สำหรับ EQS ถือเป็น รถยนต์ไฟฟ้า คันแรกจากทาง Mercedes-Benz ประเทศไทย และถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่วิ่งได้ไกลที่สุดในท้องตลาดต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (วิ่งได้ไกลถึง 770 กิโลเมตร) และถือเป็นรถยนต์ที่หลากหลายท่านให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง แน่นอนว่าการที่ MenDetails ได้ทดลองขับกับระยะทางจาก เขาใหญ่มาถึงกรุงเทพฯ ถือเป็นระยะที่กำลังดี ได้ทดสอบทั้งกำลังเครื่องยนต์ในการขึ้นเขา การเร่งแซง รวมไปถึงตัวช่วยการขับขี่ที่ติดตั้งมาให้บนตัวรถ EQS 450+ AMG Premium คันนี้ และนี่คือการทดลองขับ รถยนต์ไฟฟ้า EQS ที่เราหยิบมาฝากกันครับ
หนึ่งในรถยนต์ที่เงียบที่สุด
ประสบการณ์การขับขี่ EQS ครั้งนี้ ถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่มากพอสมควรครับ กับการขับขี่ที่เงียบสงบ ไม่มีแม้แต่เสียงของมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังทำงานวิ่งเข้ามาในห้องโดยสาร เพราะโดยปกติแล้วนั้น การขับรถยนต์ไฟฟ้าใด ๆ ก็ตาม หากมีการเร่งเครื่อง จะได้ยินเสียงจากมอเตอร์วิ่งเข้ามาในห้องเครื่อง แต่สำหรับ EQS นั้น ไม่มีเสียงดังกล่าวหลุดเข้ามาในห้องโดยสารเลยครับ
เสียงที่ได้ยินโดยหลัก จะเป็นเสียงยางวิ่งไปบนถนน รวมไปถึงเสียงลมที่กระทบกับตัวรถ ซึ่งแน่นอน พอเสียง White Noise อย่างเสียงเครื่องยนต์นั้นหายไป เสียงอื่น ๆ ก็ดูจะดังกว่าปกติขึ้นมาอีกนิด จึงกลายเป็นรถยนต์ที่ได้ยินเสียงถนนและลมมากเป็นพิเศษนั่นเอง
พลังงานไฟฟ้า กับขุมพลังที่ยอดเยี่ยม
พอพูดถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เราจะนึกถึงรถที่แรงบิดมาตั้งแต่กดคันเร่งโดยไม่ต้องรอรอบเครื่อง ซึ่งรถยนต์คันนี้ก็เป็นเช่นนั้นครับ หากแต่ด้วยตัวระบบการตั้งค่าต่าง ๆ ของตัวรถนั้น ทำให้เราได้ความรู้สึกเหมือนการขับขี่แบบรถยนต์ที่ใช้น้ำมันปกติประมาณหนึ่งเลยครับ แต่จังหวะการเร่งแซง ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมมากครับ หากตั้งใจกดคันเร่งจริง ๆ แล้ว รถยนต์คันนี้ตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยมแน่นอน
ตัวรถมี Pedel Shift มาด้วย ตรงบริเวณพวงมาลัย แต่ไม่ใช่การปรับเปลี่ยนเกียร์นะครับ เป็นการปรับระบบการขับขี่ในการหน่วงพลังงานกลับคืนสู่ Battery ซึ่งถ้าคุณอยากได้ความรู้สึกแบบขับรถไฟฟ้าแบบเต็ม ๆ ก็ให้ปรับเป็นโหลด D+ ซึ่งจะไม่มีการหน่วงพลังงานกลับคืนเลย แต่ได้ความสนุกจากการขับขี่เป็นเต็ม ๆ
รถไฟฟ้า ที่ขับสบายด้วยตัวช่วยต่าง ๆ มากมายบน EQS
EQS ถือเป็นรถยนต์ที่มีตัวช่วยทางการขับขี่บนถนนที่เยอะมากทีเดียวครับ ตั้งแต่ Active Lane Keeping / Blind Spot Assist / Adaptive Cruise Control และอื่น ๆ อีกมาก ซึ่งทำให้การขับในระยะทางไกล ทำได้ง่ายและสะดวกอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการให้รถยนต์ขับด้วยตัวเองในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ (เพราะตัวรถจะแจ้งเตือนให้คุณจับพวงมาลัยเสมอ ๆ ครับ) นี่ถือเป็นตัวช่วยการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ ครับ และน้อยแบรนด์มากที่จะสามารถทำได้แบบนี้
ระบบ Active Lane Keeping ถือเป็นระบบที่ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมเลยครับ ทว่าในบริบทของการขับรถในเมืองไทย ในบางจังหวะที่ต้องหักเบี่ยงออกเล็กน้อยเพื่อหลบหลีกผู้ขับไหล่ทาง ระบบจะขืนตัวจนอาจเกิดอุบัติเหตุได้ แต่หากวิ่งทางไกล ถือว่าช่วยได้มากเลยทีเดียวครับ
สำหรับ Adaptive Cruise Control ถือว่าปรับแต่งระบบออกมาได้ดีมากทีเดียว กับการรักษาระยะห่างจากคันหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งการเบรกเข้าใกล้ และการออกตัว เรียกว่าปรับมาได้ดีแบบไม่ต้องลุ้นสักเท่าไรนัก แตกต่างจากรถยนต์ค่ายอื่น ที่หลาย ๆ ครั้งจะรู้จักขาด ๆ เกิน ๆ ไปบ้าง แต่เจ้า EQS ตัวนี้ ถือว่าทำได้ดีเกินคาดเลยทีเดียว พอผสมรวมเข้ากับระบบช่วยขับ ยิ่งทำให้การขับทางไกล เป็นไปได้ง่าย สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น จะละมือจากพวงมาลัยเพื่อหยิบน้ำทานระหว่างขับขี่ก็ทำได้สบายใจหายห่วงไปได้เยอะครับ
โดยรวมแล้ว ถือเป็น รถไฟฟ้า ที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ ด้าน User Experience เพราะผู้ขับไม่จำเป็นต้องเรียนรู้อะไรใหม่เลยครับ หากคุณเคยขับ Mercedes-Benz รุ่นอื่น ๆ มาก่อนแล้ว EQS เหมือนเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน ตำแหน่งการเปลี่ยนเกียร์เหมือนเดิม ลักษณะการขับขี่เหมือนเดิม เพิ่มเติมแค่ Feeling ที่เปลี่ยนไป เพราะไม่มี Engine มาส่งเสียงเพิ่มความเร้าใจอีกต่อไป แต่ได้ความหนักและการเกาะถนนที่ยอดเยี่ยมเพิ่มเติมเข้ามา เนื่องจากน้ำหนักส่วนใหญ่ของตัวรถคือตัว Battery ที่อยู่ด้านล่างของตัวรถ ทำให้จุด CG นั้นต่ำมาก ๆ บวกกับกำลังการขับเคลื่อนที่ยอดเยี่ยมของมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลังแรงม้าสูงสุดถึง 329 ตัวเลยทีเดียว เรียกว่าไม่ต้องเรียนรู้อะไรใหม่ แต่ได้เทคโนโลยีใหม่มาใช้งาน ซึ่งถ้าแลกกันกับระยะทางที่ไปได้ไกลถึง 770 กิโลเมตรแล้ว EQS from Mercedes-EQ ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว