XC-40 Recharge Pure Electric นั้นเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% คันแรกจากค่าย Volvo ที่ MenDetails มองว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและทางทีมงานมีโอกาสได้ไปทดลองขับมาเป็นที่เรียบร้อยครับ ไปลองดูกันว่าความรู้สึกขณะขับขี่เป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเหยียบคันเร่ง เบรกกระทันหัน การเปลี่ยนเลน ทดสอบระบบช่วยขับขี่ต่าง ๆ รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้อาจจะเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่มีแพลนจะซื้อรถยนต์คันใหม่ก็เป็นได้ครับ
Volvo XC-40 มากับดีไซน์ทรง Boxy แต่แฝงความสปอร์ต
Volvo XC-40 Recharge Pure Electric คันนี้เป็นรถยนต์ Compact SUV ที่มาด้วยกันทั้งหมด 7 สี คันสีขาวนี้ คือ Crystal White Pearl ที่มาพร้อมกระจังหน้าปิดเรียบ ดูคลีนและมินิมอลขึ้น เนื่องจากไม่ต้องระบายอากาศหรือลมจากเครื่องยนต์ แต่ก็ออกแบบมาโดยไม่ได้ปิดสนิท ยังเหลือช่องลมเล็ก ๆ อยู่ด้านล่าง ซึ่งกระจังหน้าแบบนี้เห็นแล้วรู้ได้เลยว่าคันนี้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าครับ เนื่องจากรถยนต์ที่ขับขี่ด้วยระบบอื่น ๆ กระจังหน้าก็จะเป็นแบบซี่
หากเปิดกระโปรงหน้าขึ้นมาก็จะเจอกับชุดใส่สัมภาระสีดำขนาดใหญ่แทนที่จุดของเครื่องยนต์สันดาปในรถยนต์น้ำมันรุ่นปกติ ตรงบริเวณโลโก้ Volvo จะมีกล้องติดมองรอบทิศติดอยู่ ไฟหน้าเป็น Full LED แนวยาว ส่วนนี้ทำให้ดีไซน์ดูโฉบเฉี่ยวขึ้น สามารถเปิดไฟสูง-ต่ำได้อัตโนมัติ หักเลี้ยวตามองศาของพวงมาลัย โทนสีเป็นทูโทน สีดำตรงกระจกข้างและหนังคารถตัดกับสีของตัวถัง เพิ่มความเป็นสปอร์ตในหลายจุดเพื่อให้ ดูไม่เป็นรถ Compact SUV เหลี่ยม ๆ จนเกินไป
ส่วนดีไซน์ภายในดูพรีเมียมด้วยเบาะหนังสีดำ Charcoal เครื่องปรับอากาศมาด้วยทรงแนวตั้งช่วยเสริมความแพงไปอีกระดับ มี Memory Seat 2 ตำแหน่ง เบาะคนขับปรับได้ 8 ทิศทาง ส่วนหน้าจอตรงกลางเป็นจอ Touch Screen ขนาด 9 นิ้วที่ถือว่าใหญ่ ตอนที่ลองขับขี่ก็รู้สึกว่าอ่านและมองเห็นง่ายและใช้งานได้สะดวกครับ
ระบบเสียงใช้ Harman/kardon ที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพเสียง มีลำโพงรอบคันถึง 13 ตำแหน่ง บริเวณคอนโซลมีแท่น Wireless Charger อยู่ และรถรุ่นนี้ยังมากับ Panoramic Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าแบบ Touch screen ด้วยครับ ลากนิ้ว 1 ครั้งเป็นการเปิดม่านดำให้เห็นหลังคากระจกใส หากต้องการเปิดซันรูฟขึ้นไปเลยก็ให้ลากนิ้วซ้ำอีกครั้งนั่นเอง
พื้นที่สำหรับเก็บของด้านหลัง พับเบาะเป็นแบบ 60:40 ได้
ระบบไฟฟ้า 100% และ Option ที่ใส่มาให้
สำหรับเรื่องการเติมพลังงาน รถยนต์ไฟฟ้าใช้การชาร์จเข้าแบตเตอรี่ครับ โดย Volvo XC-40 จะเปิดฝาเสียบชาร์จได้ ต้องมีกุญแจรถอยู่ที่ตัว สำหรับการชาร์จไฟกระแสสลับ AC (Wall box) จาก 0-100% ใช้ประมาณเวลา 7 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้เป็นไฟกระแสตรง DC หรือ Quick Charge จาก 0-80% ใช้เวลาภายใน 40 นาที หากอยากลดเวลาในการชาร์จให้สั้นที่สุดก็จะแนะนำให้ชาร์จ 80% แรกที่สถานีชาร์จ แล้วค่อยกลับมาชาร์จต่อที่บ้าน
ส่วนพวก Option ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานก็ถือว่าเป็นรุ่นที่ใส่มาแบบจัดเต็มครับ รถยนต์รองรับ Apple Car Play และ Andriod Auto บนหน้าจอกลางเซ็ตแอปฯ Google มาให้เลย มีฟังก์ชันการทำงานด้วยเสียง เพียงพูดว่า ‘Hey Google’ แล้วระบบจะทำงาน สั่งคำสั่งด้วยภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะต้องการหาสถานที่ไหน อยากให้เปิดเพลงหรือโทรหาใครก็สั่งงานด้วยเสียงได้เลย มีการระบุ Charging stations บนแมพให้ด้วยเพื่อจะได้รู้ว่ามีสถานีชาร์จอยู่ใกล้บริเวณที่เราอยู่บ้างหรือไม่
นอกจากนั้นยังเป็น Keyless ทั้ง 4 ประตู คือ สามารถเปิด-ปิดประตูรถได้โดยไม่ต้องหยิบกุญแจรถขึ้นมาจากทั้ง 4 ประตู ส่วนเรื่องฝากระโปรงหลังเป็นการเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าอัตโนมัติ ไม่ต้องใช้มือ และยังมี Power operated tailgate หรือระบบเตะเปิดฝากระโปรงหลังอีกด้วยครับ เพียงแต่จะใช้งานได้ก็ต้องมีกุญแจรถอยู่ที่ตัว
ขับได้สนุกและระบบช่วยซัพพอร์ตเยอะ
รถยนต์ไฟฟ้า Volvo XC-40 Recharge ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และวิ่งได้ไกลสุด 418 km ต่อรอบการชาร์จ (ตามมาตรฐาน WLTP) ต้องเหยียบเบรกก่อนเพื่อสตาร์ทรถ แต่จุดที่เราแปลกใจเล็กน้อย คือ เรื่องโหมดการขับขี่ ขณะที่กำลังจะเปลี่ยนโหมดการขับขี่เพื่อทดสอบระบบ ก็พบว่า XC-40 มีระบบการขับขี่เพียงโหมดเดียว น่าจะเพราะว่าทางแบรนด์ไปเน้นเรื่องระบบช่วยขับขี่แทน
สำหรับระบบช่วยขับขี่ก็มีทั้ง Adaptive Cruise Control และ Pilot Assist ซึ่ง Adaptive Cruise Control หรือระบบช่วยควบคุมความเร็วให้สอดคล้องกับสภาพจราจรนั้น สามารถเซ็ตได้จากปุ่มทางฝั่งซ้ายของพวงมาลัย เพียงกดปุ่มเข็มไมล์แล้วเซนเซอร์รถก็จะจับรถยนต์คันข้างหน้าเป็นเป้าหมาย โดยเซ็ตระยะห่างทั้งหมด 3 ขีด อยากให้ขยับเข้าไปใกล้ขึ้นก็ปรับเองได้ ส่วนเรื่องความเร็วสูงสุดก็สามารถตั้งค่าเอาไว้ได้เช่นกันครับ
ส่วนระบบ Pilot Assist ต้องเปิดจากหน้าจอกลางในหัวข้อ Driving เมื่อเปิดใช้งานแล้ว รถยนต์จะควบคุมตัวเองอัตโนมัติ โดยคำนวนระยะห่างจากเลนเพื่อรักษาระยะให้รถวิ่งอยู่กลางเลน ช่วงที่เปิดใช้งานระบบนี้ เราไม่ต้องควบคุมพวงมาลัยเองแล้วครับ แต่อาจจะต้องเอามือกลับไปแตะบ้างเพื่อให้รถยนต์รู้ว่าผู้ขับยังมีสติอยู่ ซึ่งเรามองว่า Pilot Assist เป็นระบบที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้การขับได้มากทีเดียว ขับง่ายขึ้น ทั้งขับทางตรง รวมถึงทางเลี้ยว รถก็จะควบคุมระยะเลี้ยวให้อยู่ในจุดที่พอเหมาะพอดีครับ แต่ถ้าวิ่งด้วยความเร็วสูงมาก แนะนำว่าให้จับพวงมาลัยด้วยตัวเองไว้ด้วยนะครับ
อีกหนึ่งระบบที่ได้ทดสอบในสนาม คือ ระบบ One-Pedal Drive ที่จะขับขี่ด้วยแป้นคันเร่งเพียงแป้นเดียว ไม่ว่าจะเร่งหรือชะลอความเร็วก็ตาม เวลาที่เหยียบคันเร่ง รถก็จะวิ่งไปด้วยความเร็วปกติ แต่ถ้ายกเท้าขึ้นรถก็จะค่อย ๆ ชะลอความเร็วจนไปถึงหยุดได้ในที่สุด เรียกว่าการหน่วงก็ได้ครับ ซึ่งจะหน่วงมากหรือน้อยนั้นก็ไม่เท่ากัน ถ้ากดคันเร่งเยอะ เวลาหน่วงก็หน่วงเบา ๆ ค่อย ๆ ลดความเร็ว แต่ถ้าขับด้วยความเร็วที่ต่ำ มันจะหน่วงจนถึงรถหยุดเหมือนเบรกได้เลย
นอกจากนั้นระบบ One-Pedal ยังส่งผลต่อความนุ่มนวลในการขับขี่ด้วย ถ้าค่อย ๆ ยกเท้าขึ้นจากคันเร่ง รถก็จะค่อย ๆ ชะลอความเร็วลง แต่ถ้ายกเท้าจากคันเร่งขึ้นกระทันหันก็จะหยุดในจังหวะที่แรงขึ้นกระทันหันขึ้น ต้องระวังเพราะไม่งั้นอาจจะรู้สึกว่าเป็นการขับแบบกระชาก ๆ ได้ แล้วจะทำให้ผู้ร่วมทางเวียนหัวแน่นอนครับ เป็นระบบที่เหมาะสำหรับคนในเมืองเป็นอย่างมาก ไม่ต้องหนื่อยกับการสลับเท้าจากคันเร่งไปเบรก จากเบรกไปคันเร่งตลอด แม้ช่วงแรก ๆ อาจไม่ชินเท้า แต่ถ้าขับบ่อย ๆ เรามองว่าระบบนี้มีประโยชน์ทีเดียว
ระบบความปลอดภัยมาเต็มตามมาตรฐาน Volvo
ขณะที่วิ่งในความเร็วหลัก 100 km/hr ในฐานะคนขับก็รู้สึกว่าช่วงล่างแน่นและแข็งแรงดี ไม่รู้สึกว่าตัวรถส่ายหรือโคลงเคลงเลยทำให้มั่นใจในขณะที่วิ่งด้วยความเร็วมากขึ้น ซึ่งเป็นความแข็งแรงแบบ Safety ไม่ใช่แข็งรู้สึกว่าขับหรือนั่งไม่สบาย
ระบบ Safety ที่ใส่มาในรุ่น XC-40 เรียกได้ว่าจัดเต็มตามมาตรฐานของ Volvo ครับ ระบบเตือน ระบบซัพพอร์ต ระบบควบคุมต่าง ๆ จะช่วยอำนวยความสะดวกในการขับขี่ อยู่บนถนนได้ง่ายขึ้นมาก ระบบเตือนอย่างเช่น เตือนเมื่อรถอยู่จุดอับสายตา เตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง เตือนเพื่อให้เว้นระยะห่างจากคันหน้า และเตือนด้วยการสั่นที่พวงมาลัยเมื่อรถออกจากเลน
ส่วนระบบซัพพอร์ตและควบคุมต่าง ๆ อย่างเช่น Sensor กะระยะช่วยจอดด้านหน้าและด้านหลัง,Queue Assist, ระบบช่วยขึ้นและลงในที่ลาดชัน, ระบบป้องกันการชน City Safe เป็นต้น และหากมีการขับผิดพลาดจนไปถึงเกิดอุบัติเหตุจริง ๆ ระบบความปลอดภัยเชิงปกป้องของรถรุ่นนี้ก็มาพร้อมถุงลมนิรภัย 5 จุด ทั้งด้านหน้าและด้านข้างสำหรับผู้โดยสารที่นั่งคู่หน้า ถุงลมนิรภัยปกป้องหัวเข่าสำหรับคนขับ และม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ทั้งยังมีระบบปกป้องการบาดเจ็บของกระดูกต้นคอและหลัง รวมถึงระบบกระจายแรงกระแทกจากการชนด้านข้างครับ
ตอนที่ได้ทดสอบการขับ จะมีช่วงที่ให้ทดสอบการเบรกแบบฉุกเฉินว่าถ้าหากเราเร่งความเร็วมาสุดแรงในระดับ 100 km/hr ขึ้นแล้วจะเป็นอย่างไรหากต้องเหยียบเบรกแบบกระทันหัน ซึ่งเราก็ได้ทดสอบเพื่อที่จะได้ดูการตอบสนองของเบรกรถยนต์ว่าทำได้ดีแค่ไหน เมื่อทดลองเบรกฉุกเฉินก็พบว่า เบรคฉุกเฉินทำงานฉลาดมาก กระทืบเบรคลงไปจนสุดแล้วรถหยุดเกือบจะทันที มีขยับไหลไปข้างหน้าแค่นิดหน่อยเนื่องจากความเร็วที่เร่งมาในตอนแรก ซึ่งแม้จะเบรกแบบกระทันหันก็ยังไม่ถึงกับหัวทิ่มหรือชนกระจก ชนเบาะด้านหน้าอยู่ดี
นอกจากนั้นยังมีปุ่ม SOS ที่จะทำงานเมื่อเกิดอุบัติเหตุด้วย หากเกิดอะไรขึ้นแล้วถุงลมระเบิด รถยนต์จะโทรหาเจ้าหน้าที่ของทาง Volvo ทันที หรือถ้าเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น รถเสีย รถดับกลางทางก็มีปุ่ม on call ให้ติดต่อกับทาง Volvo ไปเช่นกันครับ
Volvo XC-40 Recharge Pure Electric รถยนต์ไฟฟ้า 100% คันแรกจาก Volvo นี้วางขายด้วยราคา 2,590,000.- ถือว่าเป็นราคาที่อยู่ในระดับกลางค่อนสูงของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า แต่เมื่อเทียบกับ option ระบบความปลอดภัย ระบบช่วยในการขับขี่ และสมรรถนะที่รถยนต์ทำได้ ถือว่าน่าจะเป็นอีกหนึ่งคันที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากขับรถยนต์ไฟฟ้าเลยทีเดียวครับ
อาจจะมีเสียดายอยู่หนึ่งเรื่องตรงที่มีโหมดการขับขี่เดียว เพราะเดี๋ยวนี้หลาย ๆ ค่ายก็จะมีโหมดประหยัดพลังงาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือโหมดสปอร์ตใส่เข้ามาด้วย การที่ได้รับความหลากหลายในขณะขับขี่น่าจะเพิ่มความสนุกมากขึ้น