Cr. https://global.nissannews.com
เชื่อว่าผู้ชายหลายคนน่าจะรู้สึกตื่นเต้นและยิ้มทุกครั้งที่ได้เห็นไฟท้ายโดนัทและเสียงท่อคำรามจากเครื่องยนต์ 6 สูบของ Nissan Skyline GT-R นี่คือปฏิกิริยาที่คนทั่วไปอาจไม่เข้าใจ แต่ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลและคลั่งไคล้ในยนตรกรรมรุ่นนี้ยังไงก็ต้องรู้สึกแบบเดียวกัน เพราะนี่คือสุดยอดรถยนต์ที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ของความแรงและประสิทธิภาพการขับขี่ระดับสูง ซึ่งถูกพิสูจน์และได้รับการยกย่องมาตั้งแต่ปลายยุค 60s ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นผ่านทายาท 6 เจเนอเรชัน กลายเป็นเสน่ห์และคุณค่าที่ซูเปอร์ราคาหลายสิบล้านก็ยังให้ไม่ได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมีรถรุ่นไหนได้รับความนิยมยาวนานขนาดนี้ MenDetails จึงอยากแนะนำให้รู้จัก ประวัติ Nissan Skyline GT-R รถ Iconic car ในฝันของผู้ชายกว่าค่อนโลกคันนี้กันครับ
จุดเริ่มต้นของตำนาน GT-R
Cr. https://global.nissannews.com
GT-R รุ่นแรกเกิดขึ้นในปี 1969 ภายใต้ชื่อ Nissan Skyline 2000GT-R รหัส C10 เจ้าของฉายา Hakosuka ที่เป็นการรวมคำศัพท์ญี่ปุ่น 2 คำเข้าด้วยกันคือ Hako หมายถึงกล่อง และ Suka หมายถึงเส้นขอบฟ้า มีตัวถัง 2 แบบคือซีดาน 4 ประตูรหัส PGC10 กับคูเป้ 2 ประตู KPGC10 แรกเริ่มมันถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นรถแข่งโดยมากับเครื่อง 6 สูบเรียงรหัส S20 ขนาด 2 ลิตร กำลัง 162 PS จับคู่เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ขับเคลื่อนล้อหลัง ความยอดเยี่ยมของ C10 การันตีได้จากการคว้าถ้วยรางวัลมาครองได้กว่า 50 รายการในระยะเวลา 2 ปี ต่อมาเริ่มได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นญี่ปุ่นที่จับมาตกแต่งและแข่งกันบนถนนตอนกลางคืนจนเกิดเป็นวัฒนธรรม Midnight Racing ที่มีมาจนถึงทุกวันนี้
Skyline 2000GT-R C10 ทั้ง 2 ตัวถังผลิตออกมาทั้งหมด 1,945 คันและขายเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น ขึ้นแท่นเป็นรถ JDM ระดับตำนานที่หายากสุด ๆ และมีมูลค่าสูงมากในปัจจุบัน
เพิ่มความสปอร์ต พร้อมเอกลักษณ์ไฟท้ายโดนัทคู่
Cr. https://global.nissannews.com
GT-R รุ่นที่ 2 เปิดตัวในปี 1972 กับรหัส KPGC110 เจ้าของฉายา Kenmeri รุ่นนี้มากับตัวถังทรงคูเป้ 2 ประตูที่ได้กลิ่นอายรถอเมริกันในยุคนั้นพร้อมกับเอกลักษณ์เด่นอย่างไฟท้ายโดนัทคู่ที่เป็นต้นแบบให้ GT-R มาถึงปัจจุบัน เครื่องยนต์ เกียร์ ระบบขับเคลื่อน ใช้ชุดเดิมกับรุ่นแรกแต่มีการปรับปรุงเล็กน้อยให้ขับสนุกขึ้น อย่างไรก็ตาม KPGC110 ต้องเจอกับวิกฤตการณ์น้ำมันที่เกิดขึ้นในช่วงต้นยุค 70 ทำให้ความต้องการรถสปอร์ตในญี่ปุ่นลดลง มันจึงมีอายุสั้นเพียง 1 ปีครึ่งและผลิตออกมาทั้งหมดเพียง 197 คันเท่านั้น กลายเป็นอีกหนึ่งตำนานความแรงระดับ Ultra rare ที่เจอตัวได้ยากสุด ๆ ในปัจจุบัน
The Original Godzilla: Nissan Skyline GT-R R32
Cr. https://global.nissannews.com
GT-R รุ่นที่ 3 เว้นช่วงจากรุ่นก่อนถึง 16 ปี รุ่นนี้มากับรหัสตัวถัง R32 พร้อมกับหน้าตาที่ทันสมัยแบบคูเป้ 2 ประตูและขนาดตัวรถที่ใหญ่โตกว่าสองรุ่นแรก R32 ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ลงแข่งรายการ JTCC ระดับ Group A และก็กวาดแชมป์มาครองได้มากมายตลอดระยะเวลาตั้งแต่ปี 1989 – 1993 ส่วนหนึ่งของความสำเร็จเหล่านี้คือการออกแบบที่ยอดเยี่ยม รวมถึงเครื่องยนต์ RB26DETT และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ATTESA ที่ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม ทำให้ R32 ได้รับการยกย่องจากสื่อญี่ปุ่นและคนรักความเร็วให้เป็นรถที่สมบูรณ์ที่สุดรุ่นหนึ่งในยุคนั้น
จากความสำเร็จจำนวนมากทำให้ Nissan ผลิต R32 เวอร์ชันพิเศษตามออกมาหลายรุ่น อาทิ V-Spec และ V-Spec II ที่มากับของแต่งโหด ๆ จากโรงงาน อาทิ ล้อ BBS 17 นิ้ว, เบรก Brembo รวมถึงการปรับปรุงด้านวิศวกรรมให้ขับสนุกขึ้น หนึ่งในเวอร์ชันที่ขาซิ่งตามหากันคือ R32 Nismo ที่มากับการปรับแต่งด้านแอโรไดนามิก รวมถึงการรีดน้ำหนักตัวรถให้เบาที่สุดและปรับแต่งเครื่องยนต์ให้มีกำลังมากขึ้น
ที่มาของสมญานาม Godzilla
Cr. https://global.nissannews.com
จากการคว้าแชมป์ในประเทศได้เป็นจำนวนมากของ GT-R R32 ทำให้ Nissan เริ่มมองหาความท้าทายใหม่ ๆ ในการแข่งขันระดับสากลด้วยการบุกเข้าสู่ตลาดออสเตรเลียพร้อมกับส่ง R32 ลงแข่งขันรายการ Australian Touring Car Championship แล้วก็คว้าแชมป์ได้ทันทีตั้งแต่สนามแรก ก่อนจะค่อย ๆ สร้างชื่อและเก็บชัยชนะได้อีกหลายครั้ง ทำเอาทั่วทั้งวงการรู้สึกทึ่งกับรถแข่งญี่ปุ่นรุ่นนี้ที่สามารถเบียดเอาชนะรถแข่งจากออสเตรเลียและอเมริกาลงได้ สื่อของออสเตรเลียในขณะนั้นจึงขนานนาม R32 ว่า “The Godzilla” ที่หมายถึงปีศาจจากญี่ปุ่น ชื่อนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายในวงการสื่อยานยนต์จนกลายเป็นชื่อเล่นของ GT-R ไปในที่สุดและถูกเรียกขานตัวแรงสายพันธุ์นี้มาจนถึงปัจจุบัน
Skyline GT-R R32 สิ้นสุดสายการผลิตในปี 1994 ด้วยจำนวน 43,937 คัน สถาปนาตัวเองเป็นอีกหนึ่งตำนานที่สาวกทั่วโลกปรารถนาจะได้ครอบครองมากที่สุดรุ่นหนึ่งในปัจจุบัน
Skyline GT-R R33 อัปเกรดสู่การเป็น GT-R ที่สมบูรณ์แบบยิ่งกว่าเดิม
Cr. https://global.nissannews.com
หลังจาก GT-R R32 ประสบความสำเร็จทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ Nissan ไม่หยุดที่จะพัฒนารถสายพันธุ์นี้ให้ดียิ่งขึ้น ปี 1994 ทายาท GT-R รุ่นที่ 4 ก็เปิดตัวออกมาพร้อมกับหน้าตาที่ทันสมัยขึ้น ตัวถังใหญ่ขึ้น แอโรไดนามิกดีขึ้น โดยยังใช้เครื่องยนต์และระบบส่งกำลังชุดเดิมจากรุ่นก่อนแต่มีการอัปเกรดระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็น ATTESA E-TS Pro พร้อมเฟืองท้าย Active Limited Slip ผลของการปรับแต่งครั้งนี้ทำให้ R33 ตอกเวลาในสนาม Nürburgring Nordschleife ได้ที่ 8 นาที 1.72 วินาที
R33 มีเวอร์ชันพิเศษเป็นที่พูดถึงอยู่หลายตัว หนึ่งในนั้นคือ LM Limited ออกมาในปี 1996 เพื่อเฉลิมฉลองที่ Nissan ได้ลงแข่งในรายการ 24-hours of Le Mans มากับตัวถังสีฟ้า Champion Blue พร้อมการปรับแต่งด้านแอโรไดนามิกและการลดน้ำหนัก อีกเวอร์ชันที่ขึ้นแท่นเป็นรถ Ultra rare คือ Nismo 400R ที่มีการปรับแต่งเครื่องยนต์จนได้กำลังกว่า 400 แรงม้า เร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 4 วินาที และอัดได้สูงสุดถึง 300 กม./ชม. เป็นที่สุดของความแรงที่มีเพียง 44 คันในโลกและมีราคาประมูลในปัจจุบันแพงกว่าซูเปอร์คาร์หลาย ๆ รุ่น
Skyline R34 จุดสูงสุดของสายพันธุ์ GT-R รถในฝันของผู้ชายกว่าค่อนโลก
Cr. https://global.nissannews.com
GT-R รุ่นที่ 5 ได้ชื่อว่าเป็น GT-R ที่โด่งดังที่สุด นี่คือรถในฝันของผู้ชายทั่วโลก เป็นภาพตราตรึงที่คนรักรถทุกคนต้องรู้จัก เปิดตัวในปี 1999 พร้อมหน้าตาที่หล่ออมตะตลอดกาล ขนาดตัวรถเล็กลงจาก R33 เล็กน้อย มากับเครื่อง RB26DETT เหมือนเดิม จุดเด่นของรุ่นนี้คือจอแสดงผลมัลติฟังก์ชัน LCD ขนาด 5.8 นิ้วในห้องโดยสารสำหรับแสดงข้อมูลการขับขี่ทุกอย่างซึ่งถือเป็นของใหม่สุดล้ำในยุคนั้น R34 เป็นรถที่ทาง Nissan ซุ่มพัฒนากันในสนาม Nürburgring Nordschleife ตั้งแต่แรก มันสามารถทำเวลาอย่างไม่เป็นทางการได้ที่ 7.52 นาที เร็วกว่าที่ R33 รุ่นพี่ทำได้
R34 มีเวอร์ชันพิเศษเป็นที่พูดถึงอยู่หลายตัว ที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดีก็คือ V-Spec II ที่มากับการปรับปรุงประสิทธิภาพตัวรถหลายอย่างพร้อมกับหน้าตาที่หล่อเข้มกระชากใจ นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชัน M-Spec ที่มากับฝากระโปรงอะลูมิเนียม รวมถึง V-Spec II Nür และ M-Spec Nür สองเวอร์ชันส่งท้ายที่ตั้งชื่อตามสนามแข่ง Nürburgring ผลิตออกมารวมกันราว 1,000 คัน
อย่างไรก็ตาม GT-R R34 ยังมีตัวแรงอีกหนึ่งเวอร์ชันที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ Z-Tune รุ่นนี้ออกมาในปี 2003 หลังจากเลิกผลิตไปแล้ว โดยเป็นผลงานของแผนก Nismo ที่จับเอา R34 V-Spec มือสองจำนวน 18 คันมาทำใหม่ทั้งคันตั้งแต่ไล่ขยายความจุเครื่องยนต์เป็น 2.8 ลิตรพร้อมปรับปรุงเทอร์โบใหม่จนได้กำลัง 500 PS ตัวถัง ช่วงล่าง เบรก เกียร์ ระบบขับเคลื่อน และอื่น ๆ ถูกปรับปรุงใหม่ทั้งหมด ทุกขั้นตอนทำด้วยมืออย่างพิถีพิถันจนได้สมรรถนะสุดโหด เร่ง 0 – 100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที อัดได้สูงสุด 327 กม./ชม. กลายเป็นสุดยอดตำนานความแรงที่มีมูลค่ามหาศาลในปัจจุบัน
Nissan GT-R R35 สานต่อตำนานความแรงแห่งสายพันธุ์ GT-R ในปัจจุบัน
Cr. https://global.nissannews.com
หลังสิ้นสุดการผลิต R34 ในปี 2002 ดูเหมือนว่าตำนานของ GT-R จะสิ้นสุดลงตามไปด้วย ก่อนที่ 5 ปีต่อมา Nissan จะเปิดตัว GT-R รุ่นใหม่พร้อมกับรหัสตัวถัง R35 ซึ่งคราวนี้แยกออกมาจากตระกูล Skyline แล้ว แม้จะยังรักษาเอกลักษณ์ไฟท้ายโดนัทคู่เอาไว้แต่รายละเอียดอื่น ๆ ของรถถูกยกเครื่องใหม่หมด ตัวถังใหญ่ขึ้น หน้าตาทันสมัยขึ้น เครื่องยนต์บล็อกใหม่ VR38DETT ที่ใช้ประกอบด้วยมือของช่าง Takumi ตลอดจนเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ปรับให้เข้ากับยุคสมัย
R35 คือรถที่ Nissan ตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อฟาดฟันกับรถสปอร์ตและซูเปอร์คาร์หลาย ๆ แบรนด์ทั่วโลก มันมากับพละกำลังและสมรรถนะที่ดีที่สุดของสายพันธุ์ GT-R สามารถเอาชนะรถที่ราคามากกว่าตัวเอง 2 – 3 เท่าได้บ่อย ๆ จนได้รับฉายาว่า Supercar-Killer นอกจากนี้ยังประสบความสำเร็จด้านมอเตอร์สปอร์ตมากมายทั่วโลกตั้งแต่ช่วงเปิดตัวใหม่ ๆ มาจนถึงทุกวันนี้
R35 ยังเป็น GT-R ที่อายุยืนยาวที่สุด มีการอัปเดตเครื่องยนต์ครั้งใหญ่อยู่ 4 ครั้งได้แก่ ปี 2009 เพิ่มกำลังเครื่องยนต์เป็น 485 PS, ปี 2010 ปรับเพิ่มเป็น 530 PS, ปี 2012 ปรับเพิ่มเป็น 550 PS และปี 2016 ปรับขึ้นไปเป็น 565 PS ขณะเดียวกันก็มีเวอร์ชันพิเศษออกมานับสิบรุ่น ตัวที่น่าสนใจคือ Nismo Special Edition เป็นการผลิตแบบตามสั่ง จำกัดเพียง 300 คัน และล่าสุดกับ T-spec มากับสีพิเศษ Millennium Jade และ Midnight Purple ผลิตเพียง 100 คัน อย่างไรก็ตาม R35 มีข่าวเกี่ยวกับทายาทรุ่นใหม่ที่จะมาสืบทอดอยู่ตลอด ต้องรอดูกันต่อไปว่าจะมาเมื่อไรและหน้าตากับเครื่องยนต์จะเป็นอย่างไร
Cr. https://global.nissannews.com
นี่คือเรื่องราวและ ประวัติ Nissan Skyline GT-R สุดยอดยนตรกรรมสปอร์ตที่มีตำนานมากกว่า 50 ปี และกำลังเดินหน้าสร้างความสำเร็จใหม่ ๆ ไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของโลกยานยนต์ ไม่มีใครปฏิเสธในความยอดเยี่ยมของตัวแรงสายพันธุ์นี้ มันคือรถในฝันที่เต็มเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์อันน่าหลงใหลและจะตราตรึงอยู่ในหัวใจของผู้ชายรักความเร็วทุกคนไปอีกนาน หากคุณคือหนึ่งในสาวก GT-R วันใดที่คุณมีโอกาสได้ครอบครองรถรุ่นนี้ วันนั้นคงเป็นวันที่คุณมีความสุขที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตอย่างแน่นอนครับ