ปัญหาหนึ่งที่ผู้ชายหลายคนต้องพบเจอเมื่อต้องการจะซื้อสูทเป็นของตัวเองก็คือ “จะซื้อสูทที่ร้านแบบไหนดี?” วันนี้ MenDetails จะขอแนะนำร้านขายสูทประเภทต่างๆที่มีอยู่ในท้องตลาด และจะมาสรุปให้ได้รู้กันว่าผู้ชายควรจะซื้อสูทจากร้านแบบไหนจึงจะเหมาะสมกับตัวเองครับ ว่าแล้วก็ตามเราไปทำความรู้จักกับร้านสูทแบบต่างๆกันได้เลยครับ
1. ร้านสูทแฟชั่น
งบประมาณ 500-3,000 บาท
สูทราคาประหยัดที่หาซื้อได้แบบสำเร็จรูปจากผู้ค้าอิสระตั้งแต่ตามตลาดนัด, ร้านขายของออนไลน์, แม่ค้า Instagram ไปจนถึงบนห้างที่ผู้ค้าอิสระเหล่านี้ไปเช่าพื้นที่ขาย บ้างอาจจะเรียกสูทแบบนี้ว่า “สูทแฟชั่น” หรือ “สูทวัยรุ่น” สูทจากร้านเหล่านี้มักเป็นสูทที่เน้นราคาประหยัดตั้งแต่ไม่กี่ร้อยจนถึงประมาณ 2-3 พันบาท ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณภาพที่ได้ก็ต้องแปรไปตามราคาเช่นกัน รูปแบบของสูทประเภทนี้มักจะเป็นสูทแบบ รัดรูป หรือ Skinny Suit รวมถึงเนื้อผ้าของสูทที่จะเป็นเพียงผ้าใยสังเคราะห์ธรรมดาๆ
สูทแฟชั่นทรง Skinny ที่ดูไม่เป็นทางการนัก
ร้านสูทแฟชั่นเหมาะกับใคร?
ร้านสูทแฟชั่นเหมาะกับผู้ชายวัยรุ่นที่ไม่ได้ซีเรียสกับการใส่สูทอะไรนัก เพียงแค่กำลังมองหาเสื้อตัวนอกที่รูปร่างหน้าตาคล้ายสูทมาใส่ก็พอแล้ว ส่วนเรื่องเนื้อผ้า, ความพอดีตัว และรายละเอียดอื่นๆในการใส่สูทให้ดูดีนั้นยังไม่ใช่เรื่องที่สลักสำคัญอะไรในชีวิต ขอแค่ราคาถูกและให้เสื้อมีหน้าตาคล้ายสูทก็พอแล้ว ถ้าคุณเป็นผู้ชายที่คิดแบบนี้ ร้านสูทแฟชั่นคือร้านสำหรับคุณครับ แต่ถ้าคุณกำลังมองหาสูทที่เป็นงานเป็นการ และมีรูปแบบที่ถูกต้องอย่างที่ชุดสูทจริงๆของสุภาพบุรุษควรจะเป็นล่ะก็ MDs ขอแนะนำให้ตัดตัวเลือกนี้ออกไปก่อนได้เลยครับ
สูทแฟชั่นมีดีไซน์ที่ไม่เป็นทางการ ราคาประหยัด แต่คุณภาพก็เป็นไปตามราคาครับ
2. ร้านสูทแบรนด์เนมแบบ Off-The-Rack
งบประมาณ 3,500 – 150,000 บาท
สูทแบบที่สองที่เราสามารถไปเลือกซื้อได้ก็คือตามร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์ต่างๆ สูทแบบนี้จะมีการตัดเย็บที่ดีขึ้น แต่จะยังเป็นสูทสำเร็จรูป (Off-The-Rack) โดยแบรนด์แต่ละแบรนด์ก็จะมีรูปทรงของสูทสำเร็จรูปของตัวเองไม่เหมือนกัน บางแบรนด์อาจจะมี option หรือตัวเลือกที่สามารถแก้ไขตัวสูทสำเร็จรูปที่มีอยู่ให้เข้ากับตัวเราได้มากขึ้น เรียกกระบวนนี้ว่าการ “เก็บทรง” ซึ่งจะมีเฉพาะบางแบรนด์เท่านั้นที่มีบริการแบบนี้ สูทจากแบรนด์เหล่านี้ไล่ไปตั้งแต่ขั้นเริ่มต้นอย่าง Uniqlo, Zara, H&M, G2000 ไปหาระดับกลางอย่าง Massimo Dutti, Hugo Boss, Paul Smith, Ralph Lauren และกระโดดไปแบรนด์หรูเช่น Prada, Gucci, Tom Ford, Saint Laurent เป็นต้น ราคาก็มีหลากหลายตั้งแต่ราว 3,500 บาทจาก Uniqlo ไปจนถึงประมาณ 150,000 บาทจาก Tom Ford ครับ
ร้านสูทแบรนด์เนมเหมาะกับใคร?
อันดับแรกก็คือร้านสูทแบบนี้เหมาะกับคนที่มีแบรนด์ในดวงใจอยู่แล้ว เช่น เป็นแฟนเหนียวแน่นของ Paul Smith, Gucci หรือ Tom Ford แบบถอนตัวไม่ขึ้น เป็นต้น อันดับที่สองนี่เป็นร้านสูทสำหรับผู้ชายที่มั่นใจว่ามีหุ่นมาตรฐานและอยากได้สูทที่มีคุณภาพโอเคโดยไม่ต้องรอตัด พวกเขาสามารถเดินเข้าร้านแบรนด์เนมเหล่านี้แล้วหยิบสูทมาลองสวม พวกเขาจะพบว่าสูทมีขนาดที่โอเคเหมาะกับหุ่นมาตรฐานของเขาแล้ว จากนั้นจ่ายเงินแล้วก็จบกันไป อย่างไรก็ตามแบรนด์ระดับสูงหลายๆแบรนด์ก็จะมีบริการ “เก็บทรง” ให้สูทพอดีตัวมากขึ้น แต่ก็มักจะเป็นการปรับเปลี่ยนได้แค่ไม่กี่จุดเท่านั้น ซึ่งถ้าหากคุณเป็นผู้ชายที่ไม่ได้ซีเรียสอะไรมากนักกับรายละเอียดของสูทและอยากได้ความเป็น “Brandname” ของสูทนั้นๆมากกว่า ร้านสูทแบรนด์เนมคือร้านสูทที่เหมาะสำหรับคุณครับ
แผนกชุดสูทของแบรนด์ Paul Smith
3. ร้านตัดสูทแบบ Made To Measure
งบประมาณ 8,000 – 70,000 บาท
ขยับจากร้านที่ขายสูทแบบสำเร็จรูป (Off the rack) มาเป็นร้านตัดสูทกันบ้าง แบบแรกที่ MenDetails ขอแนะนำก็คือ ร้านตัดสูทแบบ Made To Measure หรือ MTM หรือภาษาไทยเรียกว่า “วัดตัวตัด” เป็นสูทที่ไม่ใช่สูทสำเร็จรูปโดยตรง ทำให้เราสามารถเลือกเนื้อผ้า, ปกสูท, รูปทรง และรายละเอียดอื่นๆที่เกี่ยวข้องได้ด้วยตัวเอง โดยการตัดสูทแบบ MTM นั้น ร้านสูทจะมี ‘Pattern’ สูทของทางร้านอยู่แล้ว จากนั้นก็จะปรับขนาดให้พอดีกับขนาดรูปร่างของผู้ชายแต่ละคนที่ทางร้านวัดออกมา สูทแบบนี้จะมีความเฉพาะตัวของแต่ละคนมากน้อยแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับความละเอียดในการวัดตัวของแต่ละร้าน ยิ่งละเอียดมาก ราคาก็จะยิ่งสูง แต่ก็จะได้สูทที่พอดีเป๊ะกับตัวเราเองมากขึ้นครับ
ร้านตัดสูทแบบวัดตัวตัด Made To Measure
photo : fineyounggentleman.com
ร้านตัดสูทแบบ Made to Measure เหมาะกับใคร
ร้านตัดสูทแบบ MTM เหมาะกับผู้ชายที่ใส่ใจในรายละเอียดและต้องการใส่สูทที่ “พอดีตัว” จริงๆ ผู้ชายกลุ่มนี้จะรู้ว่าร่างกายของเรามีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ต้องการการวัดขนาดที่ “เป๊ะ” สำหรับการตัดสูท รวมไปถึงมีความรู้ว่าความยาวของไหล่สูท, แขนสูท, ชายเสื้อสูท ควรจะอยู่ที่ตรงไหนอย่างไร รวมทั้งเป็นผู้ชายที่ใส่ใจในบุคลิกภาพและการแต่งกายของตัวเอง เมื่อถึงเวลาหรือมีโอกาสที่จะต้องใส่สูทก็จึงอยากให้ตัวเองใส่ออกมาได้ดูดีที่สุดครับ
ร้านตัดสูทแบบ Made To Measure จะวัดส่วนต่างๆของสูทให้พอดีกับตัวเรา
4. ร้านตัดสูทแบบ Bespoke
งบประมาณ 90,000 – 300,000 บาท (หรือมากกว่านั้นก็มี)
สูทแบบสุดท้ายที่เราจะยกมาบอกกล่าวกันก็คือสูทแบบ ‘Bespoke’ หรือสูทแบบวัดตัวตัดเช่นกัน แต่มีความแตกต่างจากสูทแบบ MTM ออกไป กล่าวคือสูทแบบ Bespoke นั้น ช่างตัดสูทจะสร้าง Pattern ของสูทออกมาใหม่ทั้งหมด โดยการออกแบบส่วนเว้าส่วนโค้งของ Pattern นั้นๆให้ตรงกับผู้ชายแบบคนต่อคนจริงๆ สูท Bespoke 1 ชุดมักต้องใช้เวลาในการทำที่ค่อนข้างนาน ส่วนใหญ่กินเวลาหลายเดือน และบางครั้งอาจต้องรอเป็นปีเลยทีเดียว การวัดตัวและลองสูทก็ต้องมีการทดสอบกันหลายรอบ เรียกว่าเก็บทุกรายละเอียดเพื่อเราคนเดียวเท่านั้น
การร่าง Pattern ใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญของสูทแบบ Bespoke
photo : articlesofstyle.com
ในประเทศไทยสูทแบบ Bespoke นี้ถูกเรียกปะปนกับสูทแบบ Made To Measure จนผู้ชายหลายคนเข้าใจผิดว่ามันเป็นสิ่งเดียวกัน แต่ความจริงแตกต่างกันอย่างมาก วิธีการสังเกตง่ายๆเริ่มตั้งแต่ราคาในการตัดสูท สูทแบบ Bespoke จะมีราคาที่สูงกว่าสูทแบบ MTM อย่างมาก หลายครั้งที่ราคาอาจสูงกว่าเป็นหลายเท่าตัว เพราะต้องอาศัยความละเอียดในการเริ่มต้นทำ Pattern ใหม่ตั้งแต่แรกสุดเลย อีกข้อสังเกตหนึ่งก็คือถ้าช่างตัดสูทนัดให้คุณเข้าไป “ฟิตติ้ง” หรือลองสูทแค่เพียง 1-2 รอบ และสูทสามารถตัดเสร็จได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ ให้สันนิษฐานว่านั่นเป็นเพียงสูทที่ Made To Measure แต่ถ้าสูทร้านไหนที่ออกตัวว่าเป็น Bespoke Suit และต้องมีการนัดฟิตติ้งสูทมากกว่า 5 รอบขึ้นไป และแต่ละรอบมีการแก้ไขรายละเอียดเล็กๆน้อยๆตลอดเวลา แถมใช้เวลานานหลายเดือนกว่าจะได้รับสูท แบบนี้อาจเรียกว่าเป็น Bespoke ได้ครับ
การตัดสูทแบบ Bespoke ต้องมีการฟิตติ้งหลายรอบและแก้ไขรายละเอียดแบบยิบย่อยตลอด
photo : blueloafers.com
ร้านตัดสูทแบบ Bespoke เหมาะกับใคร
หากจะพูดกันตรงๆ MenDetails ไม่แน่ใจด้วยซ้ำไปว่าในเมืองไทยมีร้านที่รับตัดสูทแบบ Bespoke จริงๆอยู่หรือไม่ นั่นเพราะสูทแบบนี้มีราคาที่สูงมาก และถือเป็น “สุดทาง” ของการตัดเย็บสูท ที่ต้องอาศัยช่างฝีมือที่มีความประณีต และช่างตัดสูทจะต้องมีความอดทนสูงที่จะค่อยๆปรับค่อยๆเปลี่ยนรายละเอียดทีละเล็กละน้อย เพื่อให้สูทเข้ากับหุ่นของเราได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สูทแบบ Bespoke มีความเฉพาะตัวมากถึงขนาดที่ร้านสูทจะปักชื่อและนามสกุลของผู้ใส่ไว้ด้านในตัวสูท เพื่อบอกว่าสูทชุดนี้ตัดเย็บขึ้นมาเพื่อผู้ชายคนนี้เท่านั้นครับ ร้านสูทแบบนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ชายที่ “ไม่อั้นเรื่องงบประมาณ” และ “อยากได้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองเท่านั้น”
แก้แล้วแก้อีกจนสูท Bespoke เป็นของสำหรับคุณคนเดียวเท่านั้น
บทสรุป
หากจะต้องสรุปว่าทางเลือกที่ดีที่สุดอยู่ตรงจุดไหน MenDetails ขอแนะนำให้ผู้ชาย “เดินทางสายกลาง” จะดีกว่าครับ กลุ่มแรกที่เราต้องขออนุญาตตัดออกไปเห็นจะเป็น ร้านขายสูทแบบแฟชั่น หรือ สูทวัยรุ่น ด้วยปัจจัยในเรื่องคุณภาพและความพอดีตัว รวมถึงความเป็นทางการที่อาจใช้งานได้ไม่หลากหลายนักสำหรับงานสำคัญๆที่ต้องการสูทที่เป็นทางการมากขึ้นสำหรับสุภาพบุรุษ อีกกลุ่มหนึ่งที่เราตัดออกแบบมีข้อยกเว้นก็คือ ร้านตัดสูทแบบ Bespoke บนพื้นฐานในเรื่องของความยากในการหาร้านที่ชำนาญเรื่องนี้ในเมืองไทย รวมถึงราคาที่สูงมากสำหรับผู้ชายส่วนใหญ่ในสังคมไทย นั่นเพราะสูทแบบ Bespoke บางตัวอาจมีราคาพุ่งสูงถึง 3-4 แสนบาทได้เลยทีเดียว ข้อยกเว้นเดียวก็คือถ้าคุณมีงบประมาณไม่อั้นสำหรับเรื่องนี้จริงๆ สูทแบบ Bespoke คือสุดทางของสูทที่คุณควรลองตัดสักครั้งถ้ามีโอกาสครับ
ร้านสูทที่เราแนะนำให้ผู้ชายที่ต้องการสูทที่ดีมีคุณภาพได้ไปเลือกซื้อหากันก็คือ ร้านตัดสูทแบบ Made To Measure ซึ่งจะทำให้เราได้สูทที่มีขนาดพอดีกับตัวเราจริงๆผ่านการวัดตัวตัดของทางร้าน ในราคาที่สมเหตุสมผลที่คุณไม่ต้องถึงขนาด “ขายไตไปซื้อ” ข้อควรระวังสำหรับ ร้านสูทแบบ Made To Measure ก็คือ ควรเลือกร้านที่เขาใส่ใจในรายละเอียดและการให้คำปรึกษากับคุณจริงๆเท่านั้น และยินดีแก้ไขเสมอเมื่อเห็นว่ามีจุดไหนที่ยังบกพร่องหรือไม่พอดี อีกทั้งคุณควรมีความรู้เรื่องสูทติดตัวไปบ้าง เช่น รู้ว่าอยากได้สูทแบบไหน, ทรงอะไร และทางที่ดีหากมีรูปตัวอย่างไปให้เขาดูด้วยก็จะดีมากครับ ที่สำคัญคือขอให้หลีกเลี่ยงร้านสูทที่ตัดออกมาไม่พอดีอย่างที่คุณต้องการแล้วไม่ยอมแก้ไข แต่พยายามใช้วาทศิลป์หว่านล้อมจนคุณเชื่อว่านี่คือสูทที่พอดีตัวกับคุณที่สุดแล้ว MenDetails เจอกับตัวเองมาหลายร้าน และเราอยากเตือนให้ผู้ชายทุกคนพึงระวังไว้ครับ
photo : thebespokeshop.com
สุดท้ายถ้าคุณมี Brand ในดวงใจ และอยากได้สูทที่พะยี่ห้อแบรนด์นั้นๆ ร้านสูทแบรนด์เนม ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ MenDetails แนะนำให้เลือกแบรนด์ที่สามารถ “แก้ทรงสูท” ให้เราได้จะดีกว่าครับ เพราะไม่ว่าเราจะมีหุ่นมาตรฐานแค่ไหนก็ตาม ย่อมต้องมีรายละเอียดเล็กน้อยที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขบ้างเพื่อให้เราได้สูทที่พอดีตัวเราครับ
MenDetails หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ชายที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อสูทตัวแรกให้ตัวเองทุกคนนะครับ