หากจะพูดถึงหนึ่งในนาฬิกาที่สร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ RADO มากที่สุดรุ่นหนึ่ง เห็นทีคงจะตกหล่นนาฬิกาดำน้ำ หรือ Diver’s Watch ที่มีชื่อรุ่นว่า “Captain Cook” ไปไม่ได้แน่นอน และในปี 2019 นี้เองที่ทาง RADO ได้หยิบเอาโอกาสครบรอบ 250 ปีของการเดินทางอันยิ่งใหญ่ของ “กัปตันเจมส์ คุก” นำนาฬิกาดำน้ำรุ่นนี้ของตัวเองมาผลิตในเวอร์ชั่น Original Limited Edition ที่มีหน้าตาและะขนาดที่เหมือนกับรุ่นดั้งเดิมแรกสุดในปี 1962 แทบทุกประการ วันนี้ MenDetails ได้มีโอกาสหยิบเอานาฬิกาสุดพิเศษรุ่นนี้มาบอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ รวมทั้งจุดเด่นและสไตล์ของนาฬิกาเรือนนี้อย่างละเอียด ว่าแล้วก็ตามเราไปชมกันได้เลยครับ
Captain James Cook
ในปีค.ศ. 1769 กัปตันเรือและนักเดินทางชาวอังกฤษที่มีชื่อว่า “เจมส์ คุก” (Captain James Cook) ได้ออกเดินทางด้วยเรือหลวง ‘HMS Endeavour’ ของอังกฤษ ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติคทางตอนใต้ ผ่านแหลมฮอร์น (Cape Horn) ของประเทศชิลี วนเข้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิกจนค้นพบกับดินแดนที่มีชื่อว่า “นิวซีแลนด์” และ ได้เดินทางต่อจนสามารถสำรวจแนวชายฝั่งทางตะวันออกของทวีปออสเตรเลียได้อย่างสมบูรณ์เป็นครั้งแรกของโลก และในปีค.ศ. 2019 นี่เองก็ประจวบเหมาะครบรอบ 250 ปีของการค้นพบดังกล่าวโดยกัปตันเจมส์ คุกแบบพอดิบพอดี
RADO ‘Captain Cook’ Limited Edition
แบรนด์นาฬิกา RADO ยกย่องวีรกรรมของนักเดินทางผู้นี้และได้ตั้งชื่อนาฬิกาสไตล์ ‘Diver’s Watch’ (นาฬิกาดำน้ำ) เรือนแรกของตัวเองว่า “Captain Cook” ตั้งแต่ปีค.ศ. 1962 และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีจนไม่อาจเปลี่ยนชื่อเป็นชื่ออื่นได้อีกเลย
นาฬิกา RADO ‘Captain Cook’ รุ่นดั้งเดิมที่สุดในปีค.ศ. 1962 นั้น ผลิตออกมาในขนาดหน้าปัด 37 มิลลิเมตรเป็นรุ่นแรกสุด ซึ่งต่อมาทาง RADO ได้เพิ่มเวอร์ชั่นขนาดหน้าปัด 45 มิลลิเมตรออกมาอีกรุ่นหนึ่งภายหลังสำหรับผู้ชายที่มีข้อมือค่อนข้างใหญ่ อย่างไรก็ดีด้วยเทรนด์ความนิยมนาฬิกาข้อมือผู้ชายที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ RADO Captain Cook ขนาดหน้าปัด 37 มิลลิเมตรที่เป็นรุ่นดั้งเดิมออริจินอลที่สุดนั้น ค่อยๆหายไปจากตลาดอย่างน่าเสียดาย
แต่ในปี 2019 ที่ครบรอบ 250 ปี สำหรับการเดินทางอันยิ่งใหญ่ของกัปตันคุก ทาง RADO จึงได้ตัดสินใจหยิบ RADO ‘Captain Cook’ ขนาดดั้งเดิมคือ 37 มิลลิเมตร มาผลิตใหม่อีกครั้งในรูปแบบ ‘Limited Edition’ มีเพียงสีเดียวคือหน้าปัดสีน้ำตาล และผลิตจำนวนจำกัดเพียง 1,962 เรือนทั่วโลกเท่านั้น และ MenDetails ขอยอมรับตามตรงว่า เราเองรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยกับนาฬิกา Diver’s Watch ที่มีขนาด 37 มิลลิเมตร เพราะมันกลายเป็น “ของหายาก” ไปเสียแล้วในยุคนี้
RADO ได้จัดแพ็คเกจเรือนนาฬิกา Captain Cook Limited Edition ในซองหนังสวยงามที่มาพร้อมกับ “สายนาฬิกา” ถึง 3 แบบ ให้เลือกปรับใส่ตามสไตล์ส่วนตัวของผู้ชายแต่ละคน ทั้งสายหนังนูบัค (Nubuck) สีน้ำตาลสำหรับอารมณ์ Workwear, สายสเตนเลสถัก ‘Milanese’ ที่เพิ่มความเป็นทางการมากขึ้น และสายสปอร์ตเต็มขั้นอย่าง Military Nato Strap พร้อมอุปกรณ์ในการเปลี่ยนสายครบครัน ทั้งหมดได้รับการจัดเรียงอยู่ภายในซองหนังที่บ่งบอกถึงความคลาสสิกย้อนยุคสไตล์วินเทจ (Vintage) และท้าทายงานฝีมือช่างแบบ Do it yourself สำหรับผู้ชายที่ต้องการลงมือเปลี่ยนสายนาฬิกาด้วยตัวเอง ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากเย็นแต่อย่างใด หากพวกเราเอาใจใส่กับนาฬิการุ่นนี้มากพอ
การออกแบบภายนอกของ RADO ‘Captain Cook’ Limited Edition 2019 ยึดถือเอารูปแบบดั้งเดิมมาใช้แทบทุกประการ ด้วยตัวเรือนสแตนเลสขนาด 37 มิลลิเมตร ที่มีขนาดเท่ากันกับรุ่นดั้งเดิมอย่างแท้จริง พร้อม “ม้าน้ำสามตัว” ประทับตราอยู่ที่ฝาหลังตัวเรือน มีขอบหน้าปัดแบบหมุนได้สไตล์ “นาฬิกาดำน้ำ” อีกทั้งเข็มบอกเวลารูป “ลูกศร” และ “ดาบ” ที่โดดเด่นเป็นคุณลักษณะดั้งเดิมของ Original Captain Cook ก็ยังคงอยู่ครบถ้วนไม่มีผิดเพี้ยนไป
แม้ดีไซน์ภายนอกทุกอย่างจะเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาใน RADO ‘Captain Cook’ Limited Edition สำหรับปี 2019 ก็คือ “นวัตกรรม” ที่ก้าวหน้าขึ้นกว่าปี 1962 ไปมากแล้ว โดย RADO ได้ทำการพัฒนาวัสดุในการทำนาฬิกาอย่างหลากหลายจนค้นพบ Hi-tech Ceramic ที่มีน้ำหนักเบาลงกว่าเซรามิกทั่วไป อีกทั้งทนทานต่อรอยขีดข่วนเป็นเลิศ ที่สำคัญคือ “ไม่อมอุณหภูมิ” ทำให้นาฬิกาไม่ร้อนเมื่อตากแดด และไม่เย็นจนใส่แล้ว “เสียวข้อมือ” เมื่อตากแอร์อีกด้วย นอกจากนี้คือระบบการเดินเข็มแบบอัตโนมัติ (Automatic) ที่สำรองพลังงานเดินเข็มไว้ได้ถึง 3 วัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เทคโนโลยีเมื่อปี 1962 ไม่สามารถทำได้
Redefining Vintage Diver’s ‘RADO Captain Cook’
MenDetails ชื่นชอบนาฬิกาที่มีประวัติความเป็นมา และมีเรื่องราวในตัวเองอยู่เป็นทุนเดิม การนำ RADO ‘Captain Cook’ มาปรับด้วยนวัตกรรมทางวัสดุและเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้น โดยยัง ‘เคารพ’ การออกแบบดั้งเดิม จึงถือเป็นสิ่งที่น่าสนใจและน่าชื่นชมในความคิดของเรา
ด้วยความที่รุ่น Limited Edition นี้มีหน้าปัดเพียงสีเดียวคือสีน้ำตาล ซึ่งอันที่จริงก็ทำให้เราตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น และการหยิบเอา “สายนาฬิกา” แบบต่างๆมาเข้าคู่ ก็จะช่วยให้เราปรับลุคการใช้งานได้หลากหลายขึ้น แต่ถ้าขี้เกียจเปลี่ยนสาย MenDetails เองก็มองว่าสายหนังนูบัค ที่ให้ความอารมณ์ของความสมบุกสมบันเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็ยังเรียบร้อยมากพอที่จะแมตช์กับสไตล์ของผู้ชายที่หลากหลาย สีที่ออกด้านๆ และพื้นผิวที่ขรุขระอยู่บ้างของสายหนัง ทำให้จับคู่กันได้ดีกับความดิบของยีนส์เดนิม สวมใส่คู่กับเสื้อแจ็กเก็ตยีนส์สีฟอกดีๆสักตัว ช่วยขับให้สีน้ำตาลของนาฬิกาเด่นขึ้นได้จริงๆ
นอกจากนี้อารมณ์ของสายหนังและหน้าปัดสีน้ำตาล ยังเข้ากันได้อย่างยิ่งกับเสื้อแจ็กเก็ตทหาร เราสามารถเลือกเสื้อแจ็กเก็ตทหารหลากหลายแบบไม่ว่าจะเป็นจากยุคเดียวกันอย่าง M-65 หรือจะเป็นเสื้อ Overshirt ลายพรางตามตัวอย่างที่เรานำมาใส่ให้ดูแบบนี้ก็ดูดีเช่นกัน ลองใส่เข้าคู่กับกางเกงยีนส์ผ้าดิบหรือกางเกงสีขาวสักตัว สีเขียวลายพรางวินเทจของเสื้อจะตัดกับสีกางเกงและไปกันได้ดีกับนาฬิกา RADO ‘Captain Cook’ สีน้ำตาลเป็นอย่างยิ่ง
และถ้าอยากจะแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย RADO ‘Captain Cook’ ก็สามารถทำได้เช่นกัน เลือกใส่ RADO เรือนนี้กับ Sport jacket สีกรมท่าตัดกับสีน้ำตาลของหน้าปัดนาฬิกา ขนาดหน้าปัด 37 มิลลิเมตร จะช่วยให้ตัวนาฬิกาไม่ยันแขนเสื้อแจ็กเก็ตจนยับย่น ทำให้สไตล์การแต่งกายของเราดูเนี้ยบขึ้น พร้อมออกงานปาร์ตี้ หรืองานเลี้ยงช่วงค่ำได้อย่างมั่นใจ
การหยิบสไตล์วินเทจ ผสมผสานกับความโมเดิร์น และกระแสแนวทางการแต่งกายที่ลำลองมากขึ้นกว่ายุคก่อน ถือเป็นศิลปะที่ผู้ชายทุกคนที่ชื่นชอบในความคลาสสิคของเครื่องแต่งกาย ควรที่จะประยุกต์ใช้ได้อย่างลื่นไหลเป็นธรรมชาติ นาฬิกา RADO ‘Captain Cook’ Limited Edition เรือนนี้ก็เช่นกัน แม้ขนาด 37 มิลลิเมตร อาจไม่ใช่ขนาดที่ผู้ชายสมัยใหม่นิยม แต่เอาเข้าจริงเมื่อสวมใส่แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าเล็กเกินไปแต่อย่างใด อีกทั้งยังอัดแน่นไปด้วยอารมณ์คลาสสิคและเสน่ห์ของความวินเทจที่นาฬิกาเรือนนี้มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม เลือก Mix & Match และใส่ให้ถูกกาลเทศะ MenDetails เชื่อว่า RADO ‘Captain Cook’ Limited Edition จะกลายเป็นนาฬิกาที่เราอยากจะหยิบมาใส่ทุกวันได้แน่นอน
RADO ‘Captain Cook’ Limited Edition วางจำหน่ายจำนวนจำกัด ที่เคาน์เตอร์นาฬิกา RADO ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร. 02-610-0200