ถ้าจะมีรถยนต์สักแบรนด์หนึ่งที่ครองใจผู้ชายทั่วโลกเสมอมา ไม่ว่าจะเป็นรถใช้ในชีวิตประจำวัน รถที่มีสมรรถนะในการขับขี่ดีเยี่ยม ถูกใจผู้ที่ชื่นชอบความเร็วในการขับขี่ ไปจนถึงรถใหญ่ 5 – 6 ประตู สำหรับครอบครัวขับไปเที่ยวในวันหยุด Mercedes-Benz คงเป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์แบรนด์นั้นครับ
แต่กว่าจะมาเป็นตราดาวสามแฉกอย่างทุกวันนี้ Mercedes-Benz ก็มีการเดินทางที่น่าสนใจไม่น้อย ถ้านับตั้งแต่ก่อนที่จะมีการรวมตัวกันเป็นแบรนด์ขึ้นมาจริง ๆ ปีนี้ (2021) ก็เป็นปีที่ 138 เข้าไปแล้ว วันนี้ Mendetails จึงอยากพาทุกท่านไปรู้จัก ประวัติ Mercedes-Benz แบรนด์รถยนต์ที่มีเรื่องราวและเป็นหนึ่งในเป้าหมายของผู้ชายหลายคนว่าอยากมีไว้ในครอบครอง จะมีความเป็นมาอย่างไร ไปดูพร้อมกันเลยครับ
Mercedes-Benz ในยุคก่อตั้ง
ในตอนแรก Mercedes-Benz ไม่ได้เริ่มมาจากการตั้งเป็นบริษัทชื่อนี้ขึ้นมา แต่เกิดจากการรวมตัวกันของแบรนด์สองแบรนด์ คือ Daimler Motoren- Gesellschaft (DMG) กับ Benz & Cie. ในปี 1926 ครับ ซึ่งถ้าเรานับตั้งแต่ทั้งสองบริษัทยังไม่รวมกิจการ รถยนต์แบรนด์นี้ก็มีอายุเกิน 100 ปีไปแล้วครับ
ทั้งสองแบรนด์ที่มารวมกิจการกันเป็นแบรนด์ที่มีความสำคัญในอุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งคู่ Benz & Cie. ก่อตั้งโดย Carl Benz ในปี 1883 เขาเป็นผู้พลิกประวัติศาสตร์การเดินทางบนพื้นดินของมนุษย์ไปตลอดกาล ด้วยการประดิษฐ์ Benz Patent-Motorwagen รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เชื้อเพลิงเผาไหม้คันแรกของโลกขึ้นมาในปี 1885 จากความคิดที่ว่าอยากจะประดิษฐ์รถม้าที่ไม่ต้องใช้ม้าในการเคลื่อนที่ เกิดเป็นรถยนต์สามล้อที่ใช้เครื่องยนต์
แต่หลังจากนำไปแสดงต่อสาธารณะ รถยนต์ก็ยังได้รับการตอบรับที่ไม่ดีนัก เพราะการควบคุมที่ยาก ทำให้มันวิ่งไปชนกำแพง และยังถูกประชาชนหลายคนเคลือบแคลงใจในสิ่งประดิษฐ์นี้ว่าจะช่วยให้ชีวิตดีขึ้นได้อย่างไร ทำให้มีการปรับเปลี่ยนโมเดลและฟังก์ชันเพิ่มเติม
จนกระทั่งต้นปี 1888 Bertha Benz ภรรยาของ Carl Benz ใช้รถยนต์ทำการเดินทางครั้งประวัติศาสตร์จากเมือง Mannheim สู่ Pforzheim ในรถยนต์โมเดล 3 โดยไม่ได้บอกสามีหรือทางการ การเดินทางครั้งนี้ทำให้ทุกคนเห็นว่ารถยนต์สามารถเดินทางไกลได้โดยไม่มีปัญหา และเธอกลายเป็นบุคคลแรกที่เดินทางในระยะทางไกลด้วยรถยนต์ นอกจากนี้ Betha Benz ยังช่วยสามีคิดค้นแป้นเบรกและเกียร์สำหรับไต่ขึ้นเนินด้วย ทำให้หลังจากนั้น Benz & Cie. เริ่มทำการผลิตรถยนต์ขายและประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
ฝั่ง Daimler Motoren- Gesellschaft ก็มีความสำคัญต่อวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ไม่แพ้กัน แบรนด์ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1890 โดย Gottlieb Wilhelm Daimler ชายผู้ได้ชื่อว่าประดิษฐ์รถยนต์สี่ล้อคันแรกของโลก โดยใช้น้ำมันเบนซิน แต่น่าเสียดายที่เขาเสียชีวิตไปในปี 1900 ก่อนที่จะได้เห็นความสำเร็จของตัวเอง
ทั้งสองแบรนด์ถือเป็นคู่แข่งกันในช่วงเวลานั้น จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้น ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ลดลง บริษัทรถยนต์หลายรายต้องเลิกกิจการ ทั้งสองบริษัทเริ่มเห็นความสามารถของกันและกัน จึงทำการร่วมมือกันในปี 1924 แต่ในตอนนั้นยังแยกกันผลิตรถในชื่อของตัวเองจนกระทั่งในปี 1926 จึงตัดสินใจรวมกิจการกันเป็น Mercedes-Benz ทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ขับเคลื่อนได้อีกครั้งด้วยพลังที่ทั้งสองแบรนด์มี โดยเฉพาะยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง มีการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ในรถยนต์ ทำให้ชื่อ Mercedes-Benz กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์รถที่มีคนรู้จักและได้รับความนิยมทั่วโลกถึงปัจจุบัน
กว่าจะเป็นโลโก้ดาวสามแฉก
สัญลักษณ์ดาวสามแฉกของ Mercedes-Benz ก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจไม่แพ้กันครับ เพราะในตอนแรกที่รวมบริษัทกัน ตราดาวสามแฉกนี้ยังไม่มีตัวตนนะครับ เรื่องนี้คงต้องเล่าย้อนไปตั้งแต่ก่อนสองบริษัทรวมกิจการกัน เป็นทางฝั่ง DMG ที่เริ่มใช้ชื่อรถยนต์ของตัวเองว่า Mercedes เป็นเครื่องหมายการค้า เพื่อใช้กับรถรุ่นที่เรียกกันในปัจจุบันว่า Mercedes 35 hp ในปี 1902 โลโก้ในยุคนั้นยังเป็นการใช้คำว่า Mercedes มาทำ
ที่มาของชื่อนี้ ต้องยกให้ชายชื่อ Emil Jellinek นักธุรกิจที่สั่งผลิตรถยนต์จาก DMG โดยระบุให้ตั้งชื่อว่า Mercedes ตามชื่อลูกสาวของเขา Mercédès Jellinek ทำให้ภายหลัง DMG เลือกที่จะจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าด้วยชื่อนี้
ส่วนดาวสามแฉกนั้น ตามมาในปี 1909 เป็นเวลา 7 ปี หลังเครื่องหมายการค้าแรก และเป็นเครื่องหมายที่ Mercedes-Benz เลือกใช้มาจนถึงปัจจุบัน มันมีที่มาจากไอเดียของ Gottlieb Daimler ผู้ล่วงลับ เนื่องจากครั้งหนึ่ง ใน Postcard ที่เขาเคยเขียนถึงภรรยา เขาได้ออกแบบโลโก้นี้เอาไว้คร่าว ๆ และบอกว่าสัญลักษณ์นี้จะนำความสำเร็จมาให้กับบริษัท นำไปสู่จุดสูงสุด ถ้าดูจากในปัจจุบัน ก็ต้องบอกว่าเขาทำนายได้แม่นยำทีเดียว
ตราดาวสามแฉกนี้ ความหมายของมัน คือ แสดงถึงความเป็นใหญ่ทั้งบนพื้นดิน ผืนน้ำ และอากาศ เพราะเครื่องยนต์ของ DMG ถูกใช้ในยานพาหนะทุกชนิด ในปัจจุบันแม้ทั้งสองบริษัทจะรวมกิจการกันแล้ว แต่ก็ยังคงเลือกใช้โลโก้นี้ เพราะนอกจากจะแสดงถึงความหรูหราแบบเรียบง่ายแล้ว ยังสะท้อนความยิ่งใหญ่ของ Mercedes-Benz ได้เป็นอย่างดี
สิ่งที่ทำให้ Mercedes-Benz เป็นมากกว่ารถยนต์สัญชาติเยอรมัน
ในปัจจุบัน Mercedes-Benz เปลี่ยนชื่อบริษัทแม่เป็น Daimler AG และในปี 2019 ทางบริษัทก็ประกาศว่าจะแยก Mercedes-Benz ออกมาเป็นบริษัทย่อยที่ดูแลธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ตราดาวสามแฉกนี้ทั้งหมด กำเนิดเป็น Mercedes-Benz AG ขณะที่ตัวบริษัทแม่ จะดูแลธุรกิจรถบรรทุกและรถบัส Daimler เอง
แต่สิ่งหนึ่งที่ Mercedes-Benz ยึดมั่น และไม่เปลี่ยนมานาน จนถึงขั้นกลายมาเป็นสโลกแกนของแบรนด์ คือ The Best or Nothing แสดงให้เห็นความต้องการในการทำให้ดีที่สุดในทุก ๆ ด้าน ทั้งการออกแบบรถ เทคโนโลยีที่ใช้ สมรรถนะ ความปลอดภัย ไปจนถึงใส่ใจสิ่งแวดล้อม ให้สมกับที่ในยุคบุกเบิก ทั้ง DMG และ Benz & Cie. เป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่มนุษย์ ด้วยสิ่งที่ดีที่สุด สิ่งเหล่านั้นสะท้อนผ่านรถทุกรุ่นที่ Mercedes-Benz ผลิตออกมา
Mercedes-Benz ยังเป็นผู้นำในการนำนวัตกรรมหรือระบบต่าง ๆ ที่อยู่ในรถยนต์ทั่วไปในปัจจุบันมาใช้เป็นแบรนด์แรก โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยที่ใส่ใจเป็นพิเศษอย่างการนำเทคโนโลยี Airbag มาใช้ในปี 1981 หรือในยุคสมัยใหม่ Mercedes-Benz ก็คิดค้นระบบ Intelligent Drive เพื่อลดอุบัติเหตุตากการขับขี่ ทำให้แบรนด์อื่น ๆ หันมาคิดค้นระบบความปลอดภัยในการขับขี่ของตัวเองบ้าง ไปจนถึงการเอาปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ของผู้ใช้มาแก้ไข เพื่อเพิ่มประสบการณ์การขับขี่ที่ดีขึ้น
จากเยอรมนี ถึง ประเทศไทย
ประวัติ Mercedes-Benz ในประเทศไทย หากสืบย้อนร่องรอยกลับไปในประวัติศาสตร์ยุครัตนโกสินทร์ และข้อมูลจาก Mercedes-Benz Classic Center ในเยอรมนี พบว่ารถ Mercedes-Benz คันแรกของไทย ถูกสั่งจากจากสถานทูตไทยกรุงปารีส เป็นคำสั่งซื้อของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ที่ทรงประชวรต้องเสด็จฯ ไปรักษาพระองค์ ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส ใช้เดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ในช่วงปลายปี 1904 มันเป็นรถที่ผลิตโดยบริษัท DMG และจัดจำหน่ายโดย Emil Jellinek เมื่อกลับไทยก็นำรถขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ในปี 1905 ก็มีการสั่งรถเข้ามาในสยามอีกคัน กลายเป็นรถพระที่นั่งคันแรกของประวัติศาสตร์ไทย ในชื่อ แก้วจักรพรรดิ กลายเป็นที่โปรดปราน ใช้งานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี เพราะความสะดวกสบายกว่ารถม้า และในเวลาต่อมาทรงมีมีรับสั่งให้สั่งรถยนต์เข้ามาเพิ่มอีก 10 คน เพื่อพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการชั้นสูงใช้งานเป็นประโยชน์ต่อไป ทำให้รถยนต์เริ่มเป็นที่นิยมในสยามมากขึ้น นำไปสู่การวางรากฐานกฎหมายเกี่ยวกับรถยนต์ที่เราใช้กันในปัจจุบัน
มาถึงยุคปัจจุบัน มีบริษัทนำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์อย่างเป็นทางการ เพื่อให้ประชาชนได้ซื้อเป็นเจ้าของ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1998 เพื่อนำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ของกลุ่ม DMG ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และกลายเป็นรถยนต์หรูหราที่ครองตลาดและใจผู้ชายไทยได้ตั้งแต่นั้น ด้วยมาตรฐานและการดำเนินงานที่มั่นคง ไม่ต่างจากที่อื่น ๆ ในโลก
สาเหตุที่ Mercedes-Benz กลายเป็นรถยนต์หรู ที่ผู้ชายไทยอยากได้มาครอบครอง เราเชื่อว่ามาจากคติในการทำงานที่ Mercedes-Benz ในไทยยึดมั่น คือ นำเสนอสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ตัวเองหยุดนิ่ง และต้องมีสื่อสารหรือ PR เพื่อสร้าง Brand Awareness กับลูกค้าสม่ำเสมอ ให้ลูกค้าเกิดความรับรู้และมั่นใจถึงความสามารถของแบรนด์ สุดท้ายที่เป็นหัวใจ คือ การนำเสนอวิธีการใหม่ นวัตกรรมใหม่ ที่สามารถช่วยลูกค้าให้สะดวกสบายขึ้นก่อนที่ลูกค้าจะรู้ตัว นี่เองที่ทำให้ Mercedes-Benz สร้างฐานการตลาดในไทยอย่างเข้มแข็งมาตลอด 20 ปี รวมถึงในอนาคตต่อจากนี้ที่แบรนด์ตราดาวสามแฉกมีแผนการที่จะนำเสนอสิ่งใหม่ ๆ ให้กับคนไทยในระยะยาว
นี่คือการเดินทางกว่าร้อยปีของแบรนด์รถยนต์ที่ MenDetailsมองว่าน่าสนใจ พร้อมทั้งอยากติดตามการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ว่าจะสำเร็จไปได้ถึงจุดไหนและในอนาคต Mercedes-Benz จะมีอะไรออกมาสร้างความประหลาดใจ หรือปฏิวัติวงการรถยนต์ได้อีกหรือไม่ครับ