เวลาพูดถึงเสน่ห์ในการดึงดูดคนรอบข้าง นอกจากการแต่งกายที่ดี ความสะอาดสะอ้านแล้วก็มีเรื่องกลิ่นตัวหอมนี่แหละครับที่สาว ๆ แอบกระซิบว่าดึงความสนใจพวกเธอได้มากทีเดียว ซึ่งหลายคนอาจจะฉีดน้ำหอมเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ปัญหาหลาย ๆ อย่างที่มักเกิดขึ้น คือ น้ำหอมจางเร็ว กลิ่นไม่ติดทน ไม่ค่อยฟุ้งกระจาย หรือฉีดเยอะเกินไปจนฉุนมากกว่าหอม วันนี้ MenDetails.com นำ เทคนิคฉีดน้ำหอม ของ Jeremy Fragrance ยูทูปเบอร์ที่ได้รับขนานนามว่าเจ้าพ่อน้ำหอมมาแนะนำต่อกันครับว่าจริงๆ แล้วควรฉีดอย่างไรจึงจะได้ผลดีที่สุด
Store fragrances last longer
ก่อนจะไปถึงหัวใจเรื่อง เทคนิคฉีดน้ำหอม อยากให้ทุกคนใส่ใจเรื่องการเก็บน้ำหอมเพิ่มไปด้วยครับ หันไปมองน้ำหอมของตัวเองว่าวางไว้ตรงไหน บางคนอาจเก็บไว้ในตู้เย็น บางคนเก็บไว้ในห้องน้ำเพราะมีบริเวณให้วางของ บางคนก็มีโต๊ะหรือตู้สำหรับวางของ Grooming ตัวเองไว้อย่างเป็นระเบียบ
หากอยากเก็บรักษาน้ำหอมให้กลิ่นคงเดิมเหมือนตอนแกะกล่องใหม่ ต้องรู้ว่ามี 3 สิ่งซึ่งส่งผลต่อน้ำหอมได้ คือ แสงสว่าง ความร้อน และอุณหภูมิที่เปลี่ยนแบบฉับพลันครับ
ฉะนั้นการเก็บน้ำหอมไว้ในห้องน้ำที่มีความชื้น หรือตู้เย็นที่มีอุณหภูมิต่ำซึ่งขัดกับสภาพอากาศประเทศไทย แล้วเวลาหยิบออกมาฉีดอุณหภูมิจะเปลี่ยนฉับพลัน จึงไม่ใช่วิธีเก็บที่จะรักษากลิ่นของน้ำหอมให้คงสภาพเดิมได้ครับ Jeremy แนะนำให้เราเก็บน้ำหอมไว้โดยใช้วิธีเดียวกับการเก็บรักษาไวน์ คือ เก็บไว้ในที่ Dark & Cool ฉะนั้นเก็บน้ำหอมไว้ในห้องนอนส่วนที่ที่พ้นแสงแดดจะดีที่สุดครับ ถ้าทำได้ให้หาชั้นวางในตู้เสื้อผ้าหรือเก็บในลิ้นชักโต๊ะก็ยิ่งดีครับ แต่จากที่ดูเซียนน้ำหอมที่มีน้ำหอมหลายร้อยขวดทั้งไทยและต่างประเทศ ส่วนใหญ่ก็มักเก็บไว้ในตู้โชว์ในห้องนอนนั่นแหละครับ
Pick right fragrance at the right time
ถัดมา เราจะต้องเลือกเวลาและกลิ่นที่จะฉีดให้ถูกต้องครับ อย่าฉีดน้ำหอมเพื่อตั้งใจจะกลบกลิ่นเวลาที่มีกลิ่นตัวแรง เช่น หลังออกกำลังกายเสร็จ หรือเพิ่งจะเหงื่อออกเยอะๆ เพราะจะทำให้กลิ่นตีกันแล้วกลายเป็นกลิ่นฉุน ๆ ครับ เวลาที่เหมาะที่สุดในการฉีดน้ำหอม คือ ตอนที่อาบน้ำเสร็จ ตัวสะอาดแล้ว
และคำว่าเลือกกลิ่นที่ฉีดให้ถูกต้อง คือ การเลือก Scent ของน้ำหอมให้เหมาะกับสถานการณ์ ช่วงเวลา และคาแรคเตอร์ของเรา ซึ่งโทนกลิ่นต่าง ๆ ของน้ำหอมมีทั้ง Citrus, Leather, Floral, Fruity, Oriental, Woody ก็จะให้ความรู้สึกแตกต่างกันไป
ตัวอย่างเช่น ถ้าไปงานกลางคืน กลิ่นที่สดใส ๆ อย่างซิตรัสก็จะไม่เหมาะครับ หรือจะฉีดกลิ่นหนังอำพันที่ค่อนไปทางเย้ายวนหน่อย ๆ ไปประชุมงานก็คงจะไม่เหมาะเช่นกัน
ในอีกมุมหนึ่ง ทางฝั่งชาวต่างชาตินิยมแนะนำว่าน้ำหอมตัวไหนเหมาะเป็นกลิ่นของ Season ไหนแทนครับ จะมีน้ำหอมช่วง Autumn หรือ Winter ด้วย แต่พอปรับมาให้เข้ากับสภาพอากาศเมืองไทย เทียบง่าย ๆ ก็คงจะเป็นตัวอย่างว่า แนะนำกลิ่นซิตรัสหรือกรีน เหมาะกับหน้าร้อน และกลิ่นอโรมา, Woody, Oriental สำหรับหน้าหนาวนั่นล่ะครับ
3 – 5 – 7 sprays for projection
เราเชื่อว่าทุกคนต่างฉีดน้ำหอมด้วยจำนวนสเปรย์ที่ไม่เท่ากันแน่ ๆ ครับ และแม้คำแนะนำส่วนใหญ่จะบอกว่าให้ฉีดตรงจุดชีพจร แต่หลายคนอาจน่าจะโฟกัสแค่การฉีดตรงชีพจรแถวข้อมือและข้อพับเสียมากกว่าส่วนอื่น ๆ Spray Routine ที่ Jeremy Fragrance แนะนำให้ฉีด จะเป็นบริเวณครึ่งตัวบนขึ้นไปทั้งหมดเลยครับ ช่วงระยะหลังหู คอจนถึงช่วงอก ไม่มีแนะนำให้ฉีดตรงช่วงขาแขน เนื่องจากบริเวณช่วงตัวบนจะสามารถทำให้กลิ่นฟุ้งกระจายได้ง่ายเวลาขยับตัว และเวลาที่เข้ามาใกล้ชิดกัน คนส่วนใหญ่มักเข้าหากันในลักษณะโน้มครึ่งตัวบนไปหาก่อน กลิ่นน้ำหอมที่ฉีดครึ่งตัวบนก็จะกระจายไปรอบตัวได้ดีนั่นเอง
จำนวนสเปรย์ที่แนะนำให้ฉีด มี 3, 5 และ 7 สเปรย์ครับ โดยการเลือกว่าจะฉีดกี่ครั้งนั้น ควรจะพิจารณาสถานการณ์ที่จะเผชิญ ความหนาแน่นของสถานที่ที่จะไปว่าแออัดไหม? มีบริเวณกว้างหรือไม่? เพราะหัวใจสำคัญในการฉีดน้ำหอม นอกจากจะฉีดให้ตัวเองชอบ ก็ยังเป็นการฉีดที่ส่งผลต่อคนรอบข้างด้วยครับ อาจ Impress หรือ Annoy คนอื่นก็ได้ ฉะนั้นต้องเลือกให้ดี
3 Sprays
สำหรับพื้นที่ที่เป็น Close Encounter สถานการณ์ที่จะต้องอยู่ในที่แคบ (แต่ไม่ใช่จำพวกงานบันเทิง) อย่างเช่น เวลาเดินทางด้วยการขนส่งสาธารณะ รถไฟฟ้า กระทั่งเดินทางบนอากาศเวลาขึ้นเครื่องบิน ควรจะฉีดเพียง 3 สเปรย์เท่านั้น ตรงบริเวณหลังใบหู 2 ข้าง และตรงหลังท้ายทอยอีก 1 จุด จำนวนสเปรย์ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับ Daily Routine วันสบาย ๆ ที่ไม่ได้เดินทางด้วยรถส่วนตัวแล้วครับ และยังช่วยป้องกันไม่ให้ไปรบกวนคนอื่น ไม่ฟุ้งกระจายหรือกลิ่นแรงจนเกินไป
5 Sprays
หลายคนอาจมีปัญหาเรื่องฉีดสเปรย์แล้วไม่เคยมีคนทัก ฉีดไปแล้วกลิ่นไม่ค่อยทน บางทีอาจจะเพราะว่าเลือกจุดฉีดไม่ตรงและฉีดจำนวนน้อยไปก็เป็นได้ครับ ฉะนั้นสำหรับ Daily routine ของหนุ่มออฟฟิศ ฉีดไปทำงาน ไปพบลูกค้า ไปเดท หรือวัยมหาลัยที่ยังไปเรียนอยู่ ให้ฉีดน้ำหอมจำนวน 5 สเปรย์ โดยเริ่มฉีดที่จุดเดิมเหมือน 3 สเปรย์ด้านบน แล้วเพิ่มอีก 2 สเปรย์ไปตรงบริเวณหน้าอกครับ เทียบเป็นช่วง Collar ของเสื้อเชิ้ตก็ได้ ที่เดิมจุดฉีดตรงนี้ เพราะเวลาเราเจอใคร เราจะ Face ด้านหน้าเข้าหาอีกฝ่าย ตอนจังหวะเดินเข้าไปคุย กลิ่นน้ำหอมก็จะฟุ้งกระจายออกมาชัดขึ้นครับ
7 Sprays
และสำหรับใครที่จะไปงานสาย Entertain หรือ Outdoor Event ทั้งหลาย เช่น งานคอนเสิร์ต Festival เข้าร่วมงานที่จัดตอนกลางคืน ไปนั่งบาร์หรือผับก็แนะนำเป็น 7 สเปรย์ครับ โดยให้ฉีดเพิ่มอีก 2 จุดตรงหัวไหล่ทั้งสองข้าง Jeremy บอกว่าเป็นนี่ Perfect Radiance ในเวลาที่เราหันไปมา กลิ่นน้ำหอมจะกระจายออกไปได้ไกล
ซึ่ง 7 สเปรย์ เป็นจำนวนสเปรย์ที่ถือว่าเยอะครับ ใครที่จะทดลองฉีดจำนวนสเปรย์เท่านี้ต้องดูความติดทนและการฟุ้งกระจายของน้ำหอมที่ใช้ด้วยนะครับ หากเป็นตัวที่กลิ่นแรงและจางช้าอยู่แล้ว อาจปรับลดจำนวนให้เหมาะสมกับผิวตัวเองได้
หลังฉีดเสร็จ MenDetails ไม่แน่ใจว่ามีใครติดนิสัยชอบเอาข้อมือหรือแขน ถูกับบริเวณที่เพิ่งฉีดน้ำหอมแต่ละจุดอยู่บ้างรึเปล่าครับ Jeremy แนะนำว่า Don’t rub the fragrance เพราะการเสียดสีกัน จะทำให้ Top Note ให้จางไป หากอยากให้น้ำหอมไล่ระดับการเปลี่ยนกลิ่นของโน้ตตามเวลาก็ให้ระวังไม่ไปถูครับ แต่ในอีกทางหนึ่ง หากใครมีน้ำหอมกลิ่นที่ไม่ค่อยประทับใจ Top Note สักเท่าไหร่ แล้วอยากให้กลิ่นจางไปไว ๆ ลองใช้วิธีนี้ก็ช่วยได้เช่นกันครับ
สุดท้ายตั้งแต่ขั้นตอนก่อนฉีดอย่างการเก็บน้ำหอม การรักษาความสะอาดและทำให้ตัวเองไม่มีกลิ่นตัวแรง ๆ ไปจนถึงการเลือกน้ำหอมและจำนวนครั้งของสเปรย์ที๋ฉีดนั้น ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของ เทคนิคฉีดน้ำหอม ทั้งสิ้นครับ และหลังจากที่ Jeremy รีวิวน้ำหอมมากว่า 6 ปี แนะนำเทคนิคและเรื่องราวของน้ำหอมชายหญิงมานับไม่ถ้วน เขาก็ได้มีแบรนด์น้ำหอมเป็นของตัวเองแล้วครับ Fragrance one ที่ออกแบบกลิ่นให้เหมาะกับสถานการณ์ต่าง ๆ ดูเหมือน office จะเป็นตัวที่ได้รับความนิยมในต่างชาติมากทีเดียว MenDetails อยากจะหาโอกาสลองดูเช่นกัน