ถ้าพูดถึงนาฬิกาข้อมือ Casio G-SHOCK เชื่อว่าผู้ชายทั้งหลายคงรู้จักคุ้นเคยกับชื่อนี้เป็นอย่างดีในฐานะที่ G-SHOCK คือสัญลักษณ์ของความเป็นนาฬิกา ‘พันธุ์แกร่ง’ ที่อึดและทนทายาด แถมยังใช้งานได้นานโดยไม่ต้องกลัวพัง ซึ่งน่าจะถูกใจผู้ชายขาลุยกันเป็นอย่างดีจนทำให้ G-SHOCK กลายเป็นนาฬิการุ่นที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Casio มากที่สุดไปเรียบร้อยแล้วในปัจจุบันนี้
คนส่วนใหญ่อาจรู้จักแบรนด์ G-SHOCK แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าที่มาที่ไปรวมถึงบุคคลที่ให้กำเนิดหรือเป็นบิดาของ G-SHOCK นั้นคือใคร วันนี้ MenDetails จะพาไปล้วงลึกตำนานของนาฬิกาพันธุ์แกร่งเรือนนี้พร้อมบทสัมภาษณ์สั้นๆของคุณ ‘คิคุโอะ อิเบะ’ (Kikuo Ibe) วิศวกรชาวญี่ปุ่นผู้ที่ปั้น G-SHOCK จนกลายเป็นตำนานอย่างทุกวันนี้กันครับ
ในปี 1978 ‘คิคุโอะ อิเบะ’ คือวิศวกรหนุ่มไฟแรงที่เพิ่งเข้ามาทำงานกับ Casio ซึ่งในขณะนั้น Casio เป็นเพียงบริษัทเล็กๆที่ผลิตนาฬิกาดิจิตอลทั่วๆไป โดยยังไม่ได้มีนวัตกรรมหรือรุ่นของนาฬิกาที่มีความโดดเด่นอะไรนัก แต่ด้วยความเป็นพนักงานที่ตั้งใจสร้างผลงาน คิคุโอะ อิเบะ จึงได้คิดริเริ่มที่จะพัฒนานาฬิกาดิจิตอลที่มีความทนทานมากกว่าปกติ ยิ่งทนและอึดได้เท่าไหร่ยิ่งดี โดย คิคุโอะ อิเบะ ได้แรงบันดาลใจที่จะผลิตนาฬิกาทนๆแบบนี้จากการที่ตัวเองได้เผลอทำนาฬิกาสุดรักที่เป็นของขวัญของคุณพ่อหล่นแตกเสียหาย เขาจึงอยากจะสร้างนาฬิกาที่ทนทานมากพอเพื่อไม่ให้ตัวเองและคนอื่นๆต้องประสบเหตุการณ์เช่นเดียวกันกับเขาในอนาคตนั่นเองครับ
หลังจากที่ลองผิดลองถูกกันมาเป็นเวลานานแต่ก็ยังไม่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ จนคิคุโอะ อิเบะ และ Casio เกือบจะตัดสินใจพับโครงการนี้ไปแล้ว แต่แล้วในที่สุด คิคุโอะ อิเบะ ก็ได้ ‘ปิ๊งไอเดีย’ กับการใช้วัสดุยางสังเคราะห์คุณภาพสูงห่อหุ้มตัวกลไกนาฬิกาเอาไว้ แต่เพิ่มเทคนิคการออกแบบให้นาฬิกาลอยอยู่ตรงกลางโดยไม่สัมผัสกับกรอบนาฬิกาโดยตรงแบบเต็มๆ โดยใช้ “จุดเชื่อม” หลายๆจุดเพื่อเชื่อมระหว่างตัวกลไกกับตัวเรือนยางสังเคราะห์เข้าด้วยกัน จุดเชื่อมเหล่านี้จะช่วยกระจายแรงกระแทกซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ตัวกลไกนาฬิกาเกิดความเสียหายแม้มีการกระแทกอย่างรุนแรงก็ตาม
ผลการทดสอบความทนทานด้วยวิธีการดังกล่าวเป็นที่น่าพอใจ ทำให้ Casio G-SHOCK รุ่นแรกสุดได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการในปี 1983 โดยใช้รหัสรุ่นแรกสุดว่า DW5000C ในระยะเริ่มแรกนั้น G-SHOCK ขายได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่ Casio ก็ไม่ยอมแพ้ และยังคงสนับสนุนให้ คิคุโอะ อิเบะ และทีมงานก็ได้มีการพัฒนารุ่นใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อสรรพคุณในเรื่องความทนทานนั้นเป็นที่ยอมรับและได้รับการกล่าวขวัญถึงเป็นวงกว้าง จึงทำให้ G-SHOCK กลายเป็นตำนานบทใหม่ของนาฬิกาที่อาจพูดได้ว่า “ทนทายาดที่สุดในโลก” ก็ไม่เกินเลย
MenDetails ได้มีโอกาสนั่งพูดคุยกับคุณคิคุโอะ อิเบะ ในโอกาสที่เขามาเยือนเมืองไทย กับคำถามที่เราสงสัยใคร่รู้จากปากของ “บิดาแห่งนาฬิกา G-SHOCK” คนนี้กัน
MDs : แรงบันดาลใจแรกนอกเหนือจากที่คุณอิเบะทำนาฬิกาของคุณพ่อตกนั้นคืออะไรครับผม
คุณอิเบะ : อย่างที่เคยกล่าวไปครับว่าแรงบันดาลใจหลักของผมมาจากการที่ผมชอบทำของมีค่าตกหล่นนี่แหละ ซึ่งนาฬิกาของคุณพ่อถือเป็นของขวัญล้ำค่ามาก เลยตั้งใจอยากจะผลิตนาฬิกาที่ทนมากๆ เพื่อวันหนึ่งคุณทำตกก็จะได้ไม่เสียใจแบบผมนั่นเอง แต่ถ้าให้พูดตรงๆ ว่ามีกลุ่มผู้ทดลองหรือตั้งใจทำให้ใครใส่ ผมก็ขอตอบตามตรงเลยครับว่า ผมออกแบบเพื่อแก้ปัญหาให้กับช่างเจาะถนน เพราะเขาต้องเจาะถนนตลอด เจอแต่แรงสั่นสะเทือนที่นาฬิกาทั่วๆ ไปไม่สามารถทนได้ เขาเลยไม่มีนาฬิกาข้อมือใส่กัน ผมก็อยากจะออกแบบให้เขาใส่นี่แหละ ซึ่งถ้า G-SHOCK ไม่ดังอย่างทุกวันนี้ ผมคงกลายเป็นคนขายนาฬิกาข้างทางให้กับช่างเจาะถนนนี่แหละครับ (หัวเราะ)
MDs : ความฝันสูงสุดที่จะผลิตนาฬิกา G-SHOCK ของคุณอิเบะคืออะไรครับ
คุณอิเบะ : อืม…(คิดอยู่สักครู่หนึ่ง) ผมขอตอบเป็น 2 อย่างละกันครับ อย่างแรกเลยคือผมอยากออกแบบนาฬิกาที่สามารถทนต่อแรงดัน ณ จุดที่ลึกที่สุดในโลกให้ได้ อาจจะฟังแล้วดูเกินจริงไปหน่อยแต่ก็นะ ผมอยากทำให้ได้จริงๆ แต่ก่อนอื่นคงต้องหาคนที่ลงไปในความลึกนั้นให้ได้เสียก่อน ส่วนอย่างที่สองก็คือ ผมอยากให้มนุษย์ต่างดาวมาตบบ่าของผมแล้วชมว่า “นาฬิกาของคุณนี่มันช่างอึดและทนเสียเหลือเกิน” นี่แหละครับคือความฝันของผมเลย
MDs : ข้อสุดท้ายละครับ ไม่ทราบว่าพอจะแง้ม Project ในอนาคตให้เราทราบได้บ้างมั้ยครับ
คุณอิเบะ : ถือว่าเป็นความลับสุดยอดเลยนะ เพราะตอนนี้เรากำลังพัฒนา Project ใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก “ทองคำ” นี่แหละ ซึ่งทางทีมกำลังพัฒนาต่อยอดกันอยู่อย่างเอาเป็นเอาตายเลยทีเดียว เพราะตอนนี้ความคืบหน้าของ Project ยังอยู่ที่ 20% เท่านั้น จะเรียกว่าอยู่ในช่วงเริ่มต้นก็ว่าได้นะครับ แต่เพราะตัวนาฬิกาต้นแบบนั้น ยังไม่ผ่านเกณฑ์ด้านความแข็งแรงของทางบริษัท Casio และมาตรฐานของคำว่า G-SHOCK แต่พูดได้เลยครับว่าถ้า Project นี้เป็นไปตามคาดการณ์ไว้ก็จะออกวางขายในปี 2018 ซึ่งทุกคนจะต้องตื่นตาตื่นใจแน่นอน เพราะจะฉีกกฏของคำว่า G-SHOCK ในแบบที่คุณรู้จักแน่ๆ ครับ
และนี่คือ 3 คำถามเด็ดที่ MDs หยิบมาฝากท่านผู้อ่านที่เป็นแฟนนาฬิกา G-SHOCK ให้ได้อ่านกัน ซึ่งสิ่งสุดท้ายที่คุณอิเบะฝากกับทุกคนก็คือ “Never Give Up” หรืออย่ายอมแพ้นั่นเอง เพราะช่วงเวลา 2 ปีแรกในการออกแบบนาฬิกา G-SHOCK นั้นถือว่าเป็นช่วงเวลาที่โหดหินที่สุดของคุณอิเบะเลยก็ว่าได้ แต่เพราะคำว่า “อย่ายอมแพ้” ทำให้คุณอิเบะปั้นนาฬิกา G-SHOCK ได้โด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้ครับ