ขึ้นชื่อว่า รองเท้า หนัง สิ่งหนึ่งที่เราควรทำความเข้าใจก่อนการเลือกซื้อรองเท้า “หนัง” สักคู่ ย่อมต้องเป็นเรื่องของ “ประเภทหนัง” ที่นำมาใช้ในการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งชิ้นส่วน Upper Part (ทั้งนี้ MenDetails เคยเขียนถึง พื้นหนัง Outsole ไว้แล้ว ซึ่งสามารถอ่านได้ที่นี่เลยครับ) ซึ่งไม่ได้หมายความว่า หนังประเภทใดประเภท ย่อมดีกว่าอีกประเภทหนึ่งเสมอไป แต่ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ และสไตล์ที่จะนำไปแต่งกายเข้าคู่ด้วยเป็นหลักครับ ว่าแล้ว เรามาลองทำความเข้าใจ ประเภทของ หนัง ที่นำมาใช้ผลิต รองเท้า กันดีกว่า
Patent
ขอต้อนรับเข้าสู่โลกแห่ง Opera และ Black Tie นี่คือประเภทหนังที่คุณควรรู้จัก หากคุณจำเป็นต้องแต่งตัวออกงานทางการที่สุดในชีวิต ไม่ว่าจะเป็น การเข้าพบกับ Queen Elizabeth II หรืองานกิจกรรมใด ๆ ที่ต้องเข้าร่วมโดยมีกฏในการแต่งกายคือ Black Tie เนื่องจาก Patent Leather นั้น ในอดีตเป็นหนังที่ผลิตขึ้นได้ยาก และถูกเก็บรักษาไว้ให้กับขุนนางชั้นสูง หรือเชื้อพระวงศ์เท่านั้น ความมันเงาที่เห็นเกิดขึ้นจากการใช้น้ำมัน Linseed ขัดผิวจนมันเงา หากแต่ในปัจจุบัน เราสามารถเคลือบเงาได้ด้วยกระบวนการทางเคมี ทำให้หนังแก้ว กลายเป็นหนังที่ผู้คนส่วนมากสามารถเข้าถึงได้ในที่สุด ด้วยต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าการผลิตในรูปแบบดั้งเดิม
รองเท้าที่ผลิตจากหนังประเภทนี้ เหมาะอย่างยิ่งกับการใส่ออกงานทางการ หรือ Fomal Event เป็นหลัก ซึ่งเราแนะนำให้ซื้อเป็นทรง Balmoral หรือ Opera Pumps เป็นหลักครับ
Smooth Leathers
รองเท้าหนังที่ดูเรียบร้อย และใส่ทำงานได้บ่อย ควรเลือกเป็นหนังแบบ Smooth Leathers ครับ ด้วยการเลือกหนังผิวเรียบ ไม่มีรอยใด ๆ ทำให้เลือกใส่ได้หลากหลาย อีกทั้ง Smooth Leathers ยังมีความแน่นของชั้นผิว ทำให้สามารถขัดส่วนต่าง ๆ ให้มันเงาได้ง่าย หรือที่เราเรียกกันว่า Shoeshine ซึ่งจะให้ความ Formal ที่มากขึ้น มีความใกล้เคียงกับหนังแบบ Patent ได้ไม่ยากครับ
Full Grain Leathers
ถือเป็นหนังที่ดีที่สุดแข็งแรงและทนทานเป็นอันดับต้น ๆ และถูกเลือกใช้ผลิตรองเท้าคุณภาพมากมายในวงการรองเท้าหนังครับ ขึ้นชื่อว่า Full Grain จะเป็นชั้นผิวหนังที่อยู่ติดกับขนสัตว์ กล่าวคือ คุณจะเห็นลวดลายของหนังอย่างชัดเจน หากนึกไม่ออก ให้ลองลองลายผิวหนังบนแขนของตัวเองก็ได้ ลักษณะผิวของ Full Grain จะใกล้เคียงกัน โดยหนังประเภทนี้ จึงสามารถผลิตรองเท้าได้เกือบทุกรูปแบบ และมักเอียงไปทาง Formal Event เสียเป็นส่วนใหญ่ หากไม่นับทรงแบบ Loafers นะครับ ถือเป็นหนัง Upper ที่ควรพิจารณาเลือกซื้อในอันดับต้น ๆ ทว่า หนังประเภทนี้อาจต้องดูให้ลึกขึ้นไปอีก เพราะแต่ละชนิดไม่มีคุณภาพที่ดีเท่ากันเสมอไป
หากต้องการดูว่าหนังที่นำมาผลิตนั้น คุณภาพดีแค่ไหน ให้ดูที่รอยยับของหนัง Full Grain ครับ หากลายยิ่งละเอียดมากเท่าใด นั่นย่อมหมายถึงคุณภาพหนังที่ยอดเยี่ยมที่แบรนด์เลือกนำมาผลิตรองเท้านั่นเอง
Top Grain Leathers
หนังชั้นรองลงมาจากหนัง Full Grain ซึ่งถือเป็นหนังคุณภาพอีกชั้นหนึ่งที่หลาย ๆ แบรนด์เลือกใช้ในการผลิตเช่นเดียวกัน หากแต่ด้วยคุณภาพที่ต่ำลงจากชั้นหนังแบบ Full Grain อาจส่งผลต่ออายุการใช้งานในระยะยาว ทว่าแลกมาด้วยราคาที่ถูกลงแต่ได้รูปลักษณ์ที่ใกล้เคียงกับ Full Grain ซึ่งส่วนใหญ่จะนำมาผลิตรองเท้าแบบ Budget Friendly ใช้งานได้ดีเช่นเดียวกัน
Pebble Grain Leathers
หนังชนิดนี้จะมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนมากครับ นั่นก็คือลวดลายที่เห็นเป็นปุ่ม ๆ นั่นเอง ซึ่งลวดลายดังกล่าว ไม่ได้เกิดขึ้นจากผิวของวัวครับ หากแต่เกิดจากการเข้าเครื่อง Roller ขนาดใหญ่ แล้วทำการปั้มลายลงบนผิว หรือกระบวนการผลิตดั้งเดิมด้วยการฟอกจากถังไม้บ่ม Whisky จนหนังแตกลายตามธรรมชาติ (ต้นกำเนิดอยู่ใน Scotland) หนังประเภทนี้มักนิยมทำกับชั้นผิว Top Grain แต่ใช้กระบวนการผลิตแบบนี้ เพื่อลบร่องรอยที่ไม่สมบูรณ์แบบของชั้นผิวออก Pebble Grain จึงเหมาะกับการใช้งานที่ไม่ต้องดูแลรักษาหนังมาก กิจกรรมที่อาจทำให้ตัวรองเท้าเลอะ หรือทำร้ายหนังได้ โดยชาติตะวันตกอาจเรียกหนังประเภทนี้ว่า หนัง Country Calf ได้เช่นกัน
Suede Leathers
Suede หรือหนังกลับ ถือเป็นหนังคุณภาพรองลงมาจาก Top Grain ครับ เป็นชั้นผิวหนังก่อนจะถึงจุดที่ใช้งานเป็นผืนไม่ได้ ซึ่งความแตกต่างด้านความแข็งแรงจะขึ้นกับชั้นหนังที่มี Top Grain ติดมาด้วยมากแค่ไหน หากเป็นหนัง Suede ที่ติด Top Grain มาหนาประมาณหนึ่ง จะมีความแข็งแรงทนทานต่อการใช้งานที่ยอดเยี่ยม ซึ่งโดยส่วนมากแล้ว หนังกลับหรือ Suede จะพบมาในรองเท้าที่ต้องการการดูแลรักษาน้อย และด้วยความหนาแน่นของชั้นผิวที่ต่ำกว่า ทำให้ตัวหนังมีความยืดหยุ่น ใส่สบาย ระบายอากาศได้มากกว่า และ ช่วงเวลา Break-In ต่ำ
Horsehide
Horsehide หรือหนังม้า ถือเป็นหนังคุณภาพอีกหนึ่งชนิด ที่ถูกนำมาผลิตเป็นรองเท้าหนังครับ อาจพบได้ไม่มากในรองเท้าทั่ว ๆ ไป และหลาย ๆ ท่านอาจจะไม่คุ้นชิน แต่หากเปลี่ยนชื่อเป็นหนัง Shell Cordovan แล้ว ทุกท่านน่าจะพอรู้จักอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย กับหนังสะโพกม้าที่ขึ้นชื่อว่า เป็นหนังคุณภาพดีที่สุดที่คุณสามารถหาได้ในท้องตลาด หากนึกถึงรองเท้าหนัง ซึ่ง Shell Cordovan นั้น ถูกผลิตออกสู่ตลาดในปริมาณที่น้อยมาก ๆ ทำให้มีราคาที่แพงกว่าหนังประเภทอื่น หนังประเภทนี้นั้น แข็งแรง ทนทาน และพร้อมที่จะอยู่กับคุณไปได้หลายสิบปีหากคุณรักษามันอย่างถูกวิธี ซึ่งหนัง Shell Cordovan ที่เป็นเอกลักษณ์มากที่สุดในโลกก็คือ Horween’s สี Burgundy No.8
Lambskin
หนังแกะ อีกหนึ่งหนังคุณภาพที่มักนิยมนำไปผลิตเป็นเครื่องหนังแบบอื่นเสียมากกว่า เนื่องด้วยความบาง และยืดหยุ่นที่ยอดเยี่ยม หนังแกะจึงถูกนำมาผลิตในกลุ่มรองเท้า Loafers เป็นหลัก พบได้บ่อยมากในกลุ่มรองเท้าสตรี Lambskin จะมีความนุ่มที่มากกว่าหนังชนิดอื่น ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ระยะ Break-In จึงสั้นที่สุด มีทั้งแบบหนังเรียบและหนังหลับให้เลือกซื้อครับ ดังนั้นถ้าคุณต้องการรองเท้าที่นุ่มนิ่มตั้งแต่ครั้งแรกที่ใส่ อาจต้องพุ่งตัวไปที่ Lambskin แต่ด้วยความบาง อาจส่งผลต่อระยะเวลาในการใช้งานในระยะยาว
นี่คือประเภทของ หนัง เบื้องต้นที่มักถูกนำมาผลิตเป็น รองเท้า ให้พวกเราได้สวมใส่กันครับ ซึ่งโดยส่วนมาก จะเป็นหนัง Calfskin หรือหนังวัว เป็นหลัก หากแต่ ณ ปัจจุบัน เรามีหนังชนิดอื่น ๆ อีกมากมายให้เลือกซื้อหามาใช้งาน และแน่นอน หนังแต่ละประเภทย่อมมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ซึ่งเราหวังว่า บทความจะช่วยไขข้อสงสัยบางประการได้บ้าง ไม่มากก็น้อยครับ