เกือบทุกปีครับที่ adidas จะต้อง Redesign รองเท้าทรงยอดนิยมอย่าง Ultraboost ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ เราพึ่งพูดถึงสาเหตุที่เราชาว MenDetails ยังคงย้อนกลับมาหา adidas Ultraboost 4.0 อยู่ดี ต่อให้มีรองเท้าอื่นๆ มากมายในท้องตลาดก็ตาม ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 5 แล้ว ที่ adidas ปรับเปลี่ยนโฉมหน้าของ Ultraboost แถมมีเสียงตอบรับหลากหลายรูปแบบมากเหลือเกิน และสำหรับเราแล้วนั้น adidas Ultraboost 5.0 ถูกออกแบบมาเพื่อสาย Performance มากขึ้น ใส่เดินสนุกขึ้นเป็นหลักครับ
เพราะรุ่นก่อนหน้า มีชิ้นส่วนที่เยอะจนทำให้ตัวรองเท้าหนักเกินความจำเป็น
ไม่ได้กล่าวหาว่า Ultraboost 4.0 ไม่ดีนะครับ แต่เพราะการออกแบบรองเท้ารุ่นใหม่ของ adidas ครั้งนี้นั้น เพื่อต้องการ Support นักวิ่งมากขึ้น จึงพยายามค้นหาข้อเสียจากรุ่นก่อนหน้า สิ่งหนึ่งที่พบก็คือ จำนวนชิ้นส่วนที่นำมาผลิตนั้นมีทั้งหมด 17 ชิ้นเลยทีเดียว แต่สำหรับ Ultraboost 5.0 คือลดจำนวนลงเหลือเพียง 4 ชิ้นหลักๆ เท่านั้น ซึ่งปัจจัยอย่างหนึ่งก็คือ “น้ำหนัก” ที่เกินความจำเป็นนั่นเอง
-เปลี่ยนตำแหน่งชื่อรุ่นมาอยู่ตรง 3D Heel Frame แทน-
จุดที่ปรับ Design ไปเยอะมากๆ และเห็นได้ชัดเจนก็คือ Heel Cup หรือจุดล็อคส้นเท้า เพราะก่อนหน้านี้จะเป็นแผ่นพลาสติกทั้งชิ้น แต่ครั้งนี้เปลี่ยน Design เป็น 3D Heel Frame คือมาเป็นแค่กรอบ Frame ทรงเดิม เชื่อว่าเจ้านี้ชิ้นเดียวก็น่าจะลดน้ำหนักไปได้หลายกรัมแล้วนะ
ช่วง Collar มีการปรับ Design เพิ่มเติม โดยลดชิ้นผ้าบุ Support ด้านในออก (ชิ้นที่หนาๆ นุ่มๆ ด้านในนั่นแหละครับ) ซึ่งก็น่าจะช่วยลดน้ำหนักไปได้อีกจำนวนหนึ่ง ส่วนเรื่อง Feeling การใส่เมื่อลดตัวบุด้านในออก จะคล้ายๆ กับ NMD ครับ
มาพร้อมหน้าผ้ารูปแบบใหม่ และ Primeknit 360
-หากเอา Insole ด้านในออก จะเห็น Primeknit ชัดเจนเลยทีเดียว-
เหมือนจะเป็นมวยตรงหมัดกันจริงๆ ก่อนหน้านี้ Nike เปิดตัว Flyknit 360 ไปกับโมเดล Nike Free RN ปีนี้ adidas เลยจัด Primeknit 360 มาชนด้วย Ultraboost 5.0 คู่นี้แหละครับ ข้อดีคือตัวผ้าจะรัดรอบอุ้งเท้าของผู้สวมใส่ไปเลย ทำให้เหมือนใส่ถุงเท้าที่รัดกระชับมากทีเดียว ซึ่งเจ้าชิ้นที่ถักทอผ่านอุ้งเท้าของเราก็คือชิ้นที่เป็น Multi-Color นั่นแหละครับ (หยิบ Insole ออกก็จะเห็นทันที) การใส่ Primeknit 360 เข้ามาครั้งนี้ ถือว่าตอบโจทย์ความต้องการด้านความกระชับได้ยอดเยี่ยมเลยครับ
หน้าผ้าด้านบนปรับให้ยืดหยุ่นน้อยลงจาก 4.0 เข้าไปอีก โดยเฉพาะบริเวณเส้นคาดกลางหน้าเท้า ซึ่ง ถูกใจเราอย่างมาก
สำหรับคนที่รู้สึกว่า 3.0 ย้วยไปหน่อย 4.0 น่าจะตอบโจทย์ได้ในระดับหนึ่งครับ แต่คู่นี้ตอบโจทย์ได้ดีขึ้นไปอีก เพราะหน้าผ้ายืดหยุ่นน้อยลง กระชับเท้ามากขึ้น นั่นเอง ถือว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว
จะมีอะไรดีไปกว่าการเพิ่มปริมาณ Boost อีก 20%
-ปริมาณ Boost คือเยอะขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ-
ใช่ครับ คุณอ่านไม่ผิด และถ้าคุณเห็นรูปครั้งแรกแล้วรู้สึกว่า Ultraboost รุ่นนี้อ้วนๆ ไปสักหน่อย คือคุณเข้าใจถูกแล้วหล่ะครับ เพราะ adidas เพิ่มปริมาณ Boost Technology เข้ามาอีก 20% เลยทีเดียว ทำให้คุณได้สัมผัสความนุ่มนิ่มที่เยอะกว่าเคย ซึ่งหลายคนก็อาจมีคำถามว่า “เยอะขึ้นก็ยวบมากขึ้นหรือป่าว” จริงๆ แล้วไม่นะครับ ความรู้สึกนั้นดีขึ้นแต่ไม่ยวบมากเท่าใดนัก เพราะตำแหน่งของ 3D Heel Frame ยังอยู่ที่เดิม ทำให้โครงสร้างส่วนใหญ่ล๊อคคงที่ในจุดที่กำลังดี
-น่าเสียดายที่ Torsion Spring ของ Ultraboost 5.0 เป็นแบบติดกาว ไม่เหมือนตัว AM4-
พื้น Outsole ยังเป็นยาง Continental อยู่ครับ แต่เปลี่ยนลายพื้นให้เหมือนกับตัว adidas Ultraboost AM4 แถมตัวนี้มาพร้อม Torsion System แบบใหม่ด้วย ชื่อว่า “Torsion Spring”
นี่คือจุดสำคัญของรองเท้าคู่นี้เลยครับ เพราะการลดวัสดุลงเพื่อให้รองเท้าเบาขึ้น ก็เพื่อการนี้โดยเฉพาะ นั่นก็คือการเพิ่ม Boost อีก 20% นั่นเอง ทำให้คุณได้ Midsole ที่ยอดเยี่ยม นุ่มขึ้น ในน้ำหนักที่เท่าเดิม (เพราะลดน้ำหนักใส่ส่วน Upper ลงนั่นเอง)
แต่ไม่ใช่ว่าคู่นี้จะดีจนไม่มีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เราไม่ค่อยอินนะครับ เราขอยกตัวอย่างเช่น Cage ด้านข้างเนี่ย ขัดใจเราพอสมควร ถึงแม้ว่าไอเดียหลักๆ คือการลดน้ำหนักของตัวรองเท้า แต่ส่วนตัวเชื่อว่า น่าจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ รวมไปถึงรายละเอียดบนตัวผ้า Primeknit ซึ่งถ้าจะว่ากันตรงๆ คู่นี้ถือว่าเป็นคู่สีที่โอเคเลย (สีอื่นๆ อาจต้องรอดูกันต่อไป) แต่สีที่วางขายก่อนหน้าอาจจะไม่ใช่สไตล์เรานั่นเอง ดังนั้น แนะนำให้รอดูคู่สีไปก่อน เพราะเราเชื่อแน่ว่า adidas จะสามารถดึงเอาคู่สีดีๆ มาใช้ได้ในอนาคตแน่นอน
ถ้าทั้งหมดที่กล่าวมา คุณรู้สึกว่า “ของมันต้องมี” แล้วหล่ะก็ อาจต้องผ่านด่านสุดท้ายคือราคาครับ เพราะคู่นี้สนนราคาอยู่ที่คู่ละ 7,300.- (ในขณะที่ Ultraboost 4.0 ลดราคาลงมาเหลือเพียง 6,500.- เท่านั้น) ดังนั้น ถ้าคุณกำลังเริ่มต้นดู adidas Ultraboost สักคู่ให้ตัวเอง MDs คิดว่า 4.0 ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่ดี หากราคาเป็นปัจจัยนะครับ แต่ถ้าชอบคู่สีและอยากได้ Performance ที่ยอดเยี่ยมมากขึ้น บวกเพิ่มอีก 800.- ก็คุ้มพอตัวเลยแหละ
ตัวรองเท้า adidas Ulraboots 5.0 หรือ Ultraboost 2019 จะวางจำหน่ายในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้นะครับ เรื่องวันและเวลาที่แน่นอน อาจต้องติดตามที่หน้า Facebook : adidas Thailand โดยตรง และคาดว่าจะวางขายที่ adidas Performance บางสาขาเท่านั้น เพราะผลิตในจำนวนจำกัด อยากได้ก็ต้องวิ่งกันหน่อยครับผม