ก่อนหน้าที่จะเริ่มต้นร้านราเมงนั้น ที่นี่เคยเป็นร้าน The 14th Barrel มาก่อนครับ กับบาร์กินดื่มที่มีเมนูอาหารเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายของใครหลาย ๆ คน จนวันเวลาหมุนเวียนมาสู่การลงมือทำราเมงอย่างจริงจัง จากความชื่นชอบของเชฟประจำร้าน ก่อกำเนิด Shun Ramen ซึ่งตั้งอยู่ที่ เจริญนคร 14 ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งร้านที่เหล่าสาวกคนชอบราเมง ต่างบอกกันปากต่อปาก จนกลายเป็นที่รู้จักของใครต่อใครในเวลาไม่นาน กับราเมงที่ตั้งใจเป็นเพียงชาม Underrated แต่เต็มไปด้วยรายละเอียด วันนี้ MenDetails พาทุกท่านมา รีวิว Shun Ramen กันครับ
เพราะต้องการให้คนไทยได้ลองทานราเมงคุณภาพ ในราคาที่คุ้มค่า Shun Ramen จึงถือเป็นอีกหนึ่งร้านราเมงที่ตั้งราคาได้น่ารักและสบายกระเป๋ามากพอสมควรครับ ซึ่งความตั้งใจของเจ้าของร้านคือ อยากให้ร้าน Shun Ramen เป็นหมุดหมายหนึ่งในการมาลอง ไม่ต้องคาดหวังเยอะเหมือนร้านชื่อดังอื่น ๆ แต่สิ่งที่สร้างให้ตัวร้านมีความน่าสนใจในมุมมองคนชอบทานราเมง คงหนีไม่พ้นจำนวนชามที่ทางร้านจะเสิร์ฟไม่เกิน 60 ชามต่อวัน
เพราะราเมงของที่นี่ จะทำใหม่ชามต่อชาม เรียงเส้นเหมือนงานคราฟต์ และคุณภาพของน้ำซุปต้องดีที่สุด ซึ่งทางร้านใช้เวลาเคี้ยวนานกว่า 8 ชั่วโมง ทำให้ปริมาณที่สามารถเสิร์ฟได้นั้น ค่อนข้างจำกัดนั่นเอง
เมนูต่าง ๆ ของทางร้าน เริ่มต้นด้วยน้ำซุปทั้งหมด 3 แบบด้วยกัน ได้แก่ ซุปกระดูกหมู ซีฟู้ด และซิกเนเจอร์ ซึ่งเกิดจากความตั้งใจของ คุณโฟม พีระวัฒน์ หาญสมบูรณ์เดช ซึ่งไม่เคยเรียนทำราเมงมาก่อน เกิดจากความชอบทานราเมงล้วน ๆ และลงมือศึกษาอย่างจริงจังเป็นเวลาแรมปี ลองผิดลองถูกจนกลายเป็นราเมงในรสชาติที่กลมกล่อมในแบบฉบับตัวเอง
วันนี้ทีมงาน MenDetails แวะไปลองตัว Shun Ramen (249.-) ซึ่งเป็นเมนู Signature ของทางร้าน กับน้ำซุปที่เลือกผสมระหว่างซุปกระดูกหมูและซีฟู้ด ที่ความเข้มข้น แต่ได้ความเบาจากกลิ่นไอของอาหารทะเลมาตัดได้อย่างน่าสนใจ ตัวเส้นนั้น ทางร้านจะเลือกใช้เส้นที่สั่งผลิตขึ้นโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นเส้นที่เล็ก มีความแข็งเล็กน้อย หรือที่ทราบกันดีในชื่อ เส้นฮาคาตะ หรือเส้นที่มักใช้เสิร์ฟในร้านราเมงข้อสอบนั่นเองครับ ตัวเส้นคืออร่อยเลยครับ เนื้อสัมผัสดีมาก ตัวหมูชาชูและหมูสามชั้น ทำออกมาได้ดีเช่นกัน นุ่มละลายในปากเลยทีเดียว น้ำซุปรสชาติเข้มข้นเลยครับ ส่วนตัวอาจรู้สึกติดเค็มไปสักหน่อย แต่ใครที่ชอบรสน้ำซุปเข้มข้นสไตล์ญี่ปุ่นแท้ คิดว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
อีกเมนูที่เราได้ลองคือ Shio Ramen (159.-) ซึ่งทางร้านเลือกใช้ซุปซีฟู้ด เรียกว่าหอมเตะจมูกมากทีเดียว เส้นจะเป็นแบบเดียวกับตัว Shun Ramen ครับ แข็งนิด ๆ Texture ดีเยี่ยม มาพร้อมหมูชาชูซึ่งเข้ากันได้ดีมาก ๆ กับน้ำซุป Shio ของทางร้าน จนกล้าบอกเลยครับว่า ถ้าคุณชอบแนวซุปใส ต้องไม่พลาด Shio Ramen ร้านนี้นะครับ
นอกจากเมนูราเมงแล้ว ยังมี Mazesoba (169.-) ซึ่งใช้เส้นคิตะคะตะ เสิร์ฟแบบแห้ง ซึ่งเราไม่ได้ลองกันครับ แต่ก็ถือเป็นเมนูแนะนำเช่นเดียวกัน เพราะน่าจะหาทานเส้นคิตะคะตะได้ยากในไทย ทว่า เราสั่งเนื้อปิ้งมาลองกันครับ ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูที่อร่อยเลยทีเดียว จนรู้สึกได้เลยครับว่า สมัยที่เปิดเป็น The 14th Barrel นั่น ต้องมีเมนูกับแกล้มเด็ด ๆ เต็มไปหมดแน่นอน เพราะเนื้อปิ้งที่เรียบง่าย กลับอร่อยจนน่าตกใจเลยทีเดียว
ใครกำลังมองหาร้านราเมงแห่งใหม่ที่ปรุงโดยคนไทย คิดค้นและตั้งใจศึกษาราเมงแบบถึงพริกถึงขิง เลือกสั่งผลิตวัตถุดิบบางอย่างด้วยตัวเอง จนกลายเป็นเมนูราเมงที่ทานง่าย และราคาดีงามมากร้านหนึ่งในกรุงเทพฯ MenDetails ขอแนะนำร้าน Shun Ramen เลยครับ และเชื่อว่า รีวิว นี้ อาจทำให้ท่านอยากพุ่งตัวออกจากที่ทำงาน แล้วหันหัวรถไปสู่เจริญกรุง 14 แต่บอกก่อนนะครับว่า นอกจากจำนวนชามราเมงจะจำกัดแล้ว ที่จอดก็ค่อนข้างจำกัดเช่นเดียวกัน
ส่วนอีกหนึ่งร้านที่ควรค่าแก่การไปลองคงหนีไม่พ้น Shindo Ramen นะครับ ถือเป็นอีกหนึ่งร้านราเมงที่ขึ้นชื่อมาก ๆ แถวศาลายา แต่บอกก่อนว่า คนแน่นตลอดนะครับ