“สีกับการแต่งตัว” ถือเป็นเรื่องสำคัญลำดับต่อมา สำหรับ ผู้ชาย หลายๆ ท่านที่เริ่มซื้อเสื้อผ้ามากขึ้นและต้องการหลุดออกจากความจำเจ ซึ่งหากจะกล่าวถึง “สี” และการแต่งกายของผู้ชาย เราอาจต้องกล่าวย้อนกลับไปถึง ยุคสมัยแรกเริ่มครั้งมนุษย์เริ่มต้นผลิตเครื่องนุ่งห่มด้วยตัวเอง เนื่องจากสีในสมัยโบราณนั้นแสดงถึง “ผู้มีอำนาจและยศถาบรรดาศักดิ์” เพราะชนชั้นกรรมาชีพ มักไม่มีโอกาสเข้าถึงสีได้เลย สิ่งเหล่านี้สามารถพบเห็นได้ตามพิพิธภัณฑ์สถานทั้งในประเทศ และต่างประเทศ หรือในหนังภาพยนต์อิงประวัติศาสตร์ก็เป็นที่สังเกตได้เช่นเดียวกัน
แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ ยุค 90s หลายสิ่งหลายอย่างก็เปลี่ยนไป หนึ่งในนั้นคือเหล่า Fashion Designer ต่างแข่งขันกันออกแบบ เสื้อผ้าแนว Minimalism มากขึ้น เน้นความเรียบง่าย และสีสันที่น้อย ไม่สะดุดตา ยกตัวอย่างแบรนด์เช่น Jil Sander และ Prada เป็นต้น ทำให้การแต่งตัวไปทำงานหรือออกงานสังคมนั้นมาอยู่ภายใต้คำว่า “50 Shades of Grey” (ไม่ใช่หนังสือนะครับ)
ปัจจุบัน เราเริ่มมีเทรนด์สีตามปีต่างๆ ซึ่งกำหนดโดยอุตสาหกรรมสิ่งทอ และเหล่าแบรนด์ระดับโลกที่จับมือกันสร้างกระแสให้ “สีใดสีหนึ่ง” โดดเด่นขึ้นมาบน Catwalk ยกตัวอย่างเช่น สีชมพู หรือสีส้มที่โด่งดังมากเมื่อไม่นานมานี้ แต่จะหยิบเอามาแต่งกับเสื้ออย่างไร และจะเริ่มต้นสะสมสีต่างๆ ด้วยวิธีไหนเพื่อไม่ให้ตกเทรนด์ วันนี้เรามี Class Color 101 มานำเสนอกันครับ
เริ่มต้นด้วยสีธรรมชาติเสียก่อน
นี่คือ “วิธีเริ่มต้น” ที่ดีที่สุดครับ วิธีการเลือกซื้อสีแบบนี้ เราเรียกกันว่าสี Netural Tone ยกตัวอย่างเช่น สีน้ำตาล / สีน้ำเงิน และสีเขียวเป็นหลัก (ไม่นับรวมสีขาวและดำ) เนื่องจากสีธรรมชาติเหล่านี้ สามารถหยิบมาใส่ได้หลากหลาย จับคู่กับสีอื่นๆ ก็ได้ ถือเป็นสีหลักสีหนึ่งเลยสำหรับใครก็ตามที่อยากจะกระโดดลงมาแต่งตัวให้มีสีสันมากขึ้น
สีที่เราอยากแนะนำสำหรับคนที่ยังไม่ค่อยมีความมั่นใจมากนัก เริ่มต้นที่สีเบจหรือกากีก่อนได้ครับ และสามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านอย่าง Muji หรือ Uniqlo ในราคาไม่เกิน 1,500.- นอกเหนือจากสีน้ำเงินครับ แต่ถ้ามั่นใจขึ้นมาอีกหน่อย ลองขยับมาใส่กางเกงสีเขียวดูก็ไม่แปลก จับคู่กับเสื้อสีน้ำเงินได้ลงตัวมากทีเดียว
อันนี้ถือเป็นสีพื้นฐานของผู้ชายครับ (ที่ไม่ได้เริ่มต้นที่ดำจับคู่น้ำตาลนะครับ) นอกเหนือจากกางเกงยีนส์ และเสื้อยืดสีขาว / ดำ ดังนั้นถ้าคุณกำลังเริ่มต้นสะสมเสื้อผ้าสีพื้นฐาน แนะนำสีธรรมชาติ Netural Tone ไว้ก่อนเลย ซื้อไว้ได้ใส่แน่นอน
รู้จักคำว่า Tonal ไว้ตั้งแต่ตอนนี้
คำนี้ คุณอาจไม่เคยได้ยินมาก่อนครับ เพราะถือเป็นศัพท์เฉพาะอย่างหนึ่งในวงการ Fashion หรือกลุ่มศิลปินนักวาดภาพนั่นเอง คำว่า Tonal กล่าวถึง “เสื้อสีเดียวกัน แต่น้ำหนักและความเข้มของสีต่างกัน” จะขยายความให้กระจ่างด้วยการอธิบายถึงสีของกางเกงยีนส์ละกันนะครับ เพราะตั้งแต่แรกเริ่มกางเกง Raw Denim จะเป็นสีน้ำเงินเข้ม และจะค่อยๆ จางลงเมื่อผ่านการซักหรือเสียดสีจนสีหลุดออกไป นั่นแหละครับ Tonal ของสีน้ำเงิน
คนที่เข้าใจเรื่อง Tonal เป็นอย่างดี จะสามารถไล่สีสันในการแต่งตัวได้อย่างน่าสนใจครับ ยกตัวอย่างเช่น สีน้ำตาล (จากข้อด้านบน) คุณสามารถแต่งไล่สีได้ตั้งแต่สีขาว / เบจ / น้ำตาล และน้ำตาลเข้มได้อย่างสบายๆ หมายความว่า กางเกงสีเบจ / เสื้อเชิ้ตสีขาว / รองเท้าสีน้ำตาลเข้ม แล้วทับด้วย Jacket สีน้ำตาลก็ยังสามารถครับ
ดังนั้น การรู้จักไล่เฉดสีจากอ่อนไปเข้มในสีๆ เดียว ถือเป็นศิลปะในการแต่งกายที่น่าสนใจมากๆ ไม่ต้องเยอะ แต่ช่วยให้คุณดูโดดเด่นได้ไม่ยากเลยจริงๆ ดังที่เรามักพบเห็นคุณ Ralph Lauren ใส่เสื้อ Double Breasted สีน้ำเงินเข้ม จับคู่กับกางเกงยีนส์ผ้าฟอก ดูยังไงก็ Classic ยิ่งนัก
รู้จักคำว่า “วงจรสี”
มาถึงจุดชี้เป็นชี้ตายละครับ หลายคนไม่เคยแม้แต่จะเรียนเรื่องสีมาก่อนเลย ชีวิตมีแต่ตัวเลข ซึ่งนี่คือโอกาสของคุณละครับ เพราะการเข้าใจวงจรสี จะเป็นทางสว่างที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้น แต่งตัวได้อย่างน่าสนใจมากขึ้น เพราะ “ขาว / ดำ” ไม่นับเป็นสีในวงจรสีนะครับ เอาเป็นว่าอยากแต่งตัวให้มีสีสัน ต้องเอาสีดำออกไปก่อนเลย
วงจรสี ที่เรียนกันมักมีคำว่า “สีโทนร้อน” และ “สีโทนเย็น” หากแต่งตัวตามสีข้างต้น แล้วไล่ Tonal เป็น คุณก็สามารถสร้างมิติของสีให้น่าสนใจได้แล้วหล่ะครับ หรือจะ Advance สักเล็กน้อยด้วยการจับคู่สีแบบ Contrast ก็ช่วยสร้างความน่าสนใจได้ไม่ยากเลยจริงๆ (ทฤษฎีดังกล่าวนั้น นำมาใช้ในการ Grading สีในระบบภาพยนตร์ด้วยเช่นเดียวกัน)
เนื่องจากการแต่งตัว เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ดังนั้นการเรียนรู้ “วงจรสี” ก็ถือเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการหยิบเสื้อผ้ามาแต่งกายเช่นเดียวกัน เรียนรู้ไว้ตั้งแต่ตอนนี้ “ไม่ผิดหวังแน่นอน” เชื่อ MenDetails เถอะ
สุดท้ายแล้ว เรื่องสีที่คุณชอบอาจมาเป็นส่วนหนึ่งและเติบโตขึ้นระหว่างทางที่คุณค่อยๆ สะสมสีพื้นฐาน ที่เรากล่าวถึงข้างต้น เพราะแต่ละสีที่คุณชอบ อาจต้องใช้วิธีการจัดการบนร่างกายไม่เหมือนกัน เนื่องจากน้ำหนักสีที่อ่อนแก่ที่ต่างกัน ดังนั้นเริ่มต้นด้วยสีพื้นฐานเสียก่อนครับ แล้วค่อยๆ ปรับทีละนิด ลองน้ำตาลที่เข้มขึ้นอีกหน่อย หรือเขียวตุ่นๆ จับคู่กับแดงเข้มดู ไม่แน่นะครับ สีโปรด ณ ตอนนี้ของคุณ อาจเปลี่ยนไปก็เป็นได้