ในยุค Prohibition era ของสหรัฐอเริกา (ค.ศ. 1920 -1933) เป็นยุคที่ประเทศสหรัฐอเมริกามีกฎหมายห้ามขายและนำเข้าแอลกอฮอล์ทุกชนิด และในยุคนี้เองก็เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาสำคัญ เพราะมันได้ทิ้งมรดกตกทอดไว้มากมาย ทั้งในแง่สังคม วัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแวดวงเครื่องดื่ม Cocktail เพราะในยุคที่รัฐบาลห้ามขายนั้น ยังมีการลักลอบขาย มีบาร์ลับ บาร์ Speak Easy เกิดขึ้นมากมาย เป็นความพยายามของคนในยุคนั้นที่อยากจะดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้มี Cocktail จำนวนไม่น้อยที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ หนึ่งในนั้นคือ Classic Cocktail อย่าง Bee’s knees ครับ
มันเป็นเครื่องดื่มง่าย ๆ ที่มีส่วนผสมแค่สามอย่าง แต่ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คนว่านี่คือหนึ่งในค็อกเทลที่ “ดีเยี่ยม” ในยุคนั้น และในวันนี้ MenDetails อยากจะมาบอกเล่าเรื่องราวของเครื่องดื่ม “หัวเข่าผึ้ง” ให้อ่านกันสักเล็กน้อยครับ
Bee’s Knees เป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมแค่ 3 อย่าง คือ Gin น้ำผึ้ง และ น้ำมะนาวเลม่อน เป็น cocktail ที่มีเบสเป็น Gin ที่ทำได้ง่ายพอ ๆ กับ Gin and tonic และ Dry martini นั่นคือนำส่วนผสมทั้งหมดมาใส่แก้วผสมที่มีน้ำแข็ง เขย่าและกรองใส่แก้ว cocktail เย็น ๆ ตกแต่งด้วยเปลือกเลม่อน เปลือกส้ม หรือในยุคหลัง ๆ ก็จะมีการเอาดอกไม้มาตกแต่ง เครื่องดื่มนี้มีรสชาติที่หอมหวาน อมเปรี้ยว สดชื่น บางแห่งก็อาจจะมีการผสมน้ำส้มกับน้ำเลม่อนเข้าด้วยกันทำให้รสที่ได้มีความแตกต่าง รวมถึงน้ำผึ้งที่ใช้ (ที่บางบาร์ก็ใช้ไซรัปน้ำผึ้ง) ก็ส่งผลต่อรสชาติของเครื่องดื่มนี้อีกด้วย
สำหรับที่มาของเครื่องดื่มนี้ไม่มีการระบุเอาไว้แน่ชัด บ้างก็ว่ามันถือกำเนิดในต้นยุค 1920s จากบาร์เทนเดอร์ชื่อ Frank Meier บ้างก็ว่า Margaret Brown หญิงสาวจากสังคมไฮโซ และหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์เรือ Titanic อับปางในปี 1912 เป็นผู้ให้กำเนิด โดยมีหลักฐานเป็นบทความข่าวในปี 1929 แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สิ่งที่แน่นอนคือ มันถือกำเนิดขึ้นในยุค Prohibition era ที่สหรัฐอเมริกาสั่งแบนแอลกอฮอล์
ในยุคที่แอลกอฮอล์ถูกสั่งแบน ห้ามขาย ห้ามนำเข้า แต่ในเมื่อคนมันอยาก ทำให้คนอเมริกันต่างสรรหาวิธีต่าง ๆ มากมายเพื่อหลบเลี่ยงกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการลักลอบนำเข้า (เราอาจเห็นได้ตามภาพยนตร์มาเฟียที่มี setting ในยุคนั้น) การเปิดบาร์ลับ ๆ ที่เป็นที่มาของ Speak easy bar ในปัจจุบัน ไปจนถึงการต้มกิน ต้นขายกันเองแบบบ้าน ๆ ทำให้แอลกอฮอล์ที่เป็นที่นิยมในยุคนั้นกลายเป็น Gin นั่นเอง เพราะ Gin เป็นแอลกอฮอล์ที่ทำง่าย วัตถุดิบมีราคาถูก จนเกิดคำนิยาม Gin แบบบ้าน ๆ นี้ว่า Bathtub gin อารมณ์เหมือนเอาอ่างอาบน้ำมาต้ม Gin ขาย
เมื่อ Gin มันเป็น Gin แบบบ้าน ๆ คนทำไม่ใช่มืออาชีพอะไร ขั้นตอนการกลั่นต่าง ๆ ก็ไม่สมบูรณ์แบบโรงกลั่นใหญ่ ทั้งรสชาติทั้งกลิ่นก็เลยออกมาไม่น่าอภิรมย์นัก แต่ในยุคที่ตัวเลือกไม่มาก Bathtub gin ก็ใช้แก้อยากได้
ซึ่งก็ต้องขอบคุณความไม่น่าอภิรมย์ของ Gin ชาวบ้าน ที่ทำให้ Cocktail อย่าง Bee’s knees ได้แจ้งเกิด เพราะการเอาน้ำผึ้งและน้ำเลม่อน ที่มีกลิ่นหอม รสหวาน (น้ำผึ้ง) อมเปรี้ยว (เลม่อน) มาซ่อนกลิ่นและรสที่สุดแสนจะบรรยายของ Gin ชาวบ้านเหล่านี้ ก็เลยทำให้มันเป็นอีกหนึ่ง Cocktail ยอดนิยมจนขึ้นหิ้งเป็น Classic cocktail ในเวลาต่อมาไปในที่สุด
ส่วนชื่อของเครื่องดื่มนี้ ก็มีที่มาที่น่าสนใจไม่ต่างกัน เพราะคำว่า Bee’s knees เป็นคำใหม่ที่ถือกำเนิดขึ้นในยุค 1920s เวลาไล่ ๆ กันนั่นแหละ เดิมทีมันเป็นคำสแลงที่มาจากกลุ่ม Flappers หรือกลุ่มสาว ๆ หัวสมัยใหม่ในยุคนั้น ที่ต้องการแสดงออกมากขึ้น หลุดจากกรอบเดิม ๆ ทำให้พวกเธอออกมาเรียกร้องสิทธิ เสรีภาพ แต่งกายจัดจ้านขึ้น (ถ้ามองจากสายตาของคนยุคนั้น) พวกเธอเป็นคนที่คิดคำสแลงที่เกี่ยวกับสัตว์เหล่านี้ขึ้นมา ที่เราอาจจะพอคุ้นกันบ้าง เช่น Cat’s whiskers กับ Bee’s knees ไปจนถึงอะไรก็ตามของสิ่งมีชีวิตอื่นที่พวกเธอมองว่าเป็นส่วนเล็ก ๆ ที่เจ๋งของสิ่งมีชีวิตนั้น ๆ
Bee’s knees หรือ หัวเข่าผึ้ง ที่เป็นชื่อของ Cocktail นี้ จึงแปลว่า “ยอดเยี่ยม” และดูจากความนิยมของมันก็ถือว่าไม่เกินความจริงแต่อย่างใด แถมในปัจจุบันยังมีการพัฒนาต่อยอดมีเวอร์ชั่นแยกย่อยกันอีกมากมายนับไม่ถ้วน
ปัจจุบันมีโรงกลั่นในสหรัฐอเมริกา ชื่อ Barr Hill ที่จัด Event ประจำปี ชื่อ Bee’s Knees Week มาตั้งแต่ปี 2017 โดยมีจุดประสงค์ให้ผู้คนได้เพลิดเพลินกับ cocktail นี้ และงานนี้ยังเป็นงานที่เกี่ยวกับความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแวดวงอุตสาหกรรมแอลกอฮอล์อีกด้วย เพราะเป้าหมายของงานนี้คือการแสดงให้เห็นความสำคัญ และการปกป้องเหล่าผึ้งที่เป็นห่วงโซ่สำคัญของระบบธรรมชาติในการผสมเกสร และมันยังสอดคล้องกับเป้าหมายเริ่มต้นของโรงกลั่นด้วย ที่ต้องการสนับสนุนการเกษตรและอนุรักษ์ธรรมชาติ
สำหรับหน้าร้อนประเทศไทย ที่อากาศร้อน ๆ แบบนี้ Bee’s knees เป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มที่ทำได้ง่าย และยังให้ความสดชื่นอีกด้วยครับ หากใครอยากผสมเครื่องดื่มดื่มเองที่บ้าน หรือไปบาร์ Cocktail ช่วงนี้แล้วไม่รู้สั่งอะไรดี ก็ลองสั่งเครื่องดื่มนี้กันดูนะครับ