Mercedes Benz ยังคงเดินหน้าในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อม ๆ กับความตั้งใจในการเป็นผู้นำยานยนต์ของตลาดรถยนต์ไทย โดยในงาน Ambition for the Future ครั้งล่าสุด ก็มีการแถลงเปิดตัวรถยนต์และแผนการตลาดสำหรับปี 2024 ที่กำลังจะมาถึงนี้ โดยแบรนด์ย้ำถึงความต้องการเดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตขึ้น ทำให้แบรนด์นำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ มาเสริมในตลาดไทย และในคราวนี้ก็เป็น Mercedes Benz EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic และ Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ ที่จะมาเสริมใน Segment SUV ที่ขับได้ทั้ง On และ Off Road กับ Segment สำหรับคนที่ชอบความเร็ว
นอกจากนี้โมเดลการตลาดใหม่ ที่ชื่อว่า Retail of the Future ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน และจะทำให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกสบายมากขึ้นในปีหน้า ส่วนรายละเอียดของแต่ละอย่างนั้นจะเป็นอย่างไร MenDetails ได้สรุปข้อมูลคร่าว ๆ มาไว้ในบทความนี้แล้วครับ
Retail of the Future โมเดลธุรกิจที่โปร่งใส เท่าเทียม และได้มาตรฐาน
หนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจของงานในครั้งนี้ คือการเผยแนวคิดของโมเดลธุรกิจใหม่ ที่ชื่อว่า Retail of the Future ที่ทางแบรนด์เตรียมปรับใช้ในช่วงต้นปี 2024 ด้วยเป้าหมายหลักในการยกระดับมาตรฐานของธุรกิจค้าปลีกให้กับตลาดรถยนต์ระดับ Luxury ในประเทศไทย เน้นความโปร่งใสของราคาและข้อเสนอจากทุกผู้จำหน่ายฯ ที่มีความเท่าเทียมกัน ไปจนถึงเรื่องการจัดการความพร้อมของสต็อกรถยนต์ และการยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้บริการ ด้วยมาตรฐานแบรนด์ โดยที่ผู้จำหน่ายฯ จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในทุกขั้นตอนของการบริการลูกค้า นอกจากนี้ในโมเดลธุรกิจใหม่ จะไม่ได้เน้นเพียงแค่การขายรถยนต์ผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น แต่จะส่งเสริมเครือข่ายการค้าปลีกของแบรนด์ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างไร้รอยต่อ
ด้วยโมเดลธุรกิจใหม่นี้ นอกจากจะทำให้แบรนด์มีภาพลักษณ์ที่โปร่งใสในด้านราคาสินค้าและบริการด้วยกระบวนการจัดการที่มีมาตรฐานแล้ว ผู้ใช้บริการทุกคนก็จะได้รับการเสนอราคาและข้อเสนอที่เหมาะสมที่สุดจาก Mercedes Benz ไม่ว่าจะไปใช้บริการที่ใดในประเทศไทยก็ตาม และยังสามารถทราบข้อมูลสต็อกของรถยนต์ทุกรุ่นจากทุกผู้จำหน่ายฯ ไม่ว่าจะเป็นผ่านช่องทางออนไลน์หรือออฟไลน์ ซึ่งทางผู้จำหน่ายฯ จะอยู่ในทุกขั้นตอนการซื้อรถของลูกค้า ตั้งแต่การทำใบเสนอราคา การทดลองขับ จนไปถึงขั้นตอนการสั่งจอง และการส่งมอบรถยนต์ โมเดลธุรกิจนี้จะทำให้ผู้จำหน่ายไม่ต้องแบกรับภาระด้านการจัดการคลังสินค้าและสต็อกรถยนต์ เพราะรถจะถูกนำส่งมาจากคลังสินค้ากลาง ทำให้ตัวผู้จำหน่ายฯ จะไม่มีค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บสต็อกและความเสี่ยงด้านต้นทุนของธุรกิจเช่นกัน การปรับโมลเดลธุรกิจนี้ของแบรนด์ทำให้ขั้นตอนต่าง ๆ ของทั้งผู้ซื้อและผู้ขายมีประสิทธิภาพที่สุด ผู้ขายไม่ต้องเสี่ยง ผู้ซื้อก็ได้รถยนต์รุ่นและออฟชันที่ตัวเองต้องการ เป็นประสบการณ์ที่ดีกับทุกฝ่าย
Mercedes Benz EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic ลุยตลาด SUV
นอกจากโมเดลธุรกิจใหม่ที่จะมาทำให้การซื้อขายรถมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทางแบรนด์ก็ยังคงเดินหน้าสานต่อเป้าหมายของตัวเองในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศอย่างต่อเนื่อง และในครั้งนี้ก็มีการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าถึงรุ่นด้วยกัน เพื่อมาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในกลุ่มที่ต่างกันไป โดยรุ่นแรกที่เปิดตัว คือ EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic รถ SUV ไฟฟ้า 100% ขนาดกลางที่มาพร้อมระบบการขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ All-Wheel Drive ทำให้รถยนต์คันนี้ขับขี่ได้ทั้งแบบ On และ Off Road มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 6.6 วินาที และสามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลกว่า 558 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง
รถรุ่นนี้มีความอเนกประสงค์ตามแบบฉบับรถ SUV ที่มาพร้อมความสะดวกสบายในการขับขี่และการนั่งโดยสาร โดดเด่นในเรื่องดีไซน์ ในส่วนภายนอกตกแต่งด้วยชุดแต่ง AMG Exterior Package พร้อมอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่มปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า Digital Light ความละเอียดสูง ไฟท้าย 3D helix design แบบคาดยาวตลอดช่วงท้ายรถ ไปจนถึงระบบกุญแจแบบ Keyless-Go พร้อมมือจับประตูแบบไร้รอยต่อ
ในขณะที่ภายในห้องโดยสารให้ความรู้สึกกว้างขวาง และความหรูหราด้วยการตกแต่งแบบ AMG Line Interior เบาะคู่หน้าแบบ Sport seats สามารถปรับระดับด้วยไฟฟ้าและเสริมด้วยฟังก์ชันหน่วยความจำแบบ memory seat ส่วนหน้าจอแสดงผลบริเวณแผงคอนโซลกลาง MBUX Hyperscreen ขนาด 56 นิ้ว ก็โดดเด่นและสวยงามไม่แพ้กัน โดยเป็นการออกแบบตามแนวคิด Zero Layer Concept ทำให้หน้าจอเป็นหน้าจอเดียวกันทั้งแผง แต่สามารถแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบไปด้วย หน้าจอ OLED ตรงกลางขนาด 17.7 นิ้ว ฝั่งซ้าย 12.3 นิ้วสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า และหน้าจอ LED แสดงผลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว สำหรับผู้ขับขี่ สามารถควบคุมระบบการขับขี่ด้วยการสัมผัสบริเวณจอกลางผ่านฟังก์ชัน Dynamic Selected และสามารถปรับโหมดการขับขี่ได้หลากหลาย ทั้ง Eco, Comfort, Sport, Individual และ Off Road ทำให้เป็นรถแสนอเนกประสงค์ที่พร้อมรองรับทุกความต้องการ
เทคโนโลยีการขับขี่ในรถคันนี้ก็จัดเต็มเช่นเคย ไม่ว่าจะเป็นระบบแผนที่นำทางแบบ Hard-disc navigation ด้วยแผนที่แบบ 3 มิติ ระบบยืนยันผู้ใช้งาน และบริการ Mercedes me connect ผสานการทำงานกับระบบมัลติมีเดียแบบ MBUX นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบเสียงรอบทิศทางแบบ Burmester® 3D surround sound system ให้การฟังพลังเต็มอิ่มในทุกการเดินทาง มาพร้อมระบบความปลอดภัยตามมาตรฐานของแบรนด์ เช่น ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่, ระบบรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร, ระบบช่วยเบรกแบบแอ็คทีฟ ไปจนถึงระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน และการติดตั้งกล้องรอบคันแบบ 360 องศา ทั้งหมดนี้ในราคา ในราคา 5,650,000.-
Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ รถยนต์ไฟฟ้าที่คงจิตวิญญาณและความหรูหราของ AMG ไว้อย่างครบถ้วน
นอกจากรถ SUV ที่ตอบโจทย์ความต้องการได้หลากหลาย ทางแบรนด์ยังมี Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ เปิดตัวอีกหนึ่งรุ่น เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% สมรรถนะสูงจากตระกูล AMG ที่โดดเด่นด้วยการใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ขั้นสูงรุ่นใหม่ล่าสุดแบบ Ultra-lightweight high-performance battery นำมาพัฒนาร่วมกับเทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้าจากรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขัน FORMULA 1® ทำให้รถยนต์มีการตอบสนองและพละกำลังตามแบบฉบับ Mercedes-AMG ที่ใช้ในสนามแข่ง เพื่อเอาใจคนรักความเร็วของ AMG ไว้ไม่เปลี่ยนแปลงแม้จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าก็ตาม
รถคันนี้มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 3.5 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 220 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีระยะทางขับขี่สูงสุด 526 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง
ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยชุดแต่ง AMG Exterior Package เน้นตกแต่งอย่างหรูหราด้วยวัสดุสีดำ ติดตั้งไฟหน้า Digital Light มีระบบกันสะเทือนและช่วงล่างแบบ AMG Ride Control+ รองรับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงด้วยระบบบังคับเลี้ยวที่สามารถทำมุมเลี้ยวได้สูงสุดถึง 3.6 องศา สำหรับลดวงเลี้ยวให้แคบลง เพื่อความปลอดภัยขั้นสูงในการขับขี่ นอกจากนี้ยังมีระบบถ่ายทอดเสียงเครื่องยนต์อย่าง AMG Sound Experience ให้ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ด้วยไฟฟ้าอันทรงพลัง โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดและปรับระดับความดังให้เข้ากับสถานการณ์การขับขี่ได้ และสามารถควบคุมเสียงของเครื่องยนต์ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Balanced, Sport และ Powerful ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างเร้าใจตามแบบฉบับของ AMG
ในห้องโดยสารตกแต่งอย่างหรูหรา และโฉบเฉี่ยว ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งแบบ AMG Sport Seats พร้อมพวงมาลัยแบบ AMG Performance steering wheel หน้าจอแสดงผลบริเวณแผงคอนโซลกลาง MBUX Hyperscreen ขนาด 56 นิ้ว แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบไปด้วย หน้าจอ OLED ตรงกลางขนาด 17.7 นิ้ว ฝั่งซ้าย 12.3 นิ้วสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า และหน้าจอ LED แสดงผลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว สำหรับผู้ขับขี่ โดยสามารถแสดงผลในโหมด AMG ได้โดยเฉพาะ และยังมีเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมาย เช่น ระบบนำทาง MBUX augmented reality ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ ระบบฟอกอากาศ และระบบชาร์จไร้สายสำหรับที่นั่งด้านหน้า รวมถึงระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Burmester® 3D surround sound system
สำหรับเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยก็ครบเครื่องไม่ต่างกัน ทั้งกล้องมองรอบคันแบบ 360 องศา ระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบ Driving assistance package ที่รวบรวมระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ไว้อย่างครบถ้วน ทั้งระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ และอีกมากมาย ทำให้รถคันนี้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ที่คงจิตวิญญาณของ AMG ไว้อย่างครบถ้วน ในราคา 5,950,000.-
การแถลงเปิดตัวรถและโมเดลธุรกิจครั้งนี้ของ Mercedes Benz ก็เป็นอีกครั้งที่แสดงให้เห้นว่าแบรนด์พร้อมจะเดินหน้าในตลาดรถยนต์ไทย ทั้งในแง่ของการบริการที่พัฒนายิ่ง ๆ ขึ้น ให้ผู้ใช้บริการได้รับประสบการณ์ที่ดี และการเพิ่มรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ เข้ามาเป็นทางเลือกเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มต่าง ๆ และทำให้เราอดคาดหวังไม่ได้ว่า ในปีหน้าแบรนด์จะมีอะไรสำหรับตลาดรถยนต์ไทยอีก ส่วนใครที่สนใจจับจองรถยนต์ EQE ทั้งสองรุ่น ก็สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศครับ