หากพูดถึงเสื้อผ้าสัญชาติญี่ปุ่นสไตล์มินิมอลที่ได้รับความไว้วางใจเรื่องคุณภาพและราคาที่จับต้องได้ MenDetails.com เชื่อว่าผู้ชายหลาย ๆ คนต้องนึกถึงแบรนด์ Uniqlo อย่างแน่นอน ซึ่งทาง Uniqlo มักจะมีการร่วมมือกับดีไซเนอร์มากฝีมือ หยิบงานศิลปะจากศิลปิน หรือซื้อลิขสิทธิ์ของการ์ตูนคาแรคเตอร์ ภาพยนตร์มาสร้างสรรค์คอลเลกชันใหม่ ๆ อยู่เสมอ โดยเมื่อกล่าวถึงไลน์ผลิตคุณภาพสูงจากแบรนด์ หนึ่งคอลเลกชันที่ไม่ได้พูดถึงไม่ได้เลย คือ +J ที่เป็นการร่วมมือระหว่าง Jill Sander และ Uniqlo นั่นเอง โดยตอนนี้การร่วมมือกันก็ดำเนินมาถึง The End of Chapter 2 แล้ว ลองไปดูกันดีกว่าว่าดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้งแบรนด์ร่วมสร้างสรรค์คอลเลกชันสุดพิเศษเหล่านี้ขึ้นมาด้วยแนวคิดแบบใด
การจับมือกันของ Jill Sander และแบรนด์ญี่ปุ่นระดับ Global อย่าง Uniqlo
พูดถึง Jill Sander หรือ Heidemarie Jilline Sander เธอคือแฟชั่นดีไซเนอร์ในโลกแฟชั่นระดับสูงที่มากความสามารถ ก่อตั้งแบรนด์ด้วยชื่อของตัวเองตั้งแต่ปี 1968 และมีการร่วมงานกับ Luxury Brand มากมาย โดยตัวแบรนด์ Jill Sander นั้นเป็นแบรนด์เยอรมันที่ออกคอลเลกชันเสื้อผ้ามาภายใต้สไตล์ Minimalist แต่ยังคงเน้นความปราณีตในรายละเอียดต่าง ๆ
ในขณะที่ Uniqlo เป็นแบรนด์จากแดนอาทิตย์อุทัยที่มีจุดเริ่มต้นจากการเป็นธุรกิจจำหน่ายเสื้อผ้าผู้ชายเล็ก ๆ ชื่อร้าน Ogori Shōji ในจังหวัดยามากุจิก่อน สมัยนั้นยังเน้นเสื้อผ้าเป็นชุดสูท แต่เมื่อ Tadashi Yanai (ทาดาชิ ยาไน) มารับช่วงธุรกิจต่อจากบิดาก็ได้ปรับเปลี่ยนหลายอย่าง ตั้งแต่ชื่อร้านเป็น Unique Clothing Warehouse ตั้งอยู่ที่ฮิโรชิม่าและหันมาเน้นเสื้อผ้าลำลอง (Life wear) แทน ประกอบกับขยายธุรกิจให้เป็นเสื้อผ้าทั้งชายและหญิงขึ้น หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ขยายสาขากระจายไปทั่วญี่ปุ่นกว่า 100 สาขาในเวลาอันรวดเร็ว เมื่อกลายเป็นที่นิยมในประเทศ Uniqlo จึงค่อยขยายเครือข่ายออกไปยังต่างประเทศ จนปัจจุบันกลายเป็นแบรนด์ที่สามารถครองใจคนทั่วโลกและยังเรียกได้ว่าเป็น Global Brand ได้เต็มปากอีกด้วย
โดยเส้นทางของดีไซเนอร์เยอรมันระดับตำนาน กับแบรนด์เสื้อผ้าญี่ปุ่นที่กลายเป็นระดับอินเตอร์นั้นมาบรรจบกันในปี 2009 ที่เปิดตัวคอลเลกชัน +J ขึ้นครั้งแรก ซึ่งไลน์นี้จะเป็นเสื้อผ้าคุณภาพระดับสูงของแบรนด์ มากับดีไซน์มินิมอลแต่ดูแฝงความหรูหราเอาไว้ ความโดดเด่นอยู่ที่เนื้อผ้าและโทนสีที่เลือกใช้ พูดได้ว่าการเปิดตัวคอลเลกชันนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูง
ระยะเวลากว่าสิบปี ก่อนที่จะปล่อย +J คอลเลกชันใหม่ออกมา
จาก +J ในปี 2009 นั้น ใช้เวลากว่า 10 ปีก่อนจะปล่อยคอลเลกชันใหม่ออกมาใน Fall/Winter 2020 ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ห่างกันนานพอสมควร เรามองว่าสิ่งน่าสนใจ คือ ระหว่างสองเลกชันที่ปล่อยห่างกันนานขนาดนี้มีสิ่งใดที่ยังคงเป็นเหมือนเดิมอยู่บ้าง ทางจิล แซนเดอร์มองว่าสิ่งที่เหมือนเดิม คือ เรื่องการออกแบบของเธอที่เน้นเสื้อผ้าแบบ Modern แต่สามารถสวมใส่ไปได้ทุกที่ เป็นความเรียบง่ายแต่ดูดี นอกจากนั้นเธอยังรู้สึกถึงความเป็นมืออาชีพจากการร่วมมือกันกับแบรนด์ยูนิโคล่ที่มีให้มาอย่างสม่ำเสมอ
“ทีมยูนิโคล่มีความเป็นมืออาชีพอย่างมากในหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น ยูนิโคล่ทั้งใส่ใจและช่วยเหลือให้งานลุล่วงไปได้ด้วยวิธีการใหม่ๆ ฉันรู้สึกถึงความสามัคคีที่เหนียวแน่นในวัฒธรรมและจริยธรรมการทำงานของคนญี่ปุ่นที่หลงใหลในคุณภาพ มีความถูกต้องแม่นยำและความพร้อมในการตอบสนองต่อความคิดที่ต้องการ รวมถึงความกระตือรือร้นที่จะสร้างนวัตกรรมและเต็มใจที่ลองสิ่งใหม่ และถ้ามีความจำเป็นที่ต้องสร้างสิ่งใหม่ก็พร้อมที่จะทำ”
ในฝั่งของดีไซเนอร์ หัวใจของการออกแบบนั้นยังคงตั้งอยู่บนพื้นฐานเดิม มุมมองแบบเดิม ขณะที่ส่วนที่เปลี่ยนแปลงคงเป็นเรื่องการเติบโตของ Uniqlo ที่ก้าวหน้าขึ้นมาก จากปี 2009 ที่มีร้านสาขาใน 8 ตลาดทั่วโลกขยายไปเป็นมีสาขากว่า 25 ตลาดทั่วโลกในปี 2020 แบรนด์ต้องโฟกัสในเรื่องคุณภาพและงานบริการให้มากยิ่งขึ้น
“ผมเชื่อว่าความเชื่อใจของลูกค้าที่มีต่อคุณภาพและบริการของยูนิโคล่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น มุมมองที่ยังคงเดิม คือ ความหลงใหลของคุณแซนเดอร์ที่มีต่อการออกแบบเสื้อผ้า ความมุ่งมั่นในคุณภาพและความกระตือรือร้นในเรื่องเวลา ยูนิโคล่ยังมั่นคงในจุดยืนตั้งแต่แรกเริ่มของทุกการกระทำที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และสิ่งนั้นทำให้เราโฟกัสในคุณภาพและงานบริการยิ่งขึ้น ผมเชื่อว่าเหตุผลที่เราสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างยาวนานกับคุณ แซนเดอร์ ขึ้นอยู่กับแนวความคิดปรัชญาพื้นฐานที่เรามีเหมือนกันในหลายแง่มุม” ทาดาชิ ยาไนกล่าวเช่นนั้นเมื่อพูดถึงการทำงานร่วมกับจิล แซนเดอร์
จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายกับคอลเลกชัน +J Fall/Winter 2021
ในปี 2021 นี้ +J ก็ปล่อยคอลเลกชันใหม่ออกมาสองคอลเลกชัน ประกอบด้วย +J Spring/Summer 2021 และคอลเลกชันล่าสุด คือ +J Fall/Winter 2021 โดยคอลเลกชันนี้ยังคงเป็นเสื้อผ้าที่ปราศจากลวดลาย แต่เลือกลงรายละเอียดในเรื่องของดีไซน์และการเลือกใช้เนื้อผ้ารวมถึงการตัดเย็บอยู่ มีการหยิบสีขาวและแดงมาใช้ออกแบบท่ามกลางสีพื้นเรียบ ๆ อย่างสีดำ น้ำเงิน เขียวกากีและคาราเมล หยิบผ้าแคชเมียร์ โพลีเอสเตอร์ซาติน เอ็กตร้าไฟน์เมอริโน หนังพรีเมียมและผ้าไหม Habutai มาสร้างสรรค์ชุดในคอลเลกชัน ซึ่งการที่เลือกใช้เนื้อผ้าหลากหลายนั้นก็ทำให้ภาพรวมของลุคนั้น ๆ ดูแตกต่างและมีลูกเล่นมากขึ้น ไม่จำเจ
หากพูดถึงความชื่นชอบหรือชุดที่ติดอยู่ในใจของจิล แซนเดอร์และทาดาชิ ยาไนเป็นพิเศษ สำหรับ 3 Season ล่าสุด ในของผู้ออกแบบ จิล แซนเดอร์กล่าวว่า “ฉันไม่มีสิ่งที่โปรดปราน แต่ฉันชอบความหลากหลายของเสื้อโค้ทที่เราดีไซน์ในหลายปีที่ผ่านมา ทั้งความหลากหลายของความทันสมัยที่อยู่เหนือกาลเวลา คุณภาพของความเรียบง่ายและราคาที่จับต้องได้ ตามตลาดผู้บริโภคของยูนิโคล่”
ในขณะที่ทาดาชิเลือกเสื้อขนเป็ดจากคอลเลกชัน +J Fall/Winter 2021 เป็นตัวที่เขาโปรดปราน เพราะชื่นชอบรายละเอียดจากเสื้อถักเหล่านี้ ทั้งยังเล่าเสริมอีกด้วยว่าตัวเขาเองก็ซื้อเสื้อผ้า +J เอาไว้ใส่อยู่หลายตัวทีเดียว
การออกแบบเสื้อผ้าที่ตั้งอยู่บนรากฐาน Simple made better
เมื่อคนเราสร้างสรรค์ผลงานใด ๆ ก็ตามแล้วประสบความสำเร็จ สิ่งที่น่าสนใจที่สุดหนึ่งประการ คือ จุดเริ่มต้นของความสำเร็จเหล่านั้นเริ่มมาได้อย่างไร ซึ่งเรากล่าวได้เลยว่าองค์ประกอบหลัก ๆ นั้นมาจากการที่หัวใจของแบรนด์ Uniqlo และการทำงานของจิล แซนเดอร์มีความคล้ายคลึงกันหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นความใส่ใจในรายละเอียด ลงลึกในเรื่องคุณภาพ พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และชอบความหลากหลาย แต่ยังอยู่บนพื้นฐานของชีวิตประจำวันไม่เยอะจนเกินไป
และอีกหนึ่งประการสำคัญที่เราเชื่อว่ามันทำให้คอลเลกชัน +J ประสบความสำเร็จ เพราะเป็นการออกแบบที่ตั้งอยู่บนพื้นฐาน ‘Simple made better’ ปรัชญาของยูนิโคล่ที่จิล แซลเดอร์เป็นผู้ริเริ่มขึ้น “เพราะเสื้อผ้าที่เรียบง่ายและสวยงามจะไม่เกิดขึ้น หากปราศจากความมุ่งมั่นที่สม่ำเสมอในทุกรายละเอียด และความคิดนี้ทำให้เรามั่นใจในการทำงานร่วมกับคุณแซนเดอร์ยิ่งขึ้น” คุณทาดาชิกล่าวเช่นนั้น ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงมั่นใจในความสามารถการออกแบบสไตล์ที่อยู่เหนือกาลเวลาของจิล แซนเดอร์
แม้ว่าการทำงานร่วมกันระหว่างจิล แซนเดอร์และ Uniqlo ในคอลเลกชันหลังนี้ จะเป็นการทำงานผ่านโลกดิจิทัล แต่ก็ไม่ได้สร้างปัญหาใหญ่อะไร พวกเขาทำงานร่วมกันด้วยความเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำออกมาได้สำเร็จ นอกจากนั้นดีไซน์ของเสื้อผ้าเหล่านี้ก็ช่วยเป็นเครื่องตอกย้ำแนวคิดของทาดาชิ ยาไนที่มองว่า โลกปัจจุบันสิ่งที่เป็น Original คือ สิ่งที่หลายคนต้องการอีกด้วย
“โปรเจ็กต์ +J ของฉัน คือ การนำคุณภาพและความพึงพอใจต่อการใช้ชีวิตจากประสบการณ์ในแฟชั่นระดับสูงของฉันไปสู่ผู้ชมที่กว้างขึ้น รวมไปถึงการมอบยูนิฟอร์มโมเดิร์นที่น่าดึงดูด สู่ผู้บริโภคที่สร้างมิตรภาพอย่างกว้างขวางและรอบรู้ เป้าหมาย คือ การเข้าถึงผู้คนในหลายกลุ่ม ช่วยสร้างความมั่นใจผ่านเสื้อผ้า และเตรียมความพร้อมให้พวกเขาพุ่งชนเป้าหมายต่างๆ ได้ สำหรับฉัน มันเป็นเหมือนรางวัลและความประหลาดใจในเวลาเดียวกันที่ได้รู้วิธีที่ยูนิโคล่ตั้งใจผลิตคอลเลคชั่นนี้สู่เวทีโลกได้ในพริบตา” จิล แซนเดอร์กล่าวส่งท้าย
สุดท้ายหลาย ๆ คนอาจสงสัยว่าจิล แซนเดอร์มีโอกาสจะกลับมาร่วมกันสร้างสรรค์คอลเลกชันใหม่ ๆ กับ Uniqlo อีกไหม จากการสัมภาษณ์นั้นไม่ได้มีคำตอบที่ชัดเจนว่าทิศทางในอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ ณ ตอนนี้การต่อเติม Chapter 2 ของ +J ได้ออกมาเสร็จสมบูรณ์แล้ว นี่คงจะเป็นหนึ่ง Collaboration ที่ยอดเยี่ยมหนึ่งชิ้นจาก Uniqlo ที่เราอยากให้หลายคนได้มีโอกาสลองสวมใส่ครับ