อีกหนึ่งร้าน อาหาร Italian Restaurant ที่ซ่อนตัวอยู่ในโรงแรม Grand Hyatt Erawan Bangkok กับรสชาติประหนึ่งไปทานข้าวบ้านเพื่อนชาว Italian ที่ทำอาหารได้จากทุกภูมิภาค ตั้งแต่เหนือจรดใต้ กับ ร้าน Salvia อาหารอิตาเลี่ยนแนว Cozy ที่เหมาะอย่างยิ่ง กับการพาเพื่อนฝูงมานั่งรับประทานร่วมกัน ด้วย Portion ที่ยอดเยี่ยมและราคาดี ที่ทีมงาน MenDetails อยากแนะนำให้มาลองกันดูครับ
Salvia ตั้งอยู่ที่ชั้น M ของโรงแรม Grand Hyatt Erawan Bangkok
ทางเข้าอาจหายากสักหน่อยสำหรับใครที่ไม่เคยเดินทางมาก่อน แต่หากเดินเข้ามาในโรงแรมแล้ว ให้เดินเข้าไปด้านในสุด ขึ้นลิฟท์แล้วกดที่ชั้น M ครับ ร้านจะตั้งอยู่ท้านซ้ายมือเมื่อเดินออกจากโถงลิฟท์ หรือจะเดินขึ้นบันไดวนจากด้านหน้าก็ได้เช่นเดียวกัน บรรยากาศภายในร้านดูอบอุ่น สบาย ๆ และมีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูงเลยครับ แต่ในขณะเดียวกัน หลาย ๆ ท่านก็มักพาให้คิดไปว่า “บรรยากาศแบบนี้ ราคาน่าจะแพงแน่นอน” แต่สำหรับเราแล้ว Salvia คือร้านที่ราคาเหมาะสมกับคุณภาพจริง ๆ ครับ
เริ่มต้นด้วย Burrata e Pomodori ที่ใช้ชีส Burrata สดจากหัวหิน และมะเขือเทศจากสวนปลอดสาร และ Frittura di Calamari e Verdure ปลาหมึกทอดกรอบที่รสแตกต่างจากที่อื่น ๆ ที่เราเคยไปทานมาครับ
สำหรับเมนู Appitizer ที่เราเลือกมาลองครั้งนี้คือสลัด Burrata e Pomodori (390.-) กับชีสคุณภาพเยี่ยม ทำสดใหม่และส่งตรงจากหัวหินที่ทางร้านได้ปรับปรุงสูตรในรูปแบบของตัวเอง บวกกับมะเขือเทศจากฟาร์มใกล้ ๆ กรุงเทพฯ เพื่อให้ได้วัสถุดิบที่สดใหม่ที่สุด บอกเลยว่ารสชาติดีสุด ๆ ครับ ชีสไม่คาว แต่หวานมันกำลังทาน จับคู่กับมะเขือเทศคือดี ต่อด้วย Frittura di Calamari e Verdure (310.-) ถือเป็นเมนูที่ควรสั่งเป็นอย่างยิ่งครับ เนื่องจากเชฟทำแป้งออกมาได้กรอบฟู ทอดแล้วไม่มัน ไม่เลี่ยนดีจริง ๆ แถม Portion คือเยอะ และแบ่งทานได้หลายคน
Pizza Frutti di Mare
Half with Salsiccia e Broccolini
พิซซ่าถือเป็นเมนูที่ต้องลองครับซึ่งถ้าคุณสั่งถาดใหญ่ จะสามารถสั่งหน้าแบบ Half / Half ได้ โดยคิดราคาเมนูที่แพงกว่าเป็นหลัก เราลองสั่ง Half Frutti di Mare และ Half Salsiccia e Broccolini หรือพิซซ่าหน้า Seafood และพิซซ่าหน้า Broccoli บอกเลยว่าหน้าใส่มาแบบจัดเต็ม เรียกว่าคุ้มสุด ๆ ในขนาดที่ทาน 2 คนกำลังอิ่ม โดยหน้า Seafood จะเป็นหน้า Tomato Base ส่วน Broccoli จะเป็น Cheese Base (ไม่ค่อยเห็นในร้านพิซซ่าทั่ว ๆ ไปนะครับ) ซึ่งถาดที่คุณเห็น มาในราคาเพียง 490.- เท่านั้น
Pizza ของที่ร้าน เลือกเป็นแบบ Neapolitan Style ซึ่งถือเป็นเมืองต้นตำรับของพิซซ่าเลยก็ว่าได้ กรอบนอก นุ่มใน ไม่หนาและไม่บาง อบในเตาฟืนและหมักแป้งเป็นเวลา 48 ชั่วโมงตามสูตร Neapolitan แท้ ๆ
Pasta Paccheri neri al Granchio พาสต้าหมึกดำเส้นโต ผัดกับเนื้อปูเน้น ๆ
ทางร้านเลือกผลิตเส้น Paccheri ที่กำเนิดในเมือง Campania ทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี โดยเลือกผสมกับหมึกดำ เป็นพาสต้าเส้นโต หลอดกลม ๆ ผัดกับเนื้อปูเน้น ๆ ที่จัดให้อย่างเยอะ พร้อมหอยต่าง ๆ นา ๆ บอกเลยว่า ทานได้ 3-4 คำ มีอิ่มแน่นอน ทั้งเครื่องและเส้นคืออัดแน่นจริง ๆ Paccheri neri al Granchio (790.-) ถือว่าไม่แพงอย่างที่คิดนะครับ
Tagliata di Manzo สายเนื้อไม่ควรพลาด
เนื้อ Australian Angus Rib Eye น้ำหนัก 350g ย่างด้วยไม้ Grapevine เพื่อให้ได้กลิ่น Smoked ที่หอมกรุ่น ผ่านการ Sous-Vide มาก่อน เพื่อให้ได้เนื้อที่นุ่มเป็นพิเศษ ย่างเพียงเล็กน้อย เสิร์ฟคู่กับ Tomatoes Rocket Salad และ Side Dish ที่คุณสามารถเลือกได้อีก 1 อย่าง โดยเราเลือกเป็น Zucchine ผัดครับ ถือเป็นเมนูที่ยอดเยี่ยมแบบไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ เนื้อนุ่มแบบสุด ๆ พร้อมสลัดไว้ตัดเลี่ยน ส่วน Zucchine ผัดนั้น รสชาติกลมกล่อมกำลังดี ยิ่งทานคู่กับเนื้อหอมกลิ่นรมควันด้วยแล้ว รสชาติกลมเป็นที่สุดครับ
ปิดท้ายด้วย Homemade Tiramisu
มาทาน อาหาร Italian ทั้งที ของหวานก็ต้องลอง Tiramisu Mascapone (190.-) ให้ครบ ๆ ซึ่งทางร้านก็ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมอีกเช่นเดียวกัน รสชาติดี และมาใน Portion ที่เหมาะแก่การแบ่งเป็นอย่างยิ่ง ถือเป็นของหวานที่ปิดค่ำคืนอาหารอิตาเลี่ยนได้อย่างลงตัว
ที่ Salvia ยังมีเมนูเครื่องดื่มให้ทุกท่านได้เลือกสั่งกัน ตั้งแต่ Classic Cocktail ไปจนถึงเครื่องดื่มที่ทางร้านรังสรรขึ้นมาในรูปแบบเฉพาะ เพื่อทานคู่กับอาหารของทางร้านนั่นเอง
นี่คืออีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่เราอยากแนะนำให้ทุกท่านได้มาลองชิมอาหารแนว อิตาเลี่ยน กันดูครับ จาก Chef Roberto ที่เริ่มต้นทำอาหารมาตั้งแต่อายุเพียง 14 ปีเท่านั้น ซึ่งถ้าอาหารสไตล์อิตาเลี่ยนคือความหลงไหลของคุณแล้ว ร้าน Salvia น่าจะเป็นอีกหนึ่งร้านที่คุณไม่ควรพลาดนะครับ