ตั้งแต่เด็กเรามักได้ยินคำสอนถึงการเป็นผู้ชายจากครอบครัวหรือโรงเรียนว่าให้เป็นคนเข้มแข็ง เป็นผู้นำ ไม่แสดงความอ่อนแอออกมา ได้รับการปลูกฝังภาพลักษณ์ของความเป็นผู้ชายที่ควรเป็นในสายตาสังคม แต่เมื่อโลกเปลี่ยน ความคิดคนเปลี่ยน สังคมเปิดกว้างมากขึ้น ภาพของผู้ชายในอดีตเริ่มปรับเปลี่ยนตามบริบทสังคมทำให้ภาพของ ผู้ชายยุคใหม่ มีความแตกต่างจากภาพของผู้ชายในอดีตเมื่อหลายปีก่อน
ในโลกที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไป ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับผู้ชายยุคใหม่ ที่ทั้งตัวผู้ชายเอง และคนรอบข้างยังไม่รู้ โดยทางทีมงาน MenDetails เห็นว่ามีหลายเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายที่เราสามารถทำความเข้าใจใหม่ได้เพื่อให้สอดรับกับโลกและความคิดของคนที่พัฒนาขึ้นไปทุกวัน เพื่อพัฒนาตัวเองให้เป็นผู้ชายในยุคใหม่ ที่มีทั้งความคิด มุมมองต่อโลก และเสน่ห์ เหมาะกับปัจจุบันครับ
มุมอ่อนแอเป็นพาร์ทหนึ่งของคนเรา ผู้ชายก็ร้องไห้ออกมาได้
ผู้ชายหลายคนคงเคยได้ยินประโยคทำนองว่า “เป็นผู้ชายห้ามร้องไห้ ห้ามอ่อนแอ” มาไม่มากก็น้อย และบางคนก็เติบโตขึ้นมาโดยไม่แสดงความอ่อนแอ หรือไม่ร้องไห้เลยจริง ๆ เพราะรู้สึกว่าตนต้องแสดงด้านที่เข้มแข็งให้สมกับเป็นผู้ชายตลอดเวลา
แต่ผู้ชายก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง มีเรื่องที่เสียใจ มีเรื่องที่เจ็บปวด มีเรื่องที่เศร้าใจ และต้องการระบายการปลดปล่อยออกมาครับ ซึ่งการร้องไห้ถือเป็นกลไกการระบายความเสียใจอย่างหนึ่งของมนุษย์ การที่ผู้ชายจะเสียน้ำตาบ้าง ทำตัวอ่อนแอบ้าง ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสักนิดเดียว เพราะการร้องไห้ ไม่ควรถูกตีความหมายว่าไม่เข้มแข็งครับ
ในทางกลับกัน คนที่เก็บทุกอย่างไว้แล้วไม่เคยระบายมันออกมา ไม่ว่าจะเป็นการระบายกับเพื่อน หรือร้องไห้ก็ตาม จะส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตมากกว่า และบางทีเราคิดว่า การที่ผู้ชายมีมุมที่อ่อนแอบ้าง กลับทำให้เราเป็นผู้ชายที่ดูมีมิติมากขึ้นด้วยซ้ำครับ เพราะคนเราคงไม่สามารถที่จะเข้มแข็งได้ทุกเรื่อง ถึงเราจะบอกว่าแสดงความอ่อนแอได้ แต่ไม่ใช่ว่าอ่อนไหวกับทุกสิ่งทุกอย่างนะครับ สุดท้ายแล้วเราก็ต้องเผชิญหน้ากับทุกอย่างในชีวิต แก้ไขมัน ก้าวผ่านมันเพื่อเติบโตต่อไป กลายเป็นคนที่เก่งขึ้น เข้มแข็งขึ้นครับ
ผู้ชายเนิร์ดมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง
คำว่า เนิร์ด น่าจะเป็นคำที่หลายคนมีอคติโดยไม่รู้ตัว เพราะคนส่วนหนึ่งมีความคิดว่า คนเนิร์ด ไม่น่าสนใจ ไม่มีเสน่ห์ ไม่ว่าจะผู้หญิงผู้ชาย โดยเฉพาะ ผู้ชายเนิร์ด นั้น หลายคนคิดว่าเป็นคนที่เคร่งเรียน ไม่เที่ยว ไม่ดื่ม เข้าสังคมไม่เก่ง มีความชอบที่เฉพาะทางจนคุยกับใครไม่รู้เรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องความรู้ งานอดิเรกที่ชอบ ไปจนถึงเรื่องการดูการ์ตูน เล่นเกม ขัดกับ ภาพจำของความเป็นชาย ของผู้ชายหลายคน
แต่การเป็นผู้ชายเนิร์ดไม่ใช่เรื่องแย่ครับ การที่เรามีความชอบ หรืออินในอะไรสักอย่าง ต่อให้เป็นข้อมูลเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย แม้กระทั่งเรื่องการ์ตูนหรือเกม มันเป็นเรื่องที่ดีที่เรามีความสนใจ และสามารถกลายเป็นเสน่ห์สำหรับเราได้
สิ่งสำคัญในบทสนทนา คือ การรู้จักพิจารณาคู่สนทนาต่างหากครับ ว่าเขาหรือเธอสนใจใครเรื่องที่เรา ‘อิน’ หรือเปล่า ระดับความรู้ความชอบใครเคียงกันไหม หากมีแต่หนึ่งฝ่ายพูดอยู่คนเดียวโดยอีกคนไม่สนใจในประเด็นนั้น มันก็จะกลายเป็นบทสนทนาที่น่าเบื่อและไม่น่าจดจำไปได้ครับ
หากแสดงความเนิร์ดออกมามากเกินไปกับคนที่เขามีความชอบไม่เหมือนเรา อาจจะทำให้เราดูเป็นคนที่เข้าถึงยากหรือไม่มีเสน่ห์ไปจริง ๆ ก็ได้ครับ แต่ถ้าเจอคนที่มีความชอบเหมือนกันแล้ว รับรองว่าคุยกันถูกคอแน่นอนครับ ที่สำคัญ อย่าปล่อยให้คำว่าเนิร์ดมาส่งผลต่อการดูแลตัวเองครับ ถึงเราจะเป็นผู้ชายเนิร์ด ไม่ว่าจะมากน้อย เรายังสามารถดูแลตัวเองให้ดูดีได้เสมอ
ใครว่า ผู้ชายยุคใหม่ ไม่เข้ากับสีชมพู
เป็นเรื่องน่าแปลกที่เพศของคนไปมีความเกี่ยวพันกับสี และผู้ชายกับสีชมพูถูกมองว่าไม่เข้ากัน เพราะในสังคมเราสีชมพูเป็นสีที่ถูกผูกไว้กับเพศหญิง ผู้ชายคนไหนที่ชอบสีชมพูมักถูกมองว่า ไม่สมชาย แต่ใครเป็นคนกำหนดล่ะครับว่าผู้ชายไม่เข้ากับสีชมพู
มีหลักฐานว่าในช่วงศตวรรษที่ 18 ว่าผู้ชายมีการแต่งตัวด้วยสีชมพู จนกระทั่งในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ที่สีเริ่มมีความเกี่ยวข้องกับเพศ และในช่วงการเปลี่ยนผ่านของศตวรรษ หนังสือเกี่ยวกับการเลี้ยงเด็กเริ่มมีการแบ่งแยกเพศด้วยสี นั่นทำให้ผู้ผลิตสินค้าต่าง ๆ มองเห็นช่องทางในการขายสินค้าสำหรับทั้งชายหญิงที่หมายถึงการทำเงินมากขึ้น ความคิดที่ว่าสีน้ำเงิน / ฟ้า แทนผู้ชาย และสีชมพูแทนผู้หญิงจึงเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น
แต่ปัจจุบัน กระแสความเท่าเทียมทางเพศเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสำคัญ และยังมีนักแสดง นักร้องชายที่มีชื่อเสียงหลายคน หยิบชุดสีชมพูมาใส่ให้คนชินตา จึงทำให้สีชมพูไม่ได้เป็นสีมีความเกี่ยวข้องกับเพศใดเพศหนึ่งอีกต่อไป ผู้ชายยุคใหม่ สามารถหยิบเสื้อผ้าสีชมพูมาใส่ได้อย่างไม่ต้องกังวลกับใคร อย่าให้ความคิดของสังคมมาเป็นตัวกำหนดว่าสีไหนที่เราควรหรือไม่ควรใส่ ถ้าเราชอบ แล้วมันใช่ ก็เพียงแค่แต่งกายให้ดูดี เลือกสไตล์ที่เข้ากับเราก็เพียงพอ แถมสีชมพูอาจทำให้เราดูเป็นผู้ชายที่ดูละมุนมากขึ้นในสายของผู้หญิงก็เป็นได้ครับ
ทำงานบ้าน และทำอาหาร ทักษะชีวิตที่ผู้ชายยุคใหม่ควรมี
ปัจจุบันการทำงานบ้าน หรือการทำอาหารเป็น ไม่ใช่เรื่องของเพศอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องของทักษะชีวิตที่ควรมีติดตัวไว้ครับ การกวาดบ้าน ล้างจาน ซักผ้า รีดผ้า ควรเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ว่าชายหรือหญิงควรเรียนรู้เอาไว้ รวมไปถึงการทำอาหาร ในยุคที่ค่าครองชีพสูงแบบนี้ การซื้ออาหารหรือออกไปกินข้าวทุกมื้อ คงไม่เป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์นัก การรู้วิธีทำอาหารเบื้องต้นไว้บ้าง สามารถช่วยประหยัดค่าช่วยจ่ายได้ส่วนหนึ่งครับ
ความคิดว่าที่ว่า ผู้ชายทำงานนอกบ้าน ผู้หญิงทำงานบ้าน เป็นความคิดที่เก่าและล้าสมัยไปแล้ว ในยุคที่เชื่อในความเท่าเทียมของคน และหลายคนอยู่อาศัยคนเดียวมากขึ้น ไม่ว่าจะอยู่บ้าน คอนโด อพาร์ตเมนต์ เราก็ต้องรักษาความสะอาด หรือทำอาหารเป็นบ้าง เพื่อดูแลความเป็นระเบียบรวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันของตัวเองให้ไปรอดนี่แหละครับ
ในอีกแง่หนึ่ง การที่ผู้ชายมีความเป็นพ่อบ้าน ทำอาหารเป็น จึงกลายเป็นเสน่ห์ของผู้ชายยุคใหม่ และเป็นคุณสมบัติที่หญิงสาวหลายคนต้องการจากผู้ชายที่จะมาเป็นคนรู้ใจ คนที่สามารถช่วยแบ่งเบาภาระงานบ้านงานเรือนกันได้ ยุคนี้รู้จักร้านอาหารอร่อยอย่างเดียวไม่พอ ถ้าทำอาหารเป็นด้วยจะยิ่งดีครับ
ผู้ชายยุคใหม่ควรใส่ใจกับการแต่งตัว
ผู้ชายหลายคนมีความคิดที่ว่า เป็นผู้ชายไม่ต้องแต่งตัวเยอะ ทำให้ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องเสื้อผ้าของตัวเองนัก ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ผู้ชายที่แต่งตัวเยอะ แต่งตัวเนี๊ยบ ตามแฟชั่น หรือที่หลายคนอาจจะเรียกว่า เจ้าสำอาง ความใส่ใจในการดูแลตัวเองนี้ ทำให้ถูกมองว่าไม่สมกับความเป็นชาย
แต่ปัจจุบันภาพลักษณ์ การแต่งกายที่ดูดี เป็นปัจจัยหนึ่งที่สามารถสร้างความประทับใจแรกได้ครับ ผู้ชายจึงเริ่มหันมาใส่ใจกับการดูแลตัวเองมากขึ้น ทั้งการใช้ Skincare การเลือกใช้น้ำหอม ใช้เครื่องประดับ เลือกเสื้อผ้า เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี
การที่ผู้ชายใส่ใจการภาพลักษณ์หรือการแต่งกายของตัวเองจึงไม่ใช่เรื่องแปลก กลับกัน คนที่ไม่ใส่ใจกับการดูแลตัวเองหรือเรื่องการแต่งกายเลย กลายเป็นผู้ชายที่ไม่มีเสน่ห์ไปแทนครับ แต่เราไม่ได้บอกให้ผู้ชายทุกคนแต่งตัวเว่อร์วังอลังการ หรือต้องตามแฟชั่นตลอดเวลานะครับ แค่ค้นหาสไตล์ของตัวเอง แต่งตัวให้ถูกกาลเทศะ เคารพสถานที่ เคารพคนที่เราจะไปเจอ และดูแลตัวเองอยู่เสมอ เท่านี้ก็เพียงพอครับ ส่วนใครที่ติดตามแฟชั่นจะแต่งตัวตามกระแสแฟชั่นใหม่ ๆ ตลอดเวลา แบบที่เราเรียกว่า Fashionista ก็สุดแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนครับ
และนี่คือ 5 เรื่องเกี่ยวกับผู้ชายยุคใหม่ ที่เราอยากให้ทุกคนเข้าใจ เปิดใจให้กว้าง เพื่อเป็นผู้ชายที่เข้ากับยุคสมัยใหม่ครับ หากใครยังคงมีความเข้าใจผิดในเรื่องใด เราก็สามารถปรับปรุง พัฒนาตัวเองต่อได้ครับ เพราะเราเชื่อว่าผู้ชายทุกคนสามารถพัฒนาตัวเองเป็นผู้ชายยุคใหม่ที่ดีได้ครับ