สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ COVID-19 เป็นเหตุการณ์ที่น่าเป็นห่วงและเฝ้าระวังทั่วโลกครับ ปัจจุบัน (10 มี.ค. 62) ยอดอยู่ติดเชื้อในไทยยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เราต้อง ดูแลตัวเอง ให้ดี และลดโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อ COVID-19 ให้ได้มากที่สุด ใครที่สงสัยว่า ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์บ่อยได้ไหม ควรจะใส่หรือไม่ใส่หน้ากากอนามัย Mendetails.com มาแชร์ 4 เรื่องที่คุณต้องรู้สำหรับ ดูแลตัวเอง เพื่อรับมือสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 ในช่วงนี้ครับ
ผู้ที่ไม่ป่วยใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการไอหรือจามจากคนอื่นมาสู่เรา
photo : thairath.co.th
เป็นที่ถกเถียงกันมาสักพักว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 คนทั่วไปควรจะใส่หน้ากากอนามัย (mask) ไหม? ฝั่งเอเชียจะใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันเชื้อโรค ส่วนฝั่งยุโรปอเมริกากลับมองว่าการใส่หน้ากากอนามัยเท่ากับประกาศตนว่าเป็นผู้ป่วย ซึ่งมีแพทย์จากหลายประเทศออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่จริงแล้ว หากพูดตามหลักการที่ถูกต้อง การใส่แมสก์ หรือ หน้ากากอนามัย ควรใส่เมื่อป่วยเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ หรือจำเป็นต้องใส่เนื่องจาก เป็นบุคลากรทางการแพทย์ ที่ต้องอยู่ร่วมและดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด
photo : bangkokbiznews.com
แต่สำหรับกรณีคนไทยแล้ว การใส่หน้ากากอนามัยถือเป็น การดูแลตัวเอง และป้องกันเชื้อโรครูปแบบหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น เราเดินทางไปอยู่ในสถานที่ที่แออัด เจอคนหมู่มาก แล้วเจอคนป่วยที่ไม่ได้ใส่แมส หากเขาไอหรือจามขึ้นมาจะกลายเป็นว่าเรามีโอกาสติดเชื้อได้โดยตรงครับ ฉะนั้นการใส่แมสในบ้านเราช่วงสถานการณ์ COVID-19 จึงกลายเป็นการใส่แมสเพื่อป้องกันป้องกันเชื้อโรคครับ
ห้ามใส่หน้ากากอนามัยซ้ำ เพราะหน้ากากอนามัยที่ใส่ออกไปข้างนอกแล้วมีโอกาสโดนละอองเชื้อไวรัส หรือสิ่งสกปรกจากข้างนอกมาแล้ว หากนำกลับมาบ้านจะมีโอกาสที่เชื้ออาจแพร่ฟุ้งกระจายต่อ
พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ กรณีที่ คุณเป็นคนทั่วไป ไม่มีอาการป่วย ควรจะใส่หน้ากากอนามัยเมื่อเข้าไปในสถานที่ที่มีคนแออัดหรืออากาศถ่ายเทไม่ดี และเลือกใช้หน้ากากอนามัยที่เป็นแบบธรรมดาก็เพียงพอครับ ไม่จำเป็นต้องใช้ระดับหน้ากาก N-95 เนื่องจากหน้ากากชนิด N-95 ทอด้วยเส้นใยที่หนาแน่นจนอาจทำให้หายใจลำบาก ยกเว้นกรณีที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องใกล้ชิดผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคทางเดินหายใจ ส่วนแมสผ้าที่กันเชื้อโรคได้ ต้องเป็นแมสผ้าที่มีแผ่นฟิลเตอร์กรอกด้านใน สามารถเปลี่ยนแผ่นกรองใหม่ได้ทุกวันเท่านั้นครับ
ระวังการล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์บ่อยไปในหนึ่งวัน มากไปไม่ดี
photo : indianapublicmedia.org
องค์การอนามัยโลกชี้แจงว่า การล้างมือจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ครับ เป็นหนึ่งในวิธีง่าย ๆ ที่คุณจะ ดูแลตัวเอง ได้ ถ้าเป็นการล้างมือด้วยสบู่และน้ำอุ่น ควรถูมมือและนิ้วมืออย่างน้อย 20 วินาทีเพื่อให้แน่ใจว่าสะอาดพอ หากเป็นการใช้ เจลล้างมือหรือสเปรย์ ต้องเป็นตัวที่มีแอลกอฮอล์เข้มข้นเกิน 70% ขึ้นไป เชื้อไวรัส COVID-19 ถึงจะสิ้นฤทธิ์
photo : thaihealth.or.th
ปัญหา คือ เมื่อเราใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือทั้งวัน วันละนับครั้งไม่ถ้วน จะทำให้มือแห้งแตก ขาดความชุ่มชื้น จนไปถึงการฆ่าจุลนทรีย์ดีที่เป็น normal flora บนผิวไปด้วยครับ ผิวตรงส่วนนั้นที่โดนแอลกอฮอล์มากเกินไปจะเสียสมดุลจนติดเชื้อได้ง่ายแทน พูดง่าย ๆ คือ อย่าล้างมือด้วยเจลบ่อยเกินไป หากใช้เจลล้างมือเยอะ ก็ควรจะทาแฮนด์ครีมหรือโลชั่นเพื่อบำรุงตามไปด้วย
หลีกเลี่ยงการจับสิ่งของในที่สาธารณะ และอย่าเอามือมาจับหน้าตัวเอง
photo : freepik.com
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Westminster ได้วิเคราะห์ว่า การป้องกันการได้ติดเชื้อ COVID-19 ทำได้โดยหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า ฉะนั้น เราไม่ควรสัมผัสดวงตา จมูกและปากในขณะที่ยังไม่ได้ทำความสะอาดมือ และต้องระมัดระวังการใช้มือสัมผัสสิ่งของในที่สาธารณะ อย่างราวบันไดเลื่อน ปุ่มกดลิฟต์ ประตูห้าง ลูกบิดประตูต่าง ๆ
photo : springnews.co.th
วิธีการป้องกันอย่างหนึ่ง คือ เปลี่ยนจากการใช้ฝ่ามือสัมผัสโดยตรง เป็นการใช้ข้อศอกหรือหลังมือในการสัมผัสแทน ถือเป็นการลดโอกาสในการนำอวัยวะส่วนนั้นแตะโดนบริเวณใบหน้า เนื่องจากไวรัสเหล่านี้สามารถอยู่บนวัสดุอย่างพื้น โต๊ะ หรือลูกบิดประตูได้ถึง 7-8 ชั่วโมง ในกรณีที่ ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือบ่อยไปไม่ดี ลองปรับมาเป็นการพ่นสเปรย์แอลกอฮอล์ใส่วัตถุที่จะต้องจับแทน เช่น ลูกบิดประตู จะได้เป็นการลดโอกาสแห้งแตกของมือด้วย เป็นหนึ่งในวิธีการ ดูแลตัวเอง ที่ทำได้ไม่ยาก
เลื่อนการเดินทางไปต่างประเทศ และเลี่ยงสถานที่ซึ่งมีผู้คนแออัด
photo : thairath.co.th
อีกหนึ่งสิ่งที่เราพอจะทำได้ คือ หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยง COVID-19 ในช่วงนี้ก่อน ซึ่งได้แก่ สาธารณะรัฐประชาชนจีน มาเก๊า ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน สิงคโปร์ อิตาลี เยอรมัน ฝรั่งเศส และอิหร่าน ควรยกเลิกหรือเลื่อนไปก่อนจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ หากมีความจำเป็นต้องไปยังกลุ่มประเทศเสี่ยงจริง ๆ เมื่อกลับมาจะต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน (Self-Quarantine) เพื่อเช็คร่างกายว่ามีการแสดงอาการใด ๆ จากการติดเชื้อหรือไม่
photo : thairath.co.th
หรือแม้จะไปยังประเทศอื่นที่ยังไม่ได้ถูกจัดเป็นกลุ่มเสี่ยง ก็ยังมีโอกาสเสี่ยงอยู่ดีเมื่อต้องเดินทางด้วยเครื่องบินครับ การถ่ายเทอากาศบนเครื่องไม่ค่อยดีอยู่แล้ว หากมีคนป่วยบนเครื่องก็มีโอกาสติดสูงเลยทีเดียว หากร่างกายอ่อนแอก็ไม่ควรเดินทางครับ และหลีกเลี่ยงการไปยังสถานที่ที่มีการรวมตัวคนจำนวนมาก เช่น คอนเสิร์ต งานอีเวนท์ต่าง ๆ เลี่ยงได้ก็เลี่ยงไปก่อนครับ เพราะเชื้อไวรัส COVID-19 สามารถลอยอยู่ในอากาศได้ถึง 5 นาที โดยอยู่ในรูปแบบละอองน้ำในอากาศที่เรามองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
การรับมือกับไวรัสหรือโรคระบาดเป็นเรื่องยากครับ เพราะมันแพร่กระจายได้ไวและควบคุมได้ยาก แต่อย่างน้อยเราสามารถ ดูแลตัวเอง อย่างถูกต้องได้ หลีกเลี่ยงการเดินทางหรือพบปะผู้คนในชุมชนจำนวนมากก็จะลดโอกาสในการติดเชื้อ COVID-19 ได้ในระดับหนึ่ง และหวังว่าไทยจะไม่ก้าวเข้าสู่เฟสที่ 3 ซึ่งเชื้อแพร่กระจายไปในวงกว้างครับ