เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย ถือเป็นสัจธรรมที่มนุษย์ทุกผู้คนต้องพบเจอ ไม่มีใครสามารถที่จะหนี ความตาย ไปได้พ้น แม้อาจจะมีวิทยาศาสตร์มาช่วยชะลอความแก่ หรือเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยยืดอายุให้ ตาย ช้าลง แต่ผลสุดท้ายก็เป็นเพียงแค่การขยายเวลาความทรมานของสังขารให้ยาวนานขึ้นเท่านั้น ในที่สุดทุกคนก็ต้องจากไปอยู่ดี ดังนั้นการ นึกถึงความตาย จึงเป็นแสงแวบแห่งความนึกคิดที่มักจะมากระทบจิตใจเราเป็นระยะๆ ในขณะที่กำลังมีชีวิตอยู่ บางคนมองว่าการระลึกถึงความตาย เป็นเรื่องน่าหดหู่ และน่าสลดใจ แต่ทว่า MenDetails กลับไม่ได้คิดเช่นนั้น หนำซ้ำเรายังสนับสนุนให้คิดในมุมกลับกันว่า ความตาย คือสิ่งที่สามารถกระตุ้นให้ผู้ชายพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมได้อีกต่างหาก วันนี้ MenDetails จึงขอกระตุกต่อมความคิด ให้ผู้ชายที่ได้อ่านบทความนี้ได้เห็นประโยชน์ในอีกแง่มุมหนึ่งของ ความตาย เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของเราทุกคน
นึกถึงความตาย เพื่อตระหนักว่า “ชีวิตนี้ช่างสั้นและเล็กน้อยยิ่งนัก”
สมัยเราเด็กๆ เรามักคิดว่า “1 ปีทำไมมันถึงนานจัง?” ต่อเมื่อเราโตขึ้นและเริ่มเข้าสู่วัยทำงาน เราจึงได้ตระหนักว่า แท้ที่จริงแล้วเวลาของชีวิตมนุษย์นั้นสั้นนัก วิวัฒนาการของจักรวาลอาจมีมาหลายล้านล้านปี เพียงแค่โลกใบนี้ก็มีอายุ 4 พันกว่าล้านปีเข้าไปแล้ว ดังนั้นชีวิตมนุษย์คนหนึ่งช่างสั้นกุด และเล็กกระจ้อยร่อยยิ่งนัก อย่าได้ทำตัวหยิ่งทะนงว่าตัวเรานั้นเก่ง เป็นอันดับหนึ่งของโลก ใครก็อย่าได้มาแหยมมายุ่ง เพราะสุดท้ายเราเองก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปกว่าคนอื่นเลย ทุกคนต่างเกิดมา “เล็ก” นิดเดียว เมื่อตายไปก็เป็นเพียงแค่ขี้ฝุ่นขี้ผงของโลกใบนี้เท่านั้น ดังนั้นจง คิดถึงความตาย เสมอเพื่อดำรงชีวิตอย่างมีสติและมีเมตตา ให้เกียรติโลกใบนี้ รวมทั้งให้เกียรติและให้อภัยผู้อื่นอย่างที่สุภาพบุรุษผู้ไม่มีความถือดีถือตัวพึงกระทำ
นึกถึงความตาย เพื่อตระหนักว่า “ปัจจุบันสำคัญที่สุด”
ไม่มีใครสามารถย้อนเวลาได้ แม้ในทางทฤษฎีวิทยาศาสตร์จะมีการถกเถียงกันว่าสามารถทำได้ แต่จนแล้วจนรอดเราแทบมองไม่เห็นหนทางที่จะ “ย้อนเวลา” ได้จริงในทางปฏิบัติ เพื่อกลับไปแก้ไขอดีตที่ผ่านไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่เราจะนึกถึงแต่อดีตอย่าง “จมปลัก” และมัวแต่เศร้าเสียใจกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นไปแล้ว ผู้ชายที่ดีจะเตือนตัวเองเสมอว่า อดีตได้ผ่านไปแล้ว และอนาคตก็เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน อีกทั้ง ความตาย ก็กำลังค่อยๆ คืบคลานเข้ามาทุกวินาที ดังนั้นสิ่งที่สำคัญกว่าการจมปลักกับอดีต และวิตกกังวลกับอนาคต คือการมองว่าเรากำลังจะทำอะไรกับชีวิตของเราในปัจจุบัน ลองถามตัวเองดูอีกครั้งว่าเราตั้งใจทำสิ่งที่สร้างสรรค์ให้กับตนเองและสังคมมากน้อยแค่ไหนแล้ว?
ความตายทำให้เราค้นหาว่า “เป้าหมายในชีวิตของเราคืออะไร?”
แม้อนาคตจะเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราควรใช้ชีวิตแบบ “เอาตัวรอดไปวันๆ” กลับกัน การมีเป้าหมายให้กับชีวิตของตัวเอง คือการสร้าง “ความหมาย” ให้กับชีวิตอันสั้นกุดของเรา การ คิดถึงความตาย อยู่เป็นประจำจึงเป็นการกระตุ้นให้เราค้นหาว่า “เป้าหมายชีวิตของเราคืออะไร?” ซึ่งผู้ชายทุกคนสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการลองถามตัวเองตอนนี้เลยว่า “หากวันนี้เราตายไป เราจะรู้สึกเสียดายหรือเสียใจที่ยังไม่ได้ทำอะไรหรือไม่?” ถ้าคำตอบคือไม่เสียดายหรือเสียใจอีกแล้ว เราก็ขอแสดงความยินดีด้วย แต่ถ้าคำตอบคือ “เสียดายมากๆ” ลองถามตัวเองต่ออีกสักนิดว่า สิ่งที่เสียดายเพราะยังไม่ได้ทำนั้น คืออะไร? นั่นแหละคือเป้าหมายในชีวิตของเรา หยิบมันขึ้นมาเป็นแรงบันดาลใจ แล้วดำรงชีวิตเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้นให้ได้ ก่อนที่ความตายจะมาถึงตัวเราในที่สุด
และทั้งหมดนี้คือ 3 ข้อสำคัญที่การ รำลึกถึงความตาย จะมีส่วนช่วยเป็นแรงกระตุ้นให้ผู้ชายพัฒนาตัวเอง และดำรงชีวิตอย่างมีสติบนเป้าหมายของชีวิตที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น “วันนี้ คุณคิดถึงความตายกันบ้างหรือยังครับ?”