ร่างกายของคนเรา เมื่อบริโภคอาหารเป็นปริมาณแคลอรี่ที่เกินกว่าความต้องการ แคลอรี่ส่วนเกินเหล่านั้นก็จะไปสะสม เกิดเป็นไขมันส่วนเกินพอกอยู่ตามจุดต่างๆ รวมถึง “พุง” ของเราด้วย เมื่อสะสมมากเข้าก็จะกลายเป็นคนที่มีน้ำหนักเกินและอ้วนลงพุง ส่งผลให้มีรูปร่างและบุคลิกที่ไม่ดี หลายคนเมื่อรู้สึกก็พยายามที่จะลดน้ำหนัก และขจัดไขมันส่วนเกินเหล่านี้ออกไป
วิธีการลดน้ำหนักที่เราได้ยินได้ฟังกันมาหลายแบบ ทั้งเข้าคอร์สลดน้ำหนัก, ออกกำลังกาย, ควบคุมอาหาร ฯลฯ นั้น แท้ที่จริงสามารถสรุปวิธีออกเป็นแค่สองทางเพื่อการลดน้ำหนัก นั่นก็คือ
1. ลดปริมาณแคลอรี่ที่เราบริโภคในแต่ละวัน
2. เผาผลาญแคลอรี่ในแต่ละวัน ให้มากกว่าที่บริโภคเข้ามา
ดังนั้น สิ่งสำคัญจริงๆที่เราจะต้องทำก็คือการพยายามบริโภคอาหารเพียงแค่พอดี และเป็น อาหารทีให้แคลอรี่ต่ำ ควบคู่ไปกับการเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อใช้แคลอรี่เหล่านั้นให้มากกว่าที่เราบริโภคเข้ามา เมื่อนั้นร่างกายก็จะนำแคลอรี่จากไขมันที่สะสมไว้ตามร่างกายของเรามาชดเชย และจะทำให้น้ำหนักของเราค่อยๆลดลง
บางคนมีความเชื่อว่า การเผาผลาญแคลอรี่ของร่างกายนั้นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเราออกกำลังกายเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง, ขี่จักรยาน, ว่ายน้ำ หรืออะไรก็ตามที่เรียกว่าการออกกำลังกายเท่านั้นที่ทำได้ แต่ ในความเป็นจริงร่างกายของคนเราเผาผลาญแคลอรี่อยู่ตลอดเวลาแม้แต่ในยามที่นอนหลับ ดังนั้นไม่ว่าเราจะยืน เดิน นั่ง หรือนอน เราก็ใช้แคลอรี่เช่นกัน ต่างกันแค่อะไรที่เผาผลาญแคลอรี่ได้มากหรือน้อยกว่ากันเท่านั้นเอง
ด้วยเหตุนี้เอง หากจะถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะลดน้ำหนักโดยไม่ต้องออกกำลังกาย? คำตอบก็คือเป็นไปได้ครับ แต่อาจจะต้องใช้เวลานานกว่าคนที่ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยเท่านั้นเอง
ลดน้ำหนักโดยไม่ออกกำลังกาย ทำได้อย่างไร?
หากคุณตั้งใจที่จะลดน้ำหนักโดยไม่ออกกำลังกาย สิ่งที่คุณจะต้องมุ่งเน้นแบบสุดๆก็คือการควบคุมอาหารครับ ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว แรกเริ่มที่สุดคุณควรจะทราบค่า BMR (Basal Metabolic Rate) ของตัวเองเสียก่อน ซึ่งค่า BMR คือการคำนวณความสูง, น้ำหนัก, อายุ และเพศ ออกมาเป็นจำนวนแคลอรี่ที่ร่างกายของคุณจำเป็นต้องใช้ ถ้านอนอยู่บนเตียงทั้งวันโดยไม่ลุกไปไหนเลย
ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเป็นผู้ชาย มีอายุ 30 ปี สูง 175 เซ็นติเมตร และมีน้ำหนัก 70 กิโลกรัม เมื่อคำนวณแล้วคุณจะมีค่า BMR = 1649 นั่นแปลว่า หากคุณตื่นมาแล้วไม่ทำอะไรเลย แค่นอนพักผ่อนอยู่บนเตียงตลอดทั้งวันเท่านั้น ร่างกายของคุณจะใช้แคลอรี่ทั้งหมดประมาณ 1,649 กิโลแคลอรี่ต่อวันอยู่แล้ว
ลองไปคำนวณหา BMR ของตัวเองได้ที่ Link นี้เลยนะครับ
ตัวเลข BMR จึงมีประโยชน์ในการบอกเราว่าเราควรจะบริโภคอาหารที่มีปริมาณแคลอรี่เท่าไหร่ต่อวัน ซึ่งในความเป็นจริงเราไม่ได้ตื่นมาแล้วอยู่แต่บนเตียงทั้งวัน ดังนั้นถ้าหากคุณใช้ชีวิตประจำวันตามปกติโดยไม่ได้ออกกำลังกายเลย หรือออกกำลังกายน้อยมากๆ ร่างกายจะใช้พลังงานเพิ่มขึ้นจากค่า BMR ประมาณ 400-500 กิโลแคลอรี่ต่อวัน นั่นหมายความว่า ถ้าหากคุณบริโภคอาหารที่มีปริมาณแคลอรี่ไม่เกินค่า BMR ของตัวเอง และดำเนินชีวิตตามปกติโดยไม่ได้ออกกำลังกาย แค่นี้คุณก็จะใช้แคลอรี่ส่วนเกินที่มาจาก “ความอ้วน” ของคุณเป็นจำนวนราว 400-500 กิโลแคลอรี่ต่อวันได้แล้ว และเมื่อเป็นเช่นนี้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานๆก็จะทำให้ไขมันที่สะสมอยู่ถูกดึงมาใช้ และทำให้น้ำหนักตัวค่อยๆลดลงเรื่อยๆนั่นเอง
ข้อควรระวังสำหรับการพยายามลดน้ำหนักโดยไม่ออกกำลังกาย
แม้คุณจะไม่ต้องเหนื่อยกับการออกกำลังกายเลยก็สามารถลดน้ำหนักได้ แต่ว่าวิธีนี้มีข้อเสียหลายอย่าง อาทิเช่น
1. คนเราส่วนใหญ่มักไม่สามารถควบคุมจำนวนแคลอรี่ที่เราบริโภคต่อวันให้อยู่ในค่า BMR อย่างต่อเนื่องได้ ส่วนใหญ่มักจะหยวนๆ เดี๋ยวขอกินนั่นกินนี่ สุดท้ายก็บริโภคแคลอรี่เกินกำหนดอยู่ดี ร้ายกว่านั้นคือ บางคนโกหกตัวเอง ยังคงกินเยอะเหมือนเดิม แต่กลับคิดไปเองว่าควบคุมอาหารได้ดีแล้ว พาลโทษว่าร่างกายตัวเองผิดปกติ ไม่สามารถลดน้ำหนักได้เหมือนคนอื่นเขาเสียอีก
2. การออกกำลังกายมีประโยชน์มากกว่าแค่ช่วยลดน้ำหนัก เพราะทำให้ร่างกายได้บริหารกล้ามเนื้อ บริหารระบบหายใจ ทำให้มีสุขภาพดีขึ้นในระยะยาว ต่างกับการควบคุมแคลอรี่อย่างเดียวที่ถึงแม้น้ำหนักจะลดก็จริง แต่ความแข็งแรงของร่างกายก็จะหายไป
3. การลดน้ำหนักโดยไม่ออกกำลังกายจะกินเวลานานมากกว่าการออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย คำนวณได้จากน้ำหนักตัวของคนเรา 1 กิโลกรัม จะมีไขมันอยู่ประมาณ 700 กรัม และไขมัน 1 กรัมจะมีแคลอรี่ราว 10 กิโลแคลอรี่ แปลว่าถ้าคุณต้องการจะลดน้ำหนักให้ได้ 1 กิโลกรัม ก็ต้องกินแคลอรี่ให้น้อยกว่าที่ใช้ประมาณ 7,000 กิโลแคลอรี่ และถ้าเราใช้วิธีไม่ออกกำลังกายเลย เน้นควบคุมอาหารอย่างเดียว จากตัวอย่างข้างบนก็จะต้องใช้เวลาราวๆ 2 สัปดาห์จึงจะลดน้ำหนักได้ 1 กิโลกรัม ซึ่งถือว่านานและต้องใช้ความอดทนสูงทีเดียว
ดังนั้นถามว่าลดน้ำหนักโดยไม่ออกกำลังกาย ทำได้ไหม? ตอบว่าทำได้ แต่ไม่แนะนำนะครับ ทางที่ดีควบคุมอาหารและออกกำลังกาย ควบคู่กันไป ดีที่สุดครับ