักเขียนจดหมาย ธีโอดอร์ ผู้ซึ่งตกหลุมรักระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ (OS) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ซาแมนธา

Her เป็นหนังที่ทำให้เรานึกถึงความรักของวัยรุ่น รักที่ไม่อยากแยกตัวอยู่ห่างกัน รักที่ตกหลุมรักขณะที่ได้เรียนรู้แต่ข้อดีของกันและกันครับ ธีโอดอร์มีความรู้สึกพิเศษกับซาแมนธาได้เริ่มต้นจากความใกล้ชิดที่เธอ stand by อยู่พร้อมเพื่อคุยกับเขาเสมอ โดยที่เธอรับฟังปัญหาทุกอย่างของธีโอดอร์

ธีโอดอร์อาจเป็นตัวแทนของคนที่ไม่กล้าเผชิญความสัมพันธ์ที่แท้จริงคนหนึ่ง เพราะบางคนพร้อมจะอยู่กับความรักเฉพาะตอนที่มีความสุข ช่วงที่ไม่มีปัญหา ระหว่างสองคนมีแต่รอยยิ้มและความเข้าใจ แต่พอเริ่มมีปากเสียง ทัศนคติไม่ตรงกันในมุมมองการดำเนินชีวิต หรือทิศทางของความสัมพันธ์ กลับเลือกที่จะหนีปัญหาหรือจบความสัมพันธ์ตรงนั้นเสีย

ความจริงแล้ว ไม่มีความสัมพันธ์ไหนที่จะราบรื่นตลอดไป เราจำเป็นต้องเรียนผูกและเรียนแก้กับคนรัก ถึงจะทำให้ก้าวข้ามปัญหาต่าง ๆ ไปด้วยกันได้ครับ

และหนึ่งข้อสำคัญที่จะทำให้ความสัมพันธ์ดำเนินต่อไปได้ คือ ความเคารพความเห็นของอีกฝ่าย ในวันที่ธีโอดอร์มีความต้องการทางร่างกาย ซาแมนธากลับไปหาผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นตัวแทนของเธอ เพื่อหวังว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นขึ้น แต่ที่จริงนั่นเป็นความต้องการของเธอเพียงฝ่ายเดียว และมันเกิดปัญหาเพราะเธอไม่พยายามรับฟังความเห็นของธีโอดอร์เลย 

เรื่องที่เราต้องการทำ อาจจะไม่ตรงกับความต้องการของอีกฝ่ายเลย หรือสิ่งที่เธออยากทำ เราอาจไม่เห็นด้วยเลยก็ได้ นั่นแหละครับความยากในการคบใครสักคน ฉะนั้นการเคารพซึ่งกันและกัน การปรับจูนและหาตรงกลางของแต่ละเรื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ต้องหาให้เจอว่าจุดไหนคือจุดที่ทั้งสองคนโอเคกับมัน

ส่วนในเรื่องของการตกหลุมรักใครสักคนที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน อาจเป็นเครื่องสะท้อนว่า เราทุกคนต่างต้องการใครสักคนมาอยู่ข้าง ๆ ก็เป็นได้ครับ ยามที่เรามีปัญหา หากหันไปพบใครคนหนึ่งนั้นที่อยู่ข้าง ๆ มาตลอดก็คงไม่แปลกที่มันเป็นจุดเริ่มต้นของความรู้สึกดี ๆ 


500 Days of Summer (2009)

คงต้องบอกว่า 500 Days of Summer เป็นหนังที่เราเข้าใจมันมากขึ้นทุกครั้งหลังอกหัก เมื่อจบความสัมพันธ์และเริ่มใหม่ไม่รู้กี่ครั้ง ทำให้เห็นหลากหลายมิติที่หนังพยายามสื่อสารออกมาผ่านตัวละครทอม แฮนเซ่น และซัมเมอร์ ฟินน์

500 วันนั้นเป็นช่วงเวลาที่ทอมเริ่มตกหลุมรักซัมเมอร์ไปจนถึงวันสุดท้ายที่เขาพยายามตัดใจ ครั้งแรกที่ดูหลายคนอาจตั้งคำถามกับตัวเองว่า ‘เราคือทอมหรือซัมเมอร์ในความสัมพันธ์ครั้งนี้ ?’ แต่แท้จริงแล้วเราเชื่อว่าทุกคนล้วนมีมุมของทอมและซัมเมอร์ในตัวกันทั้งนั้นครับ

หลายคนคงเคยเป็นคนที่เชื่อในพรหมลิขิตและคนที่ใช่มาก่อน ความรู้สึกที่ว่าเห็นหน้าคน ๆ นี้แล้วตกหลุมรัก โลกทั้งใบเป็นของเธอคนเดียว การได้พบกันเป็นโชคชะตา ซึ่งบางคนอาจ’เคย’เชื่อ ยังเชื่ออยู่ หรือไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้เลยก็ตาม หากเรียกว่าพรหมลิขิต มันอาจจะดูคลั่งรักไปสักหน่อยครับ แต่คงต้องยอมรับว่าเรื่องของจังหวะเวลานั้นมีอยู่จริงเสมอ 

หากเราไม่ได้ไปในที่แห่งนั้น ณ เวลานั้น หากเราตัดสินใจใช้วันหนึ่งวันนั้นในรูปแบบอื่น เราอาจไม่ได้รู้จักกับคนรักของก็ได้ นั่นคือสิ่งที่ทอมเคยเชื่อ และซัมเมอร์เพิ่งจะยอมรับมันในวันที่เธอได้พบกับสามีของเธอ เรามองว่าคนเราจะเชื่อในโชคชะตาก็ต่อเมื่อตอนได้พบกับความรักที่สมหวังและรู้สึกพึงพอใจกับมันนั่นเองครับ

การเป็นคนที่รักอิสระและมองว่าความสัมพันธ์นั้นวุ่นวาย อาจเกิดขึ้นจากความผิดหวังกับความสัมพันธ์มานับครั้งไม่ถ้วน จึงเป็นสาเหตุที่ซัมเมอร์ไม่ต้องการหาบ่วงมาผูกคอตัวเองไว้ เธอบอกไว้ชัดตั้งแต่ต้นเรื่องว่าเธอไม่อยากมีแฟน แต่ทอมก็นึกว่าจะเอาชนะใจเธอจนสามารถคบกันได้ในที่สุด 

ความจริงอีกข้อหนึ่งที่ได้เรียนรู้อย่างชัดเจนอย่างหนังเรื่องนี้ คือ การจัดการความรู้สึกนั้นเป็นความยุ่งยากทางใจอย่างมากเลยล่ะครับ ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าตื่นขึ้นมาแล้วความรู้สึกที่มีในวันนี้จะคงอยู่ตลอดไป

เราเชื่อว่าในช่วงเวลาหนึ่งซัมเมอร์ก็ตกหลุมรักทอมเช่นกัน แต่ไม่มากพอจะก้าวข้ามความกลัวบางอย่าง เธอยังรักอิสระมากกว่าทอม ผลจึงกลายเป็นว่าทั้งสองคนต้องเลิกลากันไป 500 Days of Summer เป็นหนังที่ไม่ว่าจะเปิดดูกี่ครั้งก็สามารถทำให้เรารู้สึกแตกต่างจากเดิมอยู่เสมอ เรื่องราวความสัมพันธ์ที่พานพบทำให้ได้เห็นมุมมองอื่น ๆ ของทอมและซัมเมอร์ที่อาจเคยมองข้ามไป 


One Day (2011)

One Day ที่มาจากวันเดียวของทุก ๆ ปีที่เอ็มมา มอร์ลีย์และเด็กซ์เตอร์ เมย์ฮิว จะมาเจอกันหลังจากตัดสินใจไม่มีอะไรกันในคืนเรียนจบ จนกลายเป็นความสัมพันธ์ complicated ที่อธิบายได้ยากว่าทั้งสองคนเป็นอะไรกันระหว่างเป็นเพื่อนกับคนรัก

การที่ได้เห็นใครสักคนหนึ่งเติบโต ไม่ว่าจะในช่วงชีวิตที่เขาตกต่ำ หรือประสบความสำเร็จในงานจนรุ่งโรจน์ คงเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความผูกพัน เอ็มมาและเด็กซ์เตอร์ เป็นตัวละครที่ทำให้เราเข้าใจถึงความสำคัญของจังหวะเวลาที่ได้รู้จักกัน และช่วงเวลาที่เหมาะสมในการตกหลุมรักกันครับ

ในวันที่เอ็มมายังเด็กเกินไป ไม่เข้าใจเรื่องความรัก และเด็กซ์เตอร์ยังเอาแต่สนุก ไม่เคยคิดจริงจังกับชีวิต จึงทำให้ทั้งสองคงหยุดความรู้สึกเอาไว้แค่เพียงความสนใจในตัวอีกฝ่ายอย่างเงียบ ๆ ไม่กล้าแสดงออกอะไรมากกว่านั้น

หลายคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา บางครั้งถ้าเรารู้จักตอนเธอเด็กกว่านี้ เราก็อาจไม่รู้สึกอะไร หรือถ้ารู้จักตอนที่แก่กว่านี้ก็อาจจะไม่ใช่ความรู้สึกแบบชอบพอกันก็ได้ มันเป็นเรื่องของจังหวะเวลาที่พอดีกันที่สุดครับ เราในปัจจุบันและเธอในปัจจุบันคือช่วงเวลาที่เหมาะกันหรือไม่ และบางครั้งก็มีคนเราถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ยังคงประทับใจในตัวอีกฝ่ายอยู่เนือง ๆ

กว่าทั้งสองจะได้มาลงเอยกัน ความสัมพันธ์ในช่วงระยะเวลาอันยาวนานนั้น น่าจะเรียกว่าอยู่ในสถานะ safe zone ของกันและกันครับ คนที่เรากล้าที่จะเป็นตัวเองด้วยอย่างเต็มที่ ไม่อายที่จะเผยด้านอ่อนแอหรือตกต่ำในชีวิตให้เห็น เพราะเชื่อมั่นในความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน 

ถ้าเซฟโซนของเราคือคนรักก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่หากเซฟโซนของเราเป็นคนหนึ่ง และยังมีคนรักอีกคนหนึ่งนั้นก็คงจะลำบากไม่ใช่น้อย ยกเว้นกรณีที่ทั้งคู่ไม่มีใครจริง ๆ แต่ข้อควรระวัง คือ การผลักอีกฝ่ายเข้าไปในโซนต่าง ๆ นี่แหละอาจจะเป็นตัวเบรคไม่ให้ความสัมพันธ์พัฒนาไปยังจุดที่ควรจะเป็นไปได้สักที


The Curious Case of Benjamin Button (2008)

หนังเรื่อง Benjamin Button อาจจะไม่ใช่ หนังรักอกหัก ที่เน้นเรื่องราวความรักทั่วไป แต่เรียกว่าเป็นหนังที่ทำให้เข้าใจความรักแบบผู้ใหญ่มากขึ้นดีกว่าครับ อีกหนึ่งผลงานชิ้นโบว์แดงของแบรด พิตต์ที่หากใครได้ชมก็คงต้องออกปากเป็นเสียงเดียวกันว่าหนังดี

เบนจามิน บัตตัน ทารกที่มีสภาพร่างกายเหมือนคนชราวัย 80 ปี มีโรคแทรกซ้อนอย่างหนัก หมอคาดการณ์ว่าจะมีชีวิตไม่นาน ทว่าเขากลับเติบโตขึ้นโดยที่ร่างกายเด็กลงเรื่อย ๆ จากชายชราที่นั่งรถเข็นสามารถยืนด้วยขาของตัวเองได้เต็มสองขา

ภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูเป็นผู้ใหญ่ของเบนจามิน ทำให้คนรอบข้างเขาที่ไม่รู้อายุที่แท้จริง treat เขาอย่างผู้ใหญ่ ทำให้เขาได้เรียนรู้โลกและการใช้ชีวิตในแบบที่มีอิสระเสรีไวกว่าที่เขาคาดไว้ นึกภาพของวันรุ่นในคราบคนแก่ก็คงจะทำให้เข้าใจตัวตนเบนจามินในช่วงกำลังเติบโตได้ชัดเจนขึ้น
ตลอดช่วงชีวิตที่เป็นวัยรุ่นขึ้นในสภาพคนแก่ เบนจามินพาตัวเองออกไปผจญภัยหลายประเทศ ได้พบประสบการณ์ที่มีค่าในการเป็นลูกเรือ พบเจอคนหลายรูปแบบ และตกหลุมรักผู้หญิงที่โตกว่าเขามาก ในทุกช่วงการเปลี่ยนแปลงของชีวิต เบนจามินจะคอยเขียนส่งหมายส่งให้เดซี่ เพื่อนสมัยเด็กของเขาเสมอ
ช่วงเวลาของเบนจามินและเดซี่มาบรรจบพอดีกันในชั่วระยะหนึ่ง เป็นผู้ใหญ่ที่อายุใกล้เคียงกัน ในตอนนั้นเองที่ทั้งสองคนสามารถใช้ชีวิตแบบคู่รักทั่วไปได้โดยไม่ต้องกังวลสายตาของคนอื่น ทั้งประสบการณ์ที่พบเจอมาก็ทำให้สามารถคบกันได้ ต่างกับช่วงที่เบนจามินแก่และเดซี่เด็กที่มีช่วงเวลาที่ความคิดและการมองโลกไม่สามารถไปด้วยกันได้
ความรักที่เกิดจากคนที่แก่ก่อนเด็ก ทำให้เขาสามารถมองโลกตามความเป็นจริงได้ เบนจามินไม่สามารถเลี้ยงลูกโดยที่ตัวเองเด็กลงทุกวัน เพราะนอกจากเขาจะทำหน้าที่พ่อได้ไม่เต็มที่แล้ว ตัวเดซี่เองก็จะไม่มีคนดูแลอีกด้วย การตัดสินใจเดินจากคนรักไปเพื่อความสุขที่มั่นคงและยืนยาวกว่าของคนรัก เป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่ครับ ไม่ใช่ว่าอาศัยแค่ความเข้าใจแล้วใคร ๆ จะตัดสินใจทำได้ เป็นความรักที่ขอแค่ให้คนที่เรารักมีความสุข แม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเธอก็ตาม 

บางครั้งประสบการณ์ความรักที่เราได้เรียนรู้ อาจมาจากเรื่องราวของคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นคนใกล้ตัวหรือเรื่องเล่าของเพื่อน ไปจนถึงการเสพหนังสักหนึ่งเรื่อง เชื่อว่าหนังรักอกหัก ทั้ง 5 เรื่องนี้จะเป็นหนังที่ทำให้ใครหลายคนได้รับมุมมองความรักในแง่มุมที่ต่างไปจากเดิม เห็นหลายสิ่งที่ไม่เคยมองหรืออาจมองข้ามไป และในบางครั้งแม้ความรักและความสัมพันธ์นั้นแสนขมขื่น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ไหนสักแห่งได้ตัวคนเรานั้นต้องการพื้นที่ให้ความรักดี ๆ เสมอครับ

Total
10
Shares
Share 10
Tweet 0
Share 0
Related Topics
  • best movies
  • romantic drama
  • หนังรัก
  • หนังรักอกหัก
  • หนังวาเลนไทน์
  • แนะนำภาพยนตร์
  • แนะนำหนัง
  • แนะนำหนังวันวาเลนไทน์
Previous Article

MDs’ LIFE | “ยิ่งแก่ยิ่งดี” 7 สิ่งในชีวิตผู้ชาย ที่ยิ่งเก่ายิ่งดูดีมีราคา

View Post
Next Article

MDs’ FAVORITES | กระเป๋า HEX Technical Collection แบรนด์ที่คิดมาสำหรับ คนเมืองโดยแท้

View Post
You May Also Like
พื้นรองเท้า Alden Flex Welt
View Post

รู้จักกับ พื้นรองเท้า Alden Flex Welt พื้นหนังชุบน้ำมันจาก “อัลเด้น” ที่ให้เราเดินสบายเท้ามากขึ้น

View Post

Topiary กางเกง Dress Trousers แบรนด์ไทย ผ้าอังกฤษ Brisbane Moss UK บนความตั้งใจที่น่าชื่นชม

View Post

MDs’ MONEY | รู้จักกับ Avalanche Debt Method วิธีทลายภาระหนี้สินแบบ ‘หิมะถล่ม’

View Post

MDs’ LIFE | รู้จัก โทนิค จากยารักษาโรค สู่เครื่องดื่มอัดแก๊สที่ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน

View Post

MDs’ LIFE | แวะทานอาหารญี่ปุ่นแบบฉบับ Homey ที่ร้าน Kitchen Niigata รสชาติที่ชวนนึกถึง ร้านท้องถิ่นในญี่ปุ่น

View Post

MDs’ FAVORITES | รองเท้าหนัง Berwick เพ็นนี โลฟเฟอร์ สี ‘Moka’ สีพิเศษจากหนัง Vegano Calf ‘Annonay’

View Post

MDs’ LIFE | One Day Trip กับ Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic ที่จังหวัดนครปฐม ที่คุณอาจยังไม่รู้

View Post

MDs’ INTERVIEW | พูดคุยกับ อะตอม ชนกันต์ ผู้ชายที่ตามหาตัวตนผ่านเสียงเพลง

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Featured
  • พื้นรองเท้า Alden Flex Welt

    รู้จักกับ พื้นรองเท้า Alden Flex Welt พื้นหนังชุบน้ำมันจาก “อัลเด้น” ที่ให้เราเดินสบายเท้ามากขึ้น

    View Post
  • Topiary กางเกง Dress Trousers แบรนด์ไทย ผ้าอังกฤษ Brisbane Moss UK บนความตั้งใจที่น่าชื่นชม

    View Post
  • MDs’ MONEY | รู้จักกับ Avalanche Debt Method วิธีทลายภาระหนี้สินแบบ ‘หิมะถล่ม’

    View Post
  • MDs’ LIFE | รู้จัก โทนิค จากยารักษาโรค สู่เครื่องดื่มอัดแก๊สที่ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน

    View Post
  • MDs’ LIFE | แวะทานอาหารญี่ปุ่นแบบฉบับ Homey ที่ร้าน Kitchen Niigata รสชาติที่ชวนนึกถึง ร้านท้องถิ่นในญี่ปุ่น

    View Post
Social Links
Instagram
avatar
mendetails_th
17K Followers
Another way to open the bottle of 1961 Château Pétrus 241 3
How to spot the ‘Flexwelt’ sole from Alden @aldenshoeco by @the_shoeroom 84 1
The new GLA 200 AMG Dynamic 93 0
The new comfort zone in the new Mercedes-Benz C-Class has arrived! 114 0
Follow
  • 1
    MenDetails’ Women : วิธีโทรหาสาวๆ (อย่างมีชั้นเชิง)
  • 2
    MDs’ FAVORITES | 4 แบรนด์ รองเท้าผ้าใบ ที่ใส่แต่งตัวทั้ง Workwear และ Smart Casual ในงบไม่เกิน 5,000.-
  • 3
    MDs’ MONEY | ‘Wealth Formula’ วิธี คำนวณหาความมั่งคั่ง ที่เราควรมีในแต่ละช่วงอายุ
  • 4
    MDs’ STYLE | ‘Style Advisor Series’ แนวทางการแต่งกายสไตล์ Classic สำหรับผู้ชาย โดย The Decorum
  • 5
    MDs’ STYLE | 4 เทคนิคสำหรับผู้ชาย โพสท่าถ่ายรูปง่าย ๆ ให้ออกมาดูดี
  • 6
    MDs’ STYLE | 3 วิธี การแต่งตัว ที่ไม่ตามกฏเกณฑ์ แต่ใส่แล้วดูดี ซึ่งเราอยากแนะนำให้รู้จักกันครับ
  • 7
    MDs’ LIFE | 5 ข้อดีในการ เช่ารถ Supercar มาใช้งาน แทนการซื้อเป็นเจ้าของจริง ๆ
  • 8
    MDs’ CARS | รู้จักกับ Mercedes-Benz กับ Mercedes-AMG ก่อนไปนั่งเบนซ์รุ่นใหม่ A-Glass และ GLA 200 AMG Dynamic ในงาน MOTOR EXPO 2020
  • 9
    MDs’ LIFE | แนะนำ 5 เกมเล่นกับเพื่อน แม้ต้องอยู่บ้านก็ยังชวนเพื่อนซี้มาเล่นเกมมัน ๆ ทางออนไลน์ได้เหมือนเดิม
  • 10
    MDs’ GROOMING | 5 วิธีจัดการ ผมเส้นใหญ่ ของผู้ชายไทยให้อยู่หมัด
Another way to open the bottle of 1961 Château Pétrus 241 3
How to spot the ‘Flexwelt’ sole from Alden @aldenshoeco by @the_shoeroom 84 1
The new GLA 200 AMG Dynamic 93 0
The new comfort zone in the new Mercedes-Benz C-Class has arrived! 114 0
Henry Cavill and Armie Hammer in Rome, Italy, during filming “The Man From U.N.C.L.E” 302 0
CLOT x @nike Air Max 1 “Kiss of Death” this year might be another year for Air Max 1! 60 0
MenDetails
  • Contact Us
  • User Agreement
  • Advertising
BE A BETTER MAN

Input your search keywords and press Enter.