ถ้าพูดถึงค่ายรถยนต์ที่กำลังบุกตีตลาดไทยอย่างหนักในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เห็นทีจะไม่พูดถึงค่าย Great Wall Motor (GWM) ก็คงไม่ได้ เพราะค่ายนี้เรียกได้ว่าเปิดตัวรถใหม่มาตีตลาดกลุ่มผู้ใช้ในไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ มากมายหลายรุ่น ทั้งรถ SUV แบบ HEV ไปจนถึงรถพลังงานไฟฟ้า BEV ที่ราคาไม่ไกลเกินเอื้อม แต่ได้คุณภาพและเทคโนโลยีต่าง ๆ ของรถครบครัน รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ทำให้ GWM เป็นที่จับตามองของใครหลาย ๆ คน ซึ่ง MenDetails เอง ก็ได้มีโอกาสสัมผัสหนึ่งในรถตัวเด่นของค่ายไปเมื่อไม่นานมานี้ นั่นคือ ORA Good Cat GT น้องเหมียวไฟฟ้าที่หลายคนให้ความสนใจทั้งในเรื่องดีไซน์รถไปจนถึงการที่มันเป็นพลังงานไฟฟ้า ที่ราคาเป็นมิตร และนี่คือความรู้สึกของเราจากประสบการณ์ที่ได้ลองสัมผัสเจ้าเหมียวไฟฟ้าตัวนี้ครับ
ORA Good Cat GT เหมียวไฟฟ้าที่หล่อขึ้นจากร่างเดิม
คำถามแรกในใจของหลายคนเกี่ยวกับรถคันนี้ คือ มันมีอะไรที่ต่างไป หรือมีอะไรที่เพิ่มขึ้นจาก ORA Good Cat รุ่นปกติที่ GWM ได้เปิดตัวและวางขายไปก่อนหน้านี้ แถมยังได้รับการตอบรับดีจากคนใช้รถทั่วประเทศด้วยการสร้างสถิติยอดจองครบ 500 คันในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงหลังการประกาศ
สำหรับเจ้ารุ่น GT นี้ จุดที่สังเกตได้ก่อนใครเพื่อน ก็จะเป็นเรื่องของดีไซน์รถภายนอกที่ได้รับการแต่งใหม่ให้ดูสปอร์ต ดูโฉบเฉี่ยวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกันชนหน้า, สเกิร์ตกันชนท้ายที่มีการแต้มสีดำ, ลายคาร์บอนไฟเบอร์เข้าไปตามส่วนต่าง ๆ ทำให้รถมีความกว้างและยาวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย, คิ้วขอบล้อพร้อมล้ออัลลอยลายใหม่โชว์ให้เห็นคาลิปเปอร์เบรกสีแดงได้ชัดเจน และฝาท้ายไฟฟ้าที่ไม่ต้องออกแรงเปิดเองที่ไม่มีในรุ่นธรรมดา รวมถึงยังมีโลโก้ GT ประดับอยู่บนสปอยเลอร์และชื่อรุ่นรถ มาพร้อมกับสี Aqua Grey สีใหม่ของ GT แต่เรื่องของระบบช่วงล่างยังเหมือนรุ่นปกติอยู่
ด้านนอกให้ความรู้สึกสปอร์ตมากขึ้นแล้ว เมื่อเปิดประตูรถเข้าไปด้านในจะยิ่งสัมผัสได้ถึงความแตกต่างในการแต่งด้วยสีทูโทนสีดำ ตัดด้วยสีแดงต่างจุดต่าง ๆ ตั้งแต่เบาะ แถบคอนโซลหน้า พวงมาลัย และโลโก้ GT บนพนักพิงหัวของเบาะ ทำให้รู้สึกถึงความเท่ ความสปอร์ตและยังดูพรีเมี่ยมมากขึ้นด้วย
เบาะคู่หน้ายังเป็นเบาะไฟฟ้า ปรับตำแหน่งได้หลากหลาย พร้อมระบบนวดไฟฟ้าเพิ่มความสบายที่ในรุ่นปกติไม่มี ทำให้ในรุ่น GT นี้ ราคาที่เพิ่มขึ้นมาพร้อมกับการแต่งหล่อจากโรงงานให้เสร็จสรรพ ไม่ต้องมาแต่งเสริมกันเอง ซึ่งอาจจะทำให้งบบานปลายและบางอย่างไม่สามารถแต่งได้เหมือนรุ่น GT ในขณะเดียวกันคนที่ชอบแต่งเสริมรถเองอาจจะชอบรุ่นปกติมากกว่าเพราะสามารถแต่งได้ตามใจมากกว่า ก็เป็นเรื่องความชอบของใครของมันครับ
แรงขึ้น เอาใจสายซิ่งที่ขับในเมืองได้ดี
ดูเรื่องรูปลักษณ์ภายในภายนอกไปแล้ว มาดูในส่วนของเครื่องยนต์กันบ้างครับ เพราะรุ่น GT นี้ได้รับการอัพเกรตในเรื่องของเครื่องยนต์ให้แรงขึ้นจากรุ่นปกติขึ้นมาอีกนิดเพื่อเอาใจคนชอบความเร็วมากขึ้น
มอเตอร์ไฟฟ้าของรุ่น GT นี้ได้รับการอัปเกรดใหม่ให้มีพละกำลังสูงสุดเป็น 171 แรงม้า จากรุ่นปกติที่มี 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุดเพิ่มเป็น 250 นิวตันเมตร จากเดิม 210 นิวตันเมตร ทำให้สามารถเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ใน 8.5 วินาที ซึ่งเร็วกว่าเดิมที่ทำได้ในราว ๆ 9 วินาที พร้อมความเร็วสูงสุดตามที่ทาง GWM บอกไว้ คือ 152 กม./ชม. แต่พอขับจริงทั้งความเร็วสูงสุดรวมถึงเร่งความเร็ว 0 – 100 กม./ชม. ดูจะทำได้ดีกว่านั้นอยู่นิดหน่อย ทำให้เจ้ารุ่น GT นี้ เวลาเร่งรู้สึกได้ว่ามันพุ่งไปข้างหน้ามากกว่ารุ่นปกติ เวลาเหยียบแล้วรถจะออกตัวพุ่งอย่างรู้สึกได้ เพราะเครื่องยนต์ที่มีพลังมากขึ้น ทำให้เวลาจะแซงรถไม่อืดอาด หรือขับบนทางหลวง ทางด่วนโล่ง ๆ เหยียบหลังติดเบาะยาว ๆ
สำหรับตัวแบตเตอรี่นั้นไม่ได้เปลี่ยนไปจากรุ่นปกติ ทำให้ยังคงมีระยะทางวิ่งไกลสุดที่ 500 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งเป็นระยะทางที่เหลือ ๆ ต่อการขับในเมืองและการออกไปต่างจังหวัดที่ไม่ไกลนัก แต่ถ้าจะออกไปไหนไกลอาจจะต้องประเมินเส้นทางให้ดีกันสักนิดครับ เพราะระยะทางที่ขับได้จริงย่อมไม่ถึงเท่าที่แบรนด์บอกอยู่แล้ว เช็กระหว่างทางกันสักหน่อยว่าจะมีจุดไหนสามารถชาร์จแบตกันได้บ้าง หรือโรงแรมที่ไปพักชาร์จได้ไหม
นอกจากเครื่องยนต์ที่ได้รับการอัพเกรต รุ่น GT ยังมาพร้อมกับระบบช่วยขับขี่ที่ครบครันตามสไตล์ GWM ทั้งโหมดการขับขี่ที่มีให้เราเลือกขับหลากหลาย ไม่ว่าจะแบบสปอร์ต ประหยัด หรือแบบ comfort ไปจนถึงระบบความปลอดภัยรอบคัน เช่น ระบบช่วยถอยหลัง ระบบช่วยจอด ระบบช่วยเข้าโค้ง เบรกฉุกเฉิน ทำให้เราขับได้สะดวกสบายขึ้น สามารถปรับได้หลากหลายตามความต้องการ รวมถึงระบบความบันเทิงบนรถเชื่อมต่อกับ Smartphone ทำให้การเดินทางไม่น่าเบื่อ
สรุปประสบการณ์ที่เราได้สัมผัส
จากที่เราได้สัมผัสด้วยตัวเอง ต้องบอกว่าเจ้าเหมียวแต่งหล่อคันนี้คันจริงเท่มาก ๆ ตั้งแต่การตกแต่งภายนอก ไปจนถึงเมื่อได้ลองนั่งภายใน ให้ความรู้สึกสปอร์ต และระบบความสะดวกสบายและระบบช่วยเหลือในการขับจัดเต็ม นั่งสบายทั้งด้านหน้าด้านหลังแม้รถดูจะมีขนาดเล็ก แต่ไปแทนด้วยที่เก็บสัมภาระที่ไม่มีพื้นที่มากนัก หากใครจะขับเดินทางไกล ๆ ที่ต้องมีสัมภาระเยอะ ๆ หรือเดินทางเป็นครอบครัว กลุ่มเพื่อนที่มีหลายคน เจ้าเหมียวคันนี้อาจจะไม่ตอบโจทย์ แต่ถ้าขับในเมืองหรือออกไปต่างจังหวัดที่ไม่ไกลนัก ไม่ต้องมีสัมภาระเยอะ เจ้าเหมียวแต่งหล่อคันนี้ก็สามารถพาเราไปได้อย่างแน่นอนครับ ยิ่งใครที่ชอบรถที่ดูสปอร์ตหน่อย เร่งสนุกแม้จะเป็นรถไฟฟ้า ORA Good Cat GT ถือว่าน่าสนใจ
แม้จะเร่งสนุก แต่ด้วยความที่เป็นรถไฟฟ้า เมื่อเราถอนเท้าออกจากคันเร่ง ตัวรถจะมีความเร็วลดลงเหมือนกับแตะเบรก แม้ไม่หยุดซะทีเดียวแต่ก็สัมผัสได้ เมื่อเจอกับสภาพการจราจรประเทศไทยเข้าไปทำให้อาจเกิดอาการเมารถได้ จากที่ลองได้นั่งและสอบถามผู้โดยสารของรถคันอื่น ๆ ที่ได้สัมผัสเจ้าเหมียวแต่งหล่อด้วยกันในการลองขับครั้งนี้มีหลายคนที่พูดคล้าย ๆ กัน แต่นี่ก็เป็นปกติของรถไฟฟ้าที่เราก็ต้องเข้าใจ
อีกประเด็นที่เราคิดว่าสำคัญ คือ เรื่องของราคาที่ตอนแรกคาดว่าจะไม่เกินล้าน แต่พอเปิดตัวจริงแม้ได้ส่วนลดจากภาครัฐแล้วก็ยังอยู่ที่ 1.28 ล้านบาท เป็นราคาที่ถือว่าสูงกว่าที่คาดกันไว้ ถึงมันจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากยอดจองครบ 500 ในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง สำหรับมองว่าใครที่ชอบรถที่แต่งมาให้เสร็จแล้ว เป็นของจากโรงงานผลิตไปแต่งเองก็ได้ไม่เหมือน รวมได้เครื่องยนต์ที่แรงกว่าเดิมก็คุ้มราคา ส่วนคนที่อยากได้รถไฟฟ้าไว้ใช้งานโดยไม่เกี่ยงเรื่องชุดแต่งแต่ต้องการเน้นที่ราคาเป็นมิตรก็อาจจะมองว่าราคาค่อนข้างสูงครับ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ้าเหมียว GT คันนี้เท่มากจริง ๆ
แม้อาจจะออกมาราคาสูงกว่าที่คาด แต่ก็ถือว่าราคาไม่แรงถ้าเทียบกับรถไฟฟ้าหลาย ๆ แบรนด์ ถ้าหากเป็นคนทั่ว ๆ ไปขับไม่ต้องการความหรูหราอะไรมาก แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับการขับในเมืองเพื่อไปทำงานและใช้ชีวิตประจำวัน
ซึ่งก็น่าจับตามองต่อไปว่า GWM จะขนรถอะไรมาตีตลาดผู้บริโภคชาวไทยที่มีไลฟ์สไตล์อื่น ๆ อีก คิดว่าจะทำให้ตลาดรถยนต์ HEV และ BEV ดุเดือดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้คนสามารถเข้าถึงรถไฟฟ้าได้มากขึ้นโดยได้รถที่ตอบความต้องการและเงินทุนได้มากขึ้นครับ