เมื่อกล่าวถึงแบรนด์รถยนต์หรูจากเยอรมันค่ายดาวสามแฉก Mercedes-Benz เราเชื่อว่าทุกคนย่อมนึกถึงภาพลักษณ์ของการเป็นรถยนต์สำหรับผู้บริหาร รวมถึงความหรูหราพรีเมียมขึ้นมาเป็นอันดับแรก ๆ แต่ในโอกาสนี้ Mercedes-Benz อยากฉีกกรอบเดิม ๆ เพื่อให้คนที่รักในการขับขี่ได้มีโอกาสทดสอบอะไรใหม่ ๆ จึงจัดงาน Mercedes-Benz SUV Driving Events 2022 ขึ้น และ MenDetails ก็ไม่พลาดโอกาสนำรถยนต์สุดหรูไปลุยโคลน ผจญกับเส้นทางโหด ๆ มาลองดูกันครับว่าการเปิดประสบการณ์ครั้งแรกกับการนำรถหรูไปลุย Off-Road จะเป็นอย่างไร
ไลน์ SUV ของ Mercedes-Benz
กลุ่มรถยนต์ SUV ถือเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับความนิยม ทั้งสำหรับคนที่ชอบเดินทางเป็นครอบครัว เดินทางไปเป็นกลุ่ม รวมถึงคนที่ชอบขับรถที่มีพื้นที่กว้าง มอบความสะดวกสบายให้ รวมถึงมีสมรรถนะการขับขี่ที่แข็งแกร่ง ซึ่ง Mercedes-Benz ก็มีรถยนต์ในไลน์ SUV มาให้เลือกหลากหลายรุ่น โดยแตกต่างกันที่ขนาดรถยนต์ ขุมพลังในการขับขี่ ระบบขับเคลื่อน ไปจนถึงการตกแต่ง ระบบรักษาความปลอดภัยและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ใส่มาภายใน สำหรับงาน Mercedes-Benz SUV Driving Events ในครั้งนี้ แบรนด์ก็นำมาตั้งแต่ SUV คันเล็กหน่อยอย่าง GLA ไปจนถึงอีกหนึ่งระดับของ SUV Segment กับ GLS ครับ
Station Slalom กับการขับด้วย GLC 220d
งานนี้เป็นอีกหนึ่งภาพของ Mercedes-Benz ที่หลายคนคงไม่คุ้น แน่นอนว่าสำหรับทีมงาน MenDetails ที่ไปทดลองขับก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน แต่หลังจากไปลุยมาแล้วก็บอกได้ว่ามันสุด ๆ ครับ ประสบการณ์ครั้งใหม่นี้มาจากสนาม Grand Prix Motor Park กาญจนบุรี โดยการทดสอบ แบ่งออกเป็น 2 Station
Station แรก เริ่มจาก Slalom เป็นโซนที่คนจัดสนามและสร้างเส้นทางขึ้นมา หากเป็นการเทสต์ในสนามปกติ สำหรับขับ On-Road สลาลมก็จะเป็นสนามสำหรับฝึกขับอ้อมไพลอนเพื่อทดสอบเรื่องการควบคุมพวงมาลัย การทรงตัวต่าง ๆ ในขณะที่พอเป็น Off-Road ก็จะคล้ายกันตรงที่เอาไว้ฝึกเรื่องการทรงตัว รักษาบาลานซ์รถยนต์ การควบคุมพวงมาลัยต่าง ๆ เพียงแต่ทางไปจะลำบากว่า พื้นขรุขระ มีเนินชัน มีทางลาดเอียงนั่นเอง
โดยทีมงานของเราเลือก Mercedes-Benz GLC 220d ไปลุยสนามนี้ สถานีจะเริ่มต้นด้วยการเผชิญเนินสลับที่มีน้ำขัง สำหรับทีมงาน MenDetails ที่เพิ่งขับ Mercedes-Benz เป็นครั้งแรก ให้ความเห็นมาว่า ค่อนข้างยากตั้งแต่จุดแรกเพราะหลุมลึกและมีน้ำขังมาก แต่ก็ได้ระบบของรถช่วยให้รักษาระดับล้อรถไม่ให้ฝั่งใดฝั่งหนึ่งลอยสูงจนเกินไป หลังจากนั้นก็จะไปเจอแอ่งน้ำลึก จำลองสภาพเหมือนเวลาเจอน้ำท่วม น้ำขัง ผ่านไปได้ก็เจอเนินสูงทางตรงไปจนถึงเนินสลับ ในสถานีนี้ เราจะได้ทดสอบเรื่องบาลานซ์และช่วงล่างของตัวรถ มีช่วงที่ทางลาดเอียงมาก รถก็ยังคงยึดเกาะพื้นได้ดี แต่นอกจากการเลือกรถรุ่นที่เหมาะสมไปทดลองแล้ว ยังต้องมีเรื่องของเทคนิคและการจับจังหวะในการขับเพื่อรักษาสมดุลของรถเสริมกันด้วยนะครับ
ลุยป่าสัมผัสความแตกต่างของการขับ GLB 200 และ
GLS 350d 4MATIC AMG Premium
มาถึง Station ที่สอง สำหรับการทดสอบนี้ จะเป็นการลุยเส้นทางธรรมชาติ ให้ขับเข้าป่า ลุยเส้นทาง Off-Road อย่างแท้จริง ในวันที่ทดลองขับเป็นวันหลังจากฝนตกแล้วหนึ่งวัน ผืนดินในทางที่ไปก็จะยังมีความชื้นอยู่บ้าง แต่ไม่ลื่นมาก และในขณะเดียวกันก็ไม่แห้งสนิท โดยทางเข้าป่าก็จะมีทั้งวิ่งทางตรง วิ่งทางโค้ง ลุยกับเนินสูง ลงทางลาดต่ำ เจอสถานการณ์แบบที่เวลาขับเข้าทาง Off-Road ก็ต้องเผชิญจริง ๆ นั่นเอง
โดยสถานีนี้ ทางทีมงานได้ทดลองขับทั้งหมดสองครั้งด้วยกัน เพื่อที่จะเปรียบเทียบความแตกต่างของการขับรถ SUV ขนาดเล็กและ SUV ขนาดใหญ่ครับ ครั้งแรกเลือกขับเป็นรุ่น Mercedes-Benz GLB 200 ที่เป็นขับเคลื่อนสองล้อ และครั้งหลังเลือกเป็นรุ่น Mercedes-Benz GLS 350 d 4MATIC AMG Premium ที่มากับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อครับ
หากเราทดสอบแค่เดียว อาจไม่รู้ถึงความแตกต่าง แต่เมื่อได้ขับเทียบกันแล้ว เริ่มต้นด้วย GLB ที่ขนาดเล็กกว่าแล้วขยับมาขับ GLS จะสัมผัสได้ถึงความต่างทันที ทั้งขนาดของรถยนต์ ความสูงของใต้ของรถ ความแกร่งของช่วงล่าง ระบบการขับเคลื่อนสี่ล้อที่ช่วยทำให้กรุยทางได้ง่ายขึ้นแม้จะเส้นทางแบบโคลนหรือกรวดหิน ไปจนถึงระบบช่วยเหลือของรถยนต์ เช่น DSR ที่เป็นระบบในการควบคุมความเร็วเวลาลงเนิน เวลาเปิดให้ทำงานมันจะหน่วงความเร็วของรถเวลาลงจากเนิน ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้เราได้มากขึ้น
ทั้งหมดนั้นนั้นส่งผลต่อการลุยเส้นทางในป่าเป็นอย่างมากครับ แม้จะเป็น SUV เหมือนกัน แต่การเลือกให้เหมาะสมกับเส้นทางที่จะไปเจอก็สำคัญมากครับ GLS 350 d ถือเป็นรุ่นที่ทำให้การลุย Off-Road ในครั้งนี้ไม่ยากอย่างที่คิด ในขณะที่ตอนขับ GLB 200 ต้องอาศัยเทคนิคและความชำนาญในการลุยทางโหดที่มากกว่าอีกระดับเลยทีเดียว
ตลอดการขับขี่ทุก Sation สิ่งที่ช่วยเหลือคนขับได้มากขณะที่ลุยเส้นทาง คือ กล้องมองรอบทิศทางและการทำงานของเซนเซอร์ครับ ส่วนนี้ช่วยเรื่องความปลอดภัยได้ดีมาก ๆ
ถือเป็นทริปที่เปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับเราเป็นอย่างมากกับการนำ Mercebes-Benz ไปขับ Off-Road (และแน่นอน เชื่อว่าสำหรับผู้อ่านด้วยเช่นกัน) นอกจากนั้นยังทำให้รู้ว่าเราควรประเมินเรื่องใดของรถก่อนที่จะนำรถไปลุยเส้นทางโหด ๆ อีกด้วยครับ และที่สำคัญทำให้เรารู้ว่าเมื่อถึงเวลา หาก Mercedes-Benz เจอทางที่ต้องผจญภัยขึ้นมาจริง ๆ ถึงเวลาที่ต้องลุยก็นำไปลุยได้ครับ อาจจะลำบากใจเวลาต้องทำความสะอาดกันสักหน่อย แต่รับรองว่าในเรื่องความปลอดภัยและระบบการช่วยเหลือของรถยนต์จะทำให้เส้นทางนั้นง่ายขึ้นกว่าที่คิดอย่างแน่นอน