การแปรงฟัน เป็นการดูแลรักษาสุขอนามัยส่วนตัวที่เราได้รับการสอนมาตั้งแต่เด็ก เราได้รับการสอนเวลาอย่าลืมบ้วนปากเวลาแปรงฟัน แต่ในปัจจุบันนี้ มีการแปรงฟันแบบใหม่ ที่เราเรียกว่า การแปรงแห้ง ที่ทันตแพทย์สมัยใหม่เเนะนำเข้ามาครับ
การแปรงแห้ง คือ การแปรงฟันแบบไม่ใช้น้ำ ทั้งก่อนและหลังการแปรงฟัน จากข้อมูลการศึกษาเเละคำแนะนำของทันตแพทย์ มันจะทำให้ฟลูออไรด์ในยาสีฟันออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งการแปรงแห้งนั้น มีวิธีการและดีกว่าการแปรงฟันแบบปกติอย่างไร MenDetails อยากชวนทุกท่าน มาเรียนรู้เกี่ยวกับการแปรงเเห้งกันครับ
การแปรงแห้ง คืออะไร
การแปรงแห้ง หรือที่ภาษาอังกฤษใช้คำว่า spit don’t rinse นั้น คือการที่เราแปรงฟัน โดยไม่ใช้น้ำในการแปรงเลย ทั้งก่อนและหลังเเปรงฟัน โดยเมื่อแปรงเสร็จ ให้เราถ่ม หรือ บ้วน ยาสีฟันออกมา ก็เพียงพอเเล้ว อาจจะมีการใช้น้ำแค่เล็กน้อยกลั้วปาก
เพราะการแปรงแห้งทำให้ฟลูออไรด์ในยาสีฟันเคลือบฟันและทำงานได้ 100% เพราะการที่เราใช้น้ำจำนวนมากบ้วนปาก การที่บ้วน 1 ครั้ง จะล้างฟลูออไรด์ออกไปครึ่งหนึ่ง บ้วนอีกก็จะลดเหลือเเค่ 1 ใน 4 ไม่นับว่าหลังแปรงแล้วไปกินอาหารหรือน้ำทันที เท่ากับว่าแทบจะทำให้ฟลูออไรด์ไม่เหลือเลย
ที่มาของ การแปรงแห้ง
หากพูดกันตรง ๆ เเล้ว การแปรงแห้งไม่ใช่เรื่องใหม่ของวงการทันตกรรม เพราะมีการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมายตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1980 ถึงข้อดีของการแปรงแห้ง และเปรียบเทียบกับการแปรงฟันแบบปกติที่เราคุ้นชิน
แต่กว่าความรู้นี้จะเริ่มเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขว้างก็ใช้เวลาราว 30 ปี ในช่วงปี 2010 ที่มีรายงานต่าง ๆ สรุปออกมาให้ความรู้แก่ประชาชน จนกระทั่งในปี 2012 ที่เรื่องของการแปรงแห้งถูกนำมาพูดคุยกันในการประชุมวิชาการ ผลออกมาเป็นเอกฉันท์ว่า การแปรงแห้งดีกว่า การแปรงแห้งจึงกลายเป็นคำเเนะนำใหม่ในการแปรงฟันที่หน่วยงานเกี่ยวกับสุขภาพทั่วโลกให้คำแนะนำกับคนทั่วไป
มีงานวิจัยระยะยาวที่โด่งดังมาก ในอังกฤษปี 1992 พบว่าเด็กที่แปรงฟันเเล้วเอาปากไปจ่อกับก๊อกน้ำที่น้ำไม่ค่อนเข้าปาก มีฟันผุน้อยกว่าเด็กที่บ้วนน้ำจากแก้ว รวมถึงงานวิจัยที่เปรียบเทียบเด็กที่ต่างกันสองโรงเรียน โรงเรียนนึงเด็กถูกควบคุมให้บ้วนยาสีฟันถึง แต่ไม่ต้องบ้วนน้ำ กับอีกโรงเรียนที่บ้วนน้ำปกติ ผ่านไป 3 ปี เด็กที่บ้วนยาสีฟัน ไม่บ้วนน้ำมีฟันผุน้อยกว่า
วิธีการแปรงแเห้ง อย่างถูกต้อง
การแปรงแห้งนั้น ไม่ได้วิธีที่ต่างจากการแปรงฟันปกตินัก เเต่อาจจะมีการเจาะจงรายละเอียดบางอย่างมากกว่า และในการแปรงครั้งเเรก ๆ เราอาจจะรู้สึกไม่ชินกับยาสีฟันที่หลงเหลืออยู่ สำหรับใครที่อยากลองแปรงแห้ง มีวิธีการดังนี้ครับ
ใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ อันนี้สำคัญมาก เพราะถ้าเลือกยาสีฟันที่ไม่มีฟลูออไรด์ ก็จะไม่สามารถได้รับประโยชน์จากมันได้เลย
ป้ายยาสีฟันลงบนแปรงเล็กน้อย ลงบนแปรงสีฟันแห้ง ในการแปรงแห้งเราจะไม่เอาแปรงสีฟันไปจุ่มน้ำโดยเด็ดขาด ทั้งก่อนบีบยาสีฟันเเละหลังบีบ แต่หากต้องการจะล้างทำความสะอสดแปรงก่อนเริ่มแปรง ให้ล้างน้ำเเล้วสบัดน้ำออกให้แห้งที่สุด
แปรงโดยไม่ต้องบ้วนปาก นาน 2 นาทีขึ้นไป
หลังแปรงเสร็จ ให้บ้วนยาสีฟันทิ้ง โดยไม่ต้องบ้วนน้ำ ปกติในปากเราจะมีน้ำลายอยู่แล้ว เวลาบ้วน น้ำลายก็จะช่วยชะล้างยาสีฟันออกไปด้วย ระหว่างล้างริมฝีปากด้านนอกก็สามารถบ้วนน้ำลายออกมาได้อีก
หากรู้สึกว่ายังมียาสีฟันตกค้าง ให้ใช้ลิ้นกวาดฟองที่ติดอยู่ ตามกระพุ้งเเก้ม ริมฝีปากด้านใน ให้น้ำลายออกมามากขึ้นเพื่อบ้วนทิ้ง หรือถ้ารู้สึกไม่ชินจริง ๆ สามารถใช้น้ำจิบเล็ก ๆ เข้าไปกลั้วในปากเเล้วบ้วนทิ้งได้
หลังแปรงฟันเสร็จ ห้ามดื่มน้ำหรือกินอาหารอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง เพื่อให้ฟลูออไรด์ได้ทำการซ่อมแซมฟัน เพราะฟลูออไรด์ในปากจะมีปริมาณสูงมากหลังแปรงฟันเสร็จ เเต่หากไปกินหรือดื่มจะทำให้ลดลงทันที 10 – 15 เท่า หากปล่อยไว้ ปริมาณฟลูออไรด์จะค่อย ๆ ลดลงในครึ่งชั่วโมงแรก เเละจะหมดไปในอีกหลายชั่วโมงให้หลัง ดังนั้นครึ่งชั่วโมงแรกจึงสำคัญมาก เพราะฟลูออไรด์สามารถซ่อมแซมฟันเราได้เต็มที่
ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง คือ หลังอาหารเช้า และก่อนเข้านอน การแปรงก่อนเข้านอน ฟลูออไรด์จะสามารถซ่อมแซมฟันได้ตลอดทั้งคืน มีบางงานวิจัยที่สนับสนุนว่าควรแปรงฟัน 3 ครั้ง คือ หลังอาหารเที่ยงด้วย เเต่งานวิจัยส่วนใหญ่สรุปว่า 2 ครั้งก็เพียงพอเเล้ว การแปรง 3 ครั้งไม่ต่างกันมากนัก หลังอาหารเที่ยงแค่บ้วนปากก็เพียงพอ
เราควรใช้น้ำยาบ้วนปากไหม
หลายคนชอบใช้น้ำยาบ้วนปาก อ่านเรื่องของการแปรงแห้งแล้วอาจจะเกิดข้อสงสัยว่า เราควรใช้น้ำยาบ้วนปากหรือไม่
น้ำยาบ้วนปากเองก็มีส่วนผสมของฟลูออไรด์อยู่ด้วย หลายคนมองว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากจะช่วยเพิ่มปริมาณฟลูออไรด์เเละกำจัดเชื้อโรคในปาก หรือเศษอาหารที่หลงเหลืออยู่ในปากจากการแปรงฟันได้
แต่ในความเป็นจริง การใช้น้ำยาบ้วนปากจะทำให้ฟลูออไรด์ในน้ำยาบ้วนปากเข้าไปแทนที่ฟลูออไรด์ในยาสีฟันที่เคลือบเกาะฟันได้ดีกว่า การใช้น้ำยาบ้วนปากจึงไม่ต่างจากการบ้วนน้ำตามสักเท่าไหร่ ซึ่งหากให้เลือก เราเเนะนำให้ใช้ยาสีฟันดีกว่า เพราะราคาถูกและเป็นสิ่งที่เราต้องมีอยู่แล้วในการรักษาความสะอาดฟันและช่องปาก
หากอยากใช้น้ำยาบ้วนปาก ขอแนะนำเป็นช่วงระหว่างวันที่เราไม่ได้แปรงฟันครับ เพราะเราจะได้รับฟลูออไรด์ในน้ำยาบ้วนปากแทน ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะแปรงฟันหรือใช้น้ำยาบ้วนปาก ก็ไม่ควรบ้วนน้ำตาม เพื่อให้ฟลูออไรด์ไม่ถูกชะล้างไป น้ำยาบ้วนปากเองหลงเหลือในปริมาณเล็กน้อยในปากก็ไม่เป็นอันตรายครับ
เศษอาหาร และยาสีฟันที่หลงเหลืออยู่ เป็นอันตรายไหม
หลังจากอ่านการแปรงแห้งเเล้ว คำถามที่น่าจะเกิดขึ้น คือ แล้วเศษอาหารหรือขี้ฟันในปาก ถ้าไม่บ้วนน้ำล้างออก เราอาจจะกลืนไปมันเข้าไปก็ได้ ในกรณีนี้ ถ้าหากว่ามีเศษอาหารติดอยู่ ให้ใช้ไหมขัดฟัน (Dental Floss) ขัดออกก่อน หรือให้บ้วนน้ำแรง ๆ ก่อนแปรงฟันครับ
ความกังวลต่อมา และน่าจะเป็นข้อที่คนกังวลมากที่สุด คือ สารเคมีที่ใช้ในยาสีฟัน หากเราแปรงแห้งการที่มียาสีฟันหลงเหลืออยู่ในปาก การกลืนลงไปอาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้
สารเคมีที่คนเป็นกังวลมากที่สุด คือ Sodium Lauryl Sulfate หรือย่อว่า SLS เป็นสารลดเเรงตึงผิวที่ใช้ในการทำความสะอาด ทำให้เกิดฟอง ใช้ในอุตสาหกรรมทำความสะอาดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สบู่ ยาสีฟัน เครื่องสำอาง
จริงๆ แล้ว ส่วนประกอบที่ใช้ในยาสีฟันนั้น จะถูกควบคุมทั้งชนิดและปริมาณให้ไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคอยู่แล้วครับ โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวกับช่องปาก จะมีการกำหนดปริมาณที่เผื่อการกินลงไปแล้วไม่อันตรายต่อร่างกาย เเละที่สำคัญส่วนผสมของยาสีฟันทั้งหมด เป็นระดับ Food grade หรือสามารถเข้าสู่ร่างกายได้โดยไม่เป็นอันตราย
อันตรายที่เกิดจาก SLS จึงไม่ใช่อันตรายที่เกิดจากการใช้งานตามปกติของยาสีฟัน เเต่เป็นการได้รับเข้าไปในปริมาณมาก ดังนั้นถึงจะบอกว่ามันไม่เป็นอันตรายก็จริง แต่ไม่ได้แปลว่าเราจะสามารถกลืนยาสีฟันลงไปได้เลยนะครับ
เป็นอย่างไรบ้างครับ กับวิธีการแปรงแห้ง การแปรงฟันที่ทำให้เราได้รับประโยชน์จากฟลูออไรด์เต็มที่ อาจจะขัดกับสิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำกันมา แต่รับรองว่าทำเเล้วดีกับตัวเองแน่นอน ใครที่รู้แล้ว อย่ารอช้า ในการแปรงฟันครั้งต่อไป ก็สามารถเริ่มได้เลยครับ
เพราะฟันและสุขภาพช่องปากก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คนอยากเข้าหา มาพูดคุยกับเรามากขึ้น แถมถ่ายรูปยิ้มสวย ๆ ได้แบบไม่ต้องอายใคร ดีกว่ามีกลิ่นปากพูดทีคนเดินหนีกันหมดจริงไหมครับ
นอกจากการแปรงฟันเเล้ว ผู้ชายอย่างเราก็ยังมีวิธีการดูแลตัวเองในเรื่องอื่น ๆ อีก เพื่อให้เราเป็นคนที่ดูดีอยู่เสมอครับ