สิ่งหนึ่งที่คนเดินทางไปต่างประเทศช่วงนี้ต้องเตรียมพร้อมมากที่สุดเลยก็คือ “อากาศ” เพราะอากาศที่ต่างประเทศนั้นแตกต่างจากที่ไทยมาก โดยเฉพาะหน้าหนาวแบบนี้ หลายคนอาจจะเดินทางไปดูหิมะ ไปเทือกเขาหิมาลัย หรือลุยกิจกรรมต่างๆ ดังนั้นการแต่งกายควรแต่งให้เหมาะสม วันนี้ MDs’ เลยหยิบเอาวิธีการแต่งกายแบบ Layering มาฝากกันครับ
Layering คืออะไร
การแต่งกายแบบ Layering คือการหยิบเอาเสื้อผ้าในแต่ละประเภทมาใส่เป็นชั้นๆ ซ้อนทับกันไปเรื่อยๆ ซึ่งแต่ก่อน (ก่อนที่จะมีการพัฒนาเส้นใยผ้าอย่างปัจจุบัน) นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต้องใส่เสื้อผ้ากันหนามาก เพื่อกักเก็บความร้อนไว้กับร่างกาย บางคนถึงกับเดินไม่ออก งอแขนไม่ค่อยได้กันเลยทีเดียว แต่ปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ที่พัฒนามากขึ้น ทำให้เราเลือกแต่งกายได้ง่าย และสะดวกในการขนไปเที่ยวอีกด้วย
การแต่ง Layering มีการซ้อนทับหลักๆ ประมาณ 4 ชั้นนะครับ
- Base Layer หรือ ที่เราเรียกกันว่า ลองจอน เป็นชั้นที่ขาดไม่ได้ เพราะมันเป็นชั้นก่อนที่ความหนาวจะกระทบกับผิวหนังของเรา ดังนั้นชั้นนี้จึงควรเป็นชั้นที่กักเก็บความร้อนได้ดีที่สุด และต้องไม่อุ้มน้ำเพราะน้ำ จะยิ่งทำให้เรารู้สึกเย็นมากขึ้น อีกจุดที่ควรสังเกตก็คือ ควรผลิตการวัสดุที่ไม่ใช่ผ้า Cotton นะครับเพราะนอกจากจะซึมซับน้ำได้ดีแล้ว ยังแห้งช้าอีกด้วย (ไม่ได้ช่วยอะไรเลย)
- Mid-Layer ชั้นนี้เปรียบเสมือนปราการด่านที่ 2 ก่อนถึงผิวเราครับ เราควรเลือกเป็นวัสดุผ้าขนสัตว์ เพื่อเสริมความอบอุ่นให้กับร่างกายให้มากขึ้น หากไม่ชอบผิวสัมผัสของผ้าขนสัตว์ MDs’ แนะนำเป็นผ้า Polyester หรือ Sweater ก็ได้เช่นเดียวกัน
- Insulated Layer ชั้นนี้ถือเป็นชั้นที่เผชิญกับสภาพอากาศภายนอกโดยตรง หน้าที่หลักของชั้นนี้ก็คือการป้องกันความเย็นจากภายนอกวิ่งเข้าสู่ผิวด้านในของเราให้ได้มากที่สุด จึงนิยมหยิบเอาขนสัตว์มาผลิตเสียส่วนใหญ่ เพราะสามารถป้องกันความเย็นได้ดี หรือจะเป็นผ้า Nylon ที่เสริมใยสังเคราะห์ก็ได้เช่นกัน แต่ที่ดังที่สุดช่วงนี้คงหนีไม่พ้นแจ็คเก็ตขนเป็ดนี่แหละครับ ใส่สบาย เบา ประหยัดพื้นที่ ครบเลย
- Outer Shell Layer เป็นชั้นนอกสุดมักใส่ในกรณีที่ต้องเจอฝน เจอลมแรง หรือเจอหิมะเป็นต้น เพราะต้องผลิตแบบพิเศษให้ได้คุณสมบัติ Windbreaker / Waterproof เช่น Parka เป็นต้น
แต่ถ้าคุณไม่ได้ไปหนาวขนาดต้องใส่ถึง 4 ชั้นหล่ะ
คงมีไม่กี่ประเทศในโลกครับที่จำเป็นต้องใส่ถึง 4 ชั้นแบบจัดเต็ม ปกติแล้ว ด้วยอุณหภูมิประมาณเลขตัวเดียวถึงติดลบไม่มาก ถือเป็นอากาศที่คนไทยนิยมเดินทางไปเที่ยวกันครับเช่น อังกฤษ / ญี่ปุ่น / และประเทศในโซนยุโรปเสียส่วนใหญ่ ดังนั้นควรใส่แบบไหนอย่างไรดี?
จริงๆ สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมากที่สุดเลยสำหรับอากาศหน้าหนาวแบบอุณหภูมิเลขตัวเดียวถึงติดลบก็คือ Base Layer ครับ เพราะถ้าเราได้เสื้อผ้าที่ดีในชั้นนี้ มันจะช่วยให้การแต่งกายของเราง่ายขึ้น สะดวกมากขึ้นในการขนเสื้อผ้า ทำให้ไม่จำเป็นต้องขนเสื้อกันหนาวกันไปเยอะแยะมากมายจนเกินเหตุนั่นเอง ซึ่งจากทริปญี่ปุ่นที่เราไปมา MDs’ เลือกใส่เป็น Base Layer Omini-Heat จาก Columbia แล้วใส่เสื้อยืดทับครับ ก่อนจะจบลงด้วยเสื้อ Hoodie อีกหนึ่งตัวเท่านี้ก็สามารถทนอากาศหนาวได้สบายๆ
Omni-Heat™ Reflective คือเทคโนโลยีแบบหนึ่งที่ทาง Columbia คิดค้นขึ้นเพื่อกักเก็บความร้อนให้อยู่ในตัวเสื้อ โดยนำเอาเทคโนโลยีจาก NASA ที่เป็นฟอยล์ไว้ห่มเผื่อว่าสภาพอากาศในยานอวกาศเปลี่ยนไปเพื่อเก็บความร้อนนั่นแหละ มาผลิตเป็นเม็ดฟอยล์เล็กๆ ลักษณะเป็นจุดกลมๆ อยู่ด้านในของตัวเสื้อ ซึ่งเจ้าจุดเล็กๆ เหล่านี้จะสะท้อนความร้อนที่ร่างกายผลิตกลับเข้าหาตัวเรา แต่ยังพอมีช่องระหว่างจุดเหล่านั้นเพื่อระบายอากาศด้วยเช่นกัน ซึ่งผลิตในนามเทคโนโลยีที่ชื่อว่า OMNI-WICK® เอกสิทธิ์ของ Columbia เท่านั้น
มันคือ Base Layer ที่เก็บความร้อนได้ดีที่สุดเท่าที่เราเคยใส่มา
ถือว่าเป็น Base Layer ที่เราชอบที่สุด และน่าจะเป็นตัวโปรดสำหรับทุกทริปที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ยังไงเราก็จะติดเจ้า Base Layer ตัวนี้ไปด้วยแน่นอนครับ เพราะมันใส่ซ้ำได้บ่อย (มีเทคโนโลยี Antimicrobial ที่ป้องกันการเกิด Bacteria ด้วย) และเจ้า Base Layer ตัวนี้ยังสามารถใส่ลุยที่อุณหภูมิติดลบกว่า 10 องศาได้สบายๆ
สรุปเลยคือ Base Layer Omni-Heat จาก Columbia ถือเป็น Base Layer ที่ดีที่สุดตัวหนึ่งในท้องตลาด ใส่ง่าย สบาย และด้วยการตัดเย็บที่ละเอียด ทำให้รอยต่อต่างๆ ไม่ระคายเคืองผิว ตัวผ้าแนบชิดติดกับผิวผู้ใส่ แถมกักเก็บความร้อนที่ร่างกายเราผลิตไม่ให้ออกจากตัวผ้าได้ดีกว่าตัวอื่นๆ ที่ MDs’ เคยลองมา
ใครกำลังจะไปเมืองนอก อยากมี Base Layer ดีๆ สักตัว MDs’ แนะนำตัวนี้เลยครับกับ Base Layer Omni-Heat จาก Columbia รับรองว่าซื้อไปแล้วไม่ผิวหวังแน่นอน