วันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งวันครับที่เราต้องผ่าฟันอะไรหลายๆ อย่างในชีวิตเพื่อที่จะให้รอดพ้นมาถึงตอนเย็น มันจึงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะหาอะไรเด็ดๆ กระแทกปากกันสักหน่อย ว่าแล้วเราเลยเริ่มโทรหาเพื่อนแสนสนิทของเรา เจ้าพ่อสายเนื้อกันดูครับ “เฮ้ยเพื่อน วันนี้มีร้านไหนเด็ดอยากแนะนำมั้ย” เสียงปลายสายเงียบไปได้สักพักใหญ่ จึงตอบกลับมาว่า “เคยไปร้านแถวศาลาแดงซอย 1 แล้วหรือยัง?” เอาหล่ะ ในหัวเริ่มต้นนึกถึงร้านต่างๆ ระหว่างทาง มีตั้งแต่ร้านอาหารไทย ไล่ไปจนถึงอาหารญี่ปุ่น “ร้านไหนวะ” เรากล่าวอย่างสนอกสนใจ “The Meatchop Butcher & Spirits รับรอง ไม่อร่อยให้เหยียบ”
ร้านดีๆ กับบรรยากาศ Cosy ที่ไม่ธรรมดา
ร้านตั้งอยู่ในซอยศาลาแดงซอย 1 ครับและอยู่ตรงข้ามกับตึก U Chu Ling ใกล้ทางออกถนนฝั่งพระราม 4 หาได้ไม่อยากเลยเพราะหน้าร้านด้านซ้ายที่จัดเป็น Window Display นั้นมีเนื้อตั้งโชว์อยู่อย่างเยอะ (เดินเลยไปคงเสียดายแย่) ซึ่งบรรยากาศภายในร้านนั้นเหมือนอยู่ร้านอาหารแนวๆ ใน New York เลยก็ว่าได้ ตั้งแต่โคมไฟ โซฟาดำ Counter Top ลายหินอ่อน เรียกได้ว่าบรรยากาศไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
นอกจากบรรยากาศที่ไม่ธรรมดาแล้ว ที่นี่ยังมีเมนูอาหารที่หลากหลาย ปั้นมาเพื่อคนชอบทานโดยเฉพาะ ตั้งแต่ไก่ย่าง / เนื้อหลากหลายชิ้นส่วน แถมยังมีเมนู Mediterranean-Inspired ให้เลือกเผื่อใครอยากลองอะไรใหม่ๆ อีกด้วย และได้ข่าวมาว่า ทางร้านมักมีเนื้อแบบ Special มาให้ลองกันในบางโอกาส ซึ่งจะประกาศลงเพจ Facebook เสียเป็นส่วนใหญ่ ลองเข้าไปกดดูได้ที่ Facebook : The Meatchop ได้เลย
Striploin 300g ในราคา 900.-
-ขนาดใหญ่เท่านี้ ในราคา 900.- MDs’ RECOMMENDED เลยครับ-
ใช่ครับ คุณอ่านไม่ผิด มันคือเนื้อ Striploin หนักถึง 300g จากฟาร์ม Diamantina ประเทศ Australia เอาเป็นว่า มันคือเนื้อออสซี่ที่ใหญ่ หนา และราคาไม่แพงเลยครับ ด้วยขนาดและปริมาณที่คุณเห็น ถ้าไปทานที่อื่นอาจต้องกำเงินไปราวๆ 2,000.- เลยก็มี สำหรับชิ้นนี้ 900.- ถือว่าสบายกระเป๋ามากทีเดียว แถมเป็นเนื้อ Wagyu อายุ 150 วัน เสิร์ฟมาคู่กับมันฝรั่งทอดและหน่อไม้ฝรั่ง
-นุ่มและชุ่มช่ำมากจริงๆ แนะนำให้ลองครับ-
จานนี้ทางร้านทำออกมาได้ดีเยี่ยมมากจริงๆ ชิ้นเนื้อนุ่มได้ที่กำลังดี และถึงแม้ว่าสีจะออกแดงระดับหนึ่งแต่ไม่เหม็นคาวเลย อีกทั้งเลือดในชิ้นเนื้อก็ไม่ไหลท่วมออกมา กลับหอมหวาน และที่สำคัญคือ “เค็มกำลังดี” ถ้าคุณได้ลองเนื้อคุณภาพที่ปรุงสุกอย่างถูกวิธี แค่เกลือกับพริกไทยก็เพียงพอละครับ (เห็นจานนี้แล้วอยากไปเลยใช่มั้ยหล่ะ)
Grilled Octopus (Trampo)
-ทานเล่นได้ครับ แนะนำให้สั่งมา 2-3 จาน แชร์กันอร่อยๆ-
อย่างที่เรียนไว้ข้างต้นครับว่า ร้านนี้มีเมนูอื่นอีกนอกเหนือจากเนื้อ ซึ่งเหมาะกับกลุ่มเพื่อนที่บางท่านไม่ทานเนื้อวัว จานนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในเมนู Small Plates สไตล์ Tapas มีชื่อว่า Grilled Octopus (Trampo) (230.-) ทางร้านเลือกใช้ปลาหมึกยักษ์จากประเทศสเปนที่มีความนุ่มละมุนกว่า โดยนำมาย่างพอสุก เสิร์ฟบน Mash Avocado และพริกดอง ฟังดูแล้วเหมือนจะไม่เข้ากันใช่มั้ย แต่บอกเลยว่า “เด็ด” แนะนำทานปลาหมึกยักษ์คู่กับ Avocado และพริกดองเลยใน 1 คำครับ รับประกันว่าคุณจะได้ Texture และรสชาติที่ละมุนลิ้นจริงๆ แนะนำให้ลองสั่งมาทานกันดู แต่ถ้าใครไม่ชอบเคี้ยวอะไรหนึบๆ ก็พาได้ ติอย่างเดียวคือ จานเล็กไปหน่อย ทานกำลังอร่อยเลย ดูอีกทีหมดซะละ “น้องๆ ขออีกจาน”
ENZO’s Roasted Beef Burger
ถือเป็นเมนูที่เราแอบตกใจเล็กน้อยครับ เนื่องจากมันอร่อยเกินคาด เพราะถ้าคุณไปร้านอาหารที่ขึ้น Main Dish เป็น Steak ตัวเมนู Burger ก็อาจจะถูกลดคุณค่าลง อาจะเลือกเอาส่วนเหลือๆ ของชิ้นเนื้อที่ Trim ออกมาบดอัดแล้วทำเป็น Patty แต่ที่นี่ไม่ใช่แบบนั้นครับ The Meatchop เลือกใช้เนื้อเป็นชิ้นๆ มาทำเป็น Burger แทน พูดง่ายๆ ก็คือ “เอาชิ้น Steak นี่แหละมาหันบางๆ แล้ววางบนขนมปัง” ในชื่อเมนูว่า ENZO’s Roasted Beef Burger (350.-) MDs RECOMMENDED
-เห็นเนื้อ Striploin เป็นชิ้นๆ นั่นมั้ย-
เนื้อที่นำมาย่างนั้นทางร้านเลือกใช้ส่วน Striploin อายุราว 270 วัน พร้อมหอม / พริกหวานย่าง และชีสเยิ้มๆ พร้อมคู่กับมันฝรั่งทอดที่มาเป็นลูกเลย รสชาติที่เข้าปากไปคือดีมากครับ หวาน / หอม และได้ Texture ชิ้นเนื้อเต็มๆ แป้งขนมปังก็เป็นแบบเฉพาะ ซึ่งกรอบนอกนุ่มใน โดยรวมถือว่าอร่อยมากทีเดียวครับ เรียกว่าสามารถเปิดเป็นแค่ร้านขาย Burger อย่างเดียวก็ได้ แต่รสชาติจะออกหวานนำมาเลยนะครับ ถ้าใครชอบแนวกลมกล่อมอาจไม่โดนเท่าไร แต่ก็อยากจะแนะนำให้สั่งมาลองดูอยู่ดี เพราะมันอร่อยจริงๆ
ปิดท้ายด้วย Cocktail คุณภาพที่แตกต่างอย่างน่าสนใจ
ปกติพอไปทานร้าน Steak ก็จะต้องมีเครื่องดื่มไว้ทานคู่กัน ส่วนใหญ่คนไทยก็มักจะเลือกทานกับเบียร์เย็นๆ สักขวด แต่ที่นี่นอกจากเบียร์แล้ว ยังมีไวน์ และ Cocktail ให้เลือกอีกด้วย ซึ่งที่แตะตาเรามากที่สุดคือ Cocktail นี่แหละ เพราะทางร้าน The Meatchop นั้นเลือกที่จะหยิบเอาวัตถุดิบ หรือเครื่องปรุงบางอย่างที่ใช้กับอาหารมาผสมลงไปในตัว Cocktail ด้วย (ฟังแค่นี้ก็อยากลองแล้วใช่มั้ยครับ) เราเลยจัด Miss Honey Dijon (300.-) มาลองดูกันเลย
ตัว Cocktail จะมีส่วนผสมของ Mustard Seed (แน่หล่ะ เพราะมีชื่อ Dijon อยู่นั่นเอง) ผสมรวมกับ Calvados ที่ให้กลิ่น Apple ที่บ่มอย่างดีในถังไม้ Oak พร้อมกลิ่นจากน้ำ Passion Fruit / น้ำผึ้ง และน้ำมะนาว รสชาติดีทีเดียวครับ ได้กลิ่นผลไม้เบาๆ ตัดกับ Mustard Seed นี่ยิ่งไม่ธรรมดา เข้ากับรสชาติเนื้อได้เป็นอย่างดี (นึกแล้วก็น้ำลายไหลแหะ)
ถือเป็นร้านที่คุณควรไปลองอย่างยิ่งครับกับ “The Meatchop Butcher & Spirits” นอกจากคุณจะได้ทานเนื้อคุณภาพดี / ปรุงด้วยความพิถีพิถันแล้วนั้น ยังมาในราคาที่สบายกระเป๋ามากทีเดียวครับ ดังนั้น ถ้าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่กำลังอ่อนล้ากับงาน หรืออยากจะตบรางวัลให้ตัวเองสักครั้งหนึ่งในรอบอาทิตย์ MDs ขอแนะนำเลยครับ “The Meatchop Butcher & Spirits รับรอง ไม่อร่อยให้เหยียบ”