1. ‘ความกลัว’ คือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด
คนเรามักจะรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เรา “ไม่ได้ทำ” มากกว่าสิ่งที่เราได้ลองทำแล้วแต่ประสบความล้มเหลว เมื่อเรามีความฝันหรือความตั้งใจที่คิดอยากจะทำแต่ไม่เคยได้ลงมือทำสักทีเพราะมัวแต่กลัวโน่นนี่ กลัวว่าจะล้มเหลว กลัวว่าจะผิดพลาด กลัวสารพัดจะกลัว สิ่งเหล่านี้นี่แหละที่จะทำให้เรานึกเสียใจภายหลังเมื่อเรามองย้อนกลับไป ‘ความกลัว’ จึงกลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่คุณควรระวังเอาไว้ให้ดี อย่าปล่อยให้ความกลัวมาทำลายความฝันและความตั้งใจของเรา แต่จงนำความกลัวมาเสริมให้เรารู้จักวางแผนอย่างรอบคอบมากขึ้น เชื่อเถอะว่าถึงแม้เมื่อลงมือทำแล้วล้มเหลว แต่คุณจะรู้สึกภูมิใจในตัวเองและไม่เสียใจภายหลังแน่นอนครับ
2. ทำสิ่งใดก็ย่อมจะได้ผลของสิ่งนั้นกลับมา
‘อย่าโทษคนอื่น’ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราประสบพบเจอในชีวิตของเรานั้น คือผลลัพธ์จากการกระทำของตัวเราเองทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเรียนไม่จบ, หางานทำไม่ได้, ไม่ร่ำรวยสักที หรือแม้แต่สิ่งดีๆและความสำเร็จในชีวิตก็คือผลลัพธ์ที่สะสมมาจากการกระทำของเรา และการกระทำของเราในวันนี้ก็จะส่งผลไปสู่อนาคตของเราเช่นกัน หากเราตั้งใจที่จะประสบความสำเร็จอะไรก็ตาม อย่าได้หวังพึ่ง ‘โชคชะตา’ หรือฝันลมๆแล้งๆว่าจะมีคนมาช่วยโดยตัวเราเองไม่ลงมือทำจริงๆ ดังนั้นจงระลึกไว้เสมอว่า “ทำสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้นกลับมา”
3. สิ่งที่แน่นอนนั่นก็คือ ‘ความไม่แน่นอน’
หากไม่นับการ “เกิด แก่ เจ็บ ตาย” ที่เราทุกคนย่อมต้องเผชิญกันชัวร์ๆแล้วล่ะก็ ชีวิตเราของคนเราแทบไม่มีสิ่งใดแน่นอนเลยสักนิดเดียว วันนี้เรารวย แต่พรุ่งนี้เราอาจจะต้องเสียเงินก้อนใหญ่ วันนี้เรามีบ้านหลังใหญ่ แต่พรุ่งนี้บ้านเราอาจจะถูกไฟไหม้ไม่เหลือเลยก็เป็นได้ ‘ความไม่แน่นอน’ คือสิ่งที่จะอยู่คู่กับชีวิตคนเราเสมอ สำคัญคือเราต้องไม่ประมาทกับชีวิต รู้จักตั้งสติ และยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นว่ามันเป็นของปกติธรรมดา เมื่อเรามีความมั่นคงทางจิตใจ หรือ ‘นิ่ง’ มากพอ ก็จะทำให้เราจัดการกับความไม่แน่นอนเหล่านี้ได้ดีขึ้นกว่าคนอื่น การวางแผนชีวิตในระยะยาวและตั้งอยู่บนความไม่ประมาทจะช่วยทำให้รับมือกับ ‘สัจธรรมชีวิต’ ข้อนี้ได้ดีขึ้นครับ
4. ชีวิตคนเรานั้นเปราะบางและสั้นนัก
ใครว่าชีวิตคนเรายืนยาว เพราะถ้านับกันจริงๆอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์อยู่ที่ประมาณ 29,200 วันเท่านั้นเอง หนำซ้ำต้องขึ้นอยู่กับข้อแม้ว่าคุณโชคดีได้มีชีวิตอยู่นานขนาดนั้นด้วยนะครับ เพราะอย่าลืมว่าชีวิตคนเรานั้นช่างเปราะบางจะตายไป หากเกิดอุบัติเหตุรุนแรงอะไรขึ้นมาเราก็มีโอกาสที่จะกลับบ้านเก่าก่อนวัยอันควรได้ทุกเมื่อเช่นกัน ดังนั้นจงรู้สึกขอบคุณโลกใบนี้ทุกครั้งที่ตัวเองตื่นขึ้นมาแล้วยังมีชีวิตอยู่ และจงใช้ชีวิตทำสิ่งดีๆให้ตัวเอง, ให้ผู้อื่น และให้สังคม ขอให้ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าโดยไม่ปล่อยให้เวลาของตัวเองผ่านไปวันๆโดยเปล่าประโยชน์
5. เช่นนั้นแล้ว ‘ปัจจุบัน’ จึงสำคัญที่สุด
แม้ชีวิตคนเราจะสั้น และเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่ทว่าไม่มีประโยชน์ใดๆที่จะต้องไปวิตกกังวลถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึง กลับกันไม่ควรมัวเศร้าเสียใจหรือเสียดายกับอดีตที่ผ่านไปแล้วซึ่งคุณไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคนเรราทุกคนก็คือ ‘ช่วงเวลาปัจจุบันที่เรายังหายใจอยู่’ ใครที่มัวแต่คุณเสียใจเรื่องอดีต หรือกังวลเรื่องในอนาคต ขอให้กลับมาตั้งสติแล้วพิจารณาดูว่าสิ่งใดกันแน่ที่เราจะสามารถทำได้ใน ‘ปัจจุบัน’ เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องราวแย่ๆที่เกิดขึ้นในอดีตนั้นย้อนกลับมาใหม่อีกครั้ง รวมทั้งวางแผนเพื่อรองรับเหตุการณ์ที่ไม่แน่นอนที่จะเกิดกับชีวิตของเราในอนาคต ผู้ชายที่ละทิ้งอดีต, มองการณ์ไกลเพื่อก้าวหน้า และทำปัจจุบันให้ดีที่สุดเพื่ออนาคตคือผู้ชายที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างแน่นอนครับ