ทฤษฎี MMT หรือ Modern Monetary Theory คืออะไร ทำไมประเทศที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวถึงไม่ล้มละลาย และประเทศที่เข้าใจควรใช้ประโยชน์จากมันอย่างไร ? วันนี้ MenDetails จะลองพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ MMT แบบคร่าว ๆ เพื่อให้เราเข้าใจแนวคิดเศรษฐกิจระดับประเทศสมัยใหม่ ที่ล้มล้างความคิดเดิม ๆ แล้วลองตั้งคำถามกับตัวเองว่า MMT จะไปรอดได้จริงในระยะยาวหรือไม่ ?
Modern Monetary Theory หรือ ทฤษฎี MMT คือ ?
Modern Monetary Theory หรือ MMT แปลตรงตัวว่า ทฤษฎีโครงสร้างการเงินสมัยใหม่ ที่เสนอแนวคิดว่า การเงินระดับประเทศไม่เหมือนการเงินระดับบุคคล คนทั่วไปเมื่อมีหนี้สินก็จำเป็นที่จะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน, ถูกหวย หรือมีคนช่วยเหลือ ฯลฯ ซึ่งหากทำไม่ได้บุคคลนั้นก็จะถือเป็นคนที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวและล้มละลาย แต่ประเทศที่มีสกุลเงินเป็นของตัวเองนั้นต่างออกไป เพราะประเทศสามารถตัดสินใจ “ผลิตเงิน” ออกมาใช้ประโยชน์ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งความสามารถดังกล่าวบวกกับการบริหารเงินที่ผลิตเองเหล่านั้นอย่างถูกต้องเหมาะสม จะทำให้ประเทศไม่มีวันล้มละลายแม้จะมีหนี้สินล้นพ้นตัวแค่ไหนก็ตาม
Deficit Myth
การบริหารของรัฐบาลจะสะท้อนอยู่บนการใช้จ่ายงบประมาณในแต่ละปี คำว่า Deficit คือการที่รัฐบาลของประเทศตั้งงบประมาณใช้จ่ายแบบขาดดุล พูดง่าย ๆ คือรัฐบาลตั้งใจที่ใช้จ่ายเงินไปกับสิ่งต่าง ๆ มากกว่าที่ตัวเองสามารถหาได้ ซึ่งแนวคิดดั้งเดิมมองว่าเป็นภาพพจน์ของรัฐบาลที่ไม่มีวินัยทางการเงินและจะทำให้ประเทศชาติล่มจมในระยะยาว แต่ทฤษฎี Modern Monetary Theory เสนอว่า “ไม่จริงเสมอไป” เพราะการขาดดุลของรัฐบาล หมายถึงผลกำไรและประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อประเทศในระยะยาวได้เช่นกัน
ตัวอย่างเช่น หากในปีนี้รัฐบาลใช้จ่ายเงิน 100 บาท โดยนำไปดำเนินนโยบายให้เกิดการจ้างงานเพื่อให้ประชาชนมีงานทำ จากนั้นเก็บภาษีกลับมาแค่ 80 บาท ผลคือรัฐบาลขาดดุลงบประมาณไป 20 บาท แต่เงิน 20 บาทดังกล่าวไม่ได้หายไปไหน เพราะมันลงมาไหลเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจและการใช้จ่ายของภาคประชาชน ซึ่งถือเป็นผลประโยชน์ของส่วนรวม และในทางกลับกัน MMT มองว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเลยถ้ารัฐบาลคิดจะใช้จ่ายแค่ 70 บาทแล้วเก็บภาษีให้ได้ 80 บาทเพื่อให้งบประมาณเกินดุลและเพื่อพิสูจน์ว่ารัฐบาลมีวินัยทางการเงินที่ดี แต่สุดท้ายกลับทำให้มีประชาชนกลุ่มหนึ่ง “ตกงาน”
หนึ่งจุดตายของ ทฤษฎี MMT
แม้ทฤษฎี MMT อาจฟังดูราวกับว่าจะสนับสนุนให้รัฐบาลของประเทศที่มีสกุลเงินเป็นของตัวเองนั้น สามารถพิมพ์เงินออกมาใช้ประโยชน์เท่าไหร่ก็ได้ไม่จำกัด แต่อันที่จริงแล้ว MMT ไม่ได้สมบูรณ์แบบขนาดนั้น เพราะจุดตายที่จะสร้างหายนะให้กับ MMT และเศรษฐกิจของประเทศได้ นั่นก็คือสิ่งที่เรียกว่า “เงินเฟ้อ” (Inflation)
ทฤษฎี MMT เสนอว่า เงินที่ได้จากการพิมพ์เงินและการทำงบประมาณขาดดุลของรัฐบาลแต่ละประเทศ จะเอามาใช้แบบซี้ซั้วไม่ได้ การใช้จ่ายของรัฐบาลจะต้องมีเหตุผลมีผลและเป็นเสมือนการลงทุนระยะยาว เพื่อมุ่งหวังให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโต สร้างผลตอบแทนให้ประชาชนอยู่ดีกินดีเป็นสำคัญ เช่น เอามาพัฒนาระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ, พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้ทันสมัย หรือ สนับสนุนโครงการวิจัยที่สามารถพัฒนาไปเป็นผลิตภัณฑ์หรือบริการที่จะสร้างรายได้ให้ประเทศได้มากมายในอนาคต และที่สำคัญคือจะต้องไม่เอาเงินที่พิมพ์ออกมาไปทำอะไรที่จะเสี่ยงก่อให้เกิด “เงินเฟ้อ” เป็นอันขาด
ดังนั้นแนวทางการใช้เงินที่ประเทศพิมพ์ออกมาจึงต้องตั้งอยู่บนคำถามสำคัญว่า “โครงการใช้เงินดังกล่าวจะทำให้เกิดเงินเฟ้อหรือไม่?” ซึ่ง MMT จะคัดค้านเต็มที่หากโครงการดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อตามมา ตัวอย่างเช่น การพิมพ์เงินรัว ๆ เพื่อแจกให้ประชาชนไปใช้จ่ายแบบฟรี ๆ หรือการพิมพ์ออกมาเพื่อให้ผู้มีอำนาจได้คอร์รัปชันแล้วนำไปใช้จ่ายอย่างไม่เกิดประโยชน์ เหล่านี้สุ่มเสี่ยงมากที่จะเกิดปัญหาเงินเฟ้อตามมา และหากเบรกไม่อยู่จนกลายเป็นภาวะ “เงินเฟ้อทะลุฟ้า” หรือ Hyperinflation ก็จะทำให้ประเทศล่มจมได้ เหมือนกับ สาธารณรัฐไวมาร์ ช่วงค.ศ.1921, ประเทศซิมบับเว่ในปี 2008 หรือประเทศศรีลังกาในปี 2022 นั่นเอง
บทสรุป
Modern Monetary Theory คือ ทฤษฎีการเงินระดับประเทศที่คัดค้านความเชื่อเดิมที่เราเคยคิดว่าประเทศชาติควรจะต้องมีวินัยทางการเงินในรูปแบบของการใช้จ่ายให้น้อยกว่าที่หาได้ ไม่ต่างไปจากประชาชนคนธรรมดาทั่วไป กลายเป็นแนวคิดที่ค่อนข้างให้อภิสิทธิ์กับประเทศหรือรัฐบาลที่บริหารประเทศ ให้สามารถ “ผลิตเงิน” ด้วยการก่อหนี้สินได้อย่างเป็นเรื่องปกติธรรมดา ตราบใดที่รัฐบาลสามารถบริหารการใช้จ่ายเงินเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ, เป็นเหตุเป็นผล, คำนึงถึงผลประโยชน์ระยะยาวของประชาชน และไม่ทำให้เกิด “เงินเฟ้อ” อันเป็นจุดตายสำคัญที่สุดของ MMT หากสามารถทำได้ตามนี้ ประเทศก็จะไม่มีวันล่มจม แม้จะพิมพ์เงินมากมายจนมีหนี้สินล้นพ้นตัวเพียงใดก็ตาม
แต่คำถามหนึ่งที่ยังค้างคาใจของ MenDetails อยู่ตรงที่ความคาดหวัง, ความเชื่อ และความศรัทธา ว่ารัฐบาลผู้ปกครองประเทศและครองอำนาจในการผลิตเงินเหล่านั้น จะสามารถธำรงตนเป็นผู้มีคุณธรรม, มีความสามารถ, มีประสิทธิภาพ และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมได้จริง แถมต้องเป็นการถาวรอีกด้วย เพราะหากมียุคใดที่เกิดมีรัฐบาลใดแตกแถวหรือคอร์รัปชันด้วยการนำเอาแนวคิด MMT มาบังหน้า นั่นแปลว่าประเทศดังกล่าวจะประสบกับความเสี่ยงที่จะกลายเป็นประเทศที่ล้มละลายได้เช่นกัน
หากทฤษฎี Modern Monetary Theory จำเป็นต้องพึ่งพาความไว้ใจในประสิทธิภาพและคุณธรรมของผู้มีอำนาจรัฐขนาดนั้น มันจะคุ้มกับความเสี่ยงไหม และ MMT เองจะส่งผลดีได้อย่างยั่งยืนเพียงใดบนความรับผิดชอบของกลุ่มผู้มีอำนาจเหล่านั้น ที่พูดตามตรงก็เป็นมนุษย์ปุถุชนที่มีกิเลสตัณหาไม่ต่างกับเรา ๆ ท่าน ๆ เช่นกัน
เป็นคำถามที่น่าสนใจ และ MenDetails เองก็ไม่แน่ใจนักว่าเราจะมีโอกาสได้รู้คำตอบที่แท้จริงหรือไม่นะครับ
แล้วคุณผู้อ่านล่ะ คิดเห็นอย่างไรกันบ้าง?