ในบทความก่อนหน้านี้ MenDetails ได้พูดถึง กฎ 4% หรือ 4% Rule และ ความสำคัญของ การควบคุมรายจ่าย เพื่อที่จะทำให้เราเก็บเงินจนสามารถใช้งานกฎ 4% ได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต แต่หลายคนคงมีคำถามเพิ่มเติมว่า “จะมีเทคนิคอย่างไรที่จะทำให้เรา ใช้เงินอย่างมีสติมากขึ้น ท่ามกลางสังคมทุนนิยมที่มีแต่สิ่งสวยงามล่อตาล่อใจให้เรา “ควักเงินออกมาใช้จ่าย” ได้ตลอดเวลา” วันนี้ MenDetails ขอหยิบเอาอีก 1 กฎ ที่มีชื่อว่า “กฎ 752” มาแนะนำให้รู้จักกันครับ
กฎ 752 ทำงานอย่างไร ?
กติกาของกฎ 752 หรือ The Rule of 752 เริ่มต้นด้วยการทำบัญชีรายรับรายจ่ายเป็นรายสัปดาห์ จากนั้นมองไปที่ค่าใช้จ่ายสักก้อนหนึ่งที่เราคิดว่าเราสามารถประหยัดได้ “ทุกสัปดาห์” แล้วนำตัวเลขนั้นไปคูณกับ “752” ผลลัพธ์ที่ได้คือจำนวนเงินที่เราจะได้รับหากตัดสินใจนำเงินก้อนนั้นไปลงทุนในอัตราผลตอบแทน 7% ทบต้นเป็นเวลา 10 ปีแทน
ยกตัวอย่างเช่น หากเราชอบดื่มกาแฟแบรนด์ดังเป็นประจำทุกวัน วันละ 1 แก้ว เฉลี่ยราคาแก้วละ 100 บาท รวม 1 สัปดาห์ เราจะจ่ายเงินซื้อกาแฟรวม 700 บาท เมื่อเรานำเอา 700 คูณกับ 752 ผลลัพธ์ที่ได้คือ 526,400 บาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินก้อนที่เราจะได้รับ หากเราเลือกที่จะประหยัดเงิน 700 บาท “ทุกสัปดาห์” แล้วเอาไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทน 7% ต่อปีเป็นเวลา 10 ปีแทน
อีกตัวอย่างเช่น ถ้าเราชอบออกไปสังสรรค์กินดื่มนอกบ้านดี ๆ หรือต้องพาสาวไปออกเดท สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ครั้งละ 1,350 บาท รวมเป็น 2,700 บาทต่อสัปดาห์ หากลดจำนวนลงเหลือครั้งเดียวต่อสัปดาห์ (อาจเริ่มด้วยการ จีบสาว ให้น้อยลงหน่อย) แล้วเอาเงินไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทน 7% ต่อปี เงิน 1,350 บาทต่อสัปดาห์นั้นจะเติบโตกลายเป็น 1,015,200 บาท สรุปง่าย ๆ คือเราจะมี “เงินล้าน” ใน 10 ปีนั่นแหละครับ
ประโยชน์ของกฎ 752
ประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุดของกฎ 752 คือการช่วยดึง “สติ” ในการใช้จ่ายเงินของเราเองให้กลับมาอีกครั้ง เพราะในใจของเราตอนนี้จะมองเงิน 100 บาทที่กำลังจะจ่ายออกไปวันนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เงิน 100 บาทในสายตาเราจะมีค่ามากกว่า 100 บาทไปไกลโข เพราะการจ่ายเงิน 100 บาทในมือเราตอนนี้ออกไปหมายถึงเรากำลังจะทิ้ง “โอกาส” ที่จะทำเงินเป็นแสน หรือ เป็นล้าน ได้ในอนาคต
มันคือแรงบันดาลใจชั้นดีสำหรับใครที่กำลังคิดว่า “ชีวิตนี้ไม่มีเงินเก็บเลย” ขอเพียงมองหาค่าใช้จ่ายก้อนเล็กก้อนน้อยของเรา ไม่เกี่ยงว่าจะเล็กแค่ไหน จะเป็นค่ามอเตอร์ไซค์รับจ้างในระยะทางที่เราเดินเองได้, ค่าชานมไข่มุกแก้วที่ 2 ของวัน, ค่ากินขนมจุบจิบ, ค่าน้ำอัดลมระหว่างมื้ออาหาร จะอะไรก็แล้วแต่ที่เราเห็นแล้วฉุกคิดในใจว่า “ไม่ใช้ก็ได้นี่หว่า” จะประหยัดได้เพียงแค่สัปดาห์ละ 100 บาทก็ขอให้ทำเถอะ เพราะก้าวเล็ก ๆ นี่แหละต่อไปจะเติบโตเป็นก้าวใหญ่ ๆ ได้ในอนาคต อย่างน้อย 10 ปีผ่านไป เราก็ยังมีเงิน 75,200 บาทจากการประหยัดเงิน 100 บาทต่อสัปดาห์นั่นเอง
ปัญหาของ กฎ 752
เช่นเดียวกับ กฎ 4% เพราะตัว กฎ 752 เองก็ตั้งขึ้นบนสมมติฐานที่เชื่อว่าเราสามารถสร้างผลตอบแทนได้เฉลี่ย 7% ทบต้นต่อปี เป็นเวลา 10 ปี อาจจะมีบางปีที่ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า 7% สลับกับบางปีที่แย่กว่า 7% แต่โดย “เฉลี่ย” ต้องเกาะอยู่ที่ 7% ในระยะยาว ซึ่งนั่นหมายความว่าคนที่จะใช้ กฎ752 ได้นั้น จะต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการเงินและการลงทุนส่วนบุคคลที่ดีพอสมควรเสียก่อน จึงจะสามารถใช้งานกฎนี้ได้ผลจริง
ดัชนี S&P500 ย้อนหลัง (credit : investing.com)
ผลตอบแทนเฉลี่ย 7% ทบต้นต่อปี แม้จะดูสูง แต่ก็พอเป็นไปได้ เพราะการลงทุนในกองทุนดัชนีหุ้นขนาดใหญ่อย่างประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ก็ให้ผลตอบแทนที่สูงเกิน 7% หรือแม้แต่ดัชนีตลาดหุ้นของประเทศไทยก็ตามที แม้จะลุ่ม ๆ ดอน ๆ และอยู่ท่ามกลางวิกฤติ COVID-19 แต่ผลตอบแทนรวมเงินปันผลตามดัชนี SET TRI ในช่วง 10 ปีย้อนหลังก็ยังอยู่ที่ราว 7% ทบต้นต่อปีได้เช่นกัน (ประมาณจากผลตอบแทน SET TRI เริ่มจากวันที่ 1 มกราคม 2010 ที่ดัชนี 3162.68 จุด จนถึงวันที่ 23 มีนาคม 2020 ที่ดัชนี 6680.55 จุด ซึ่งเป็นจุดที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติ COVID-19 อย่างหนัก)
ดัชนี SET TRI ย้อนหลัง (credit : investing.com)
อย่างไรก็ดี การลงทุนบนโลกนี้มีอีกหลายแบบหลายประเภท ส่วนที่ MenDetails ยกตัวอย่างตลาดหุ้นนั้น ก็เพื่อเป็นตัวอย่างให้เห็นภาพที่ชัดเจนเท่านั้น แต่ถ้าเราไม่ได้เป็นคนที่ชอบการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ก็สามารถมองหาการลงทุนที่เราถนัดหรือเหมาะกับสไตล์ของเราเองได้ เหนือสิ่งอื่นใดคือความมุ่งมั่นที่จะสร้างเนื้อสร้างตัว และพร้อมที่จะใฝ่หาความรู้เพื่อสร้างฐานะที่ดีในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนแนวไหนก็ตาม ตัวเลข 7% ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้หากเราตั้งใจ และ กฎ 752 นี่แหละจะช่วยดึงสติในการใช้จ่าย ให้เราอยู่ในลู่ในทางเพื่ออนาคตทางการเงินที่ดีขึ้นกว่าเดิมของเราเองครับ
จากนี้ไปก่อนจะควักเงินใช้จ่ายกับอะไร อย่าลืมเอาไปคูณ 752 ด้วยนะครับ