Series ‘MDs’ Style Icons’ ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือ ‘Icons of Men’s Style’ โดย Josh Sims ที่รวบรวมประวัติความเป็นมาของเครื่องแต่งกายสุภาพบุรุษฉบับคลาสสิกตั้งแต่หัวจรดเท้า ที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ เครื่องแต่งกายเหล่านี้ก็จะยังคงความคลาสสิกอยู่คู่กับสไตล์ของผู้ชายไปได้อีกนานแสนนาน
‘Guernsey Sweater’ หรือ ‘เสื้อสเวตเตอร์เกิร์นซี่ย์’ อาจเรียกได้ว่าเป็นเสื้อที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานที่สุดในตู้เสื้อผ้าของผู้ชายในยุคปัจจุบัน อีกทั้งสไตล์และการตัดเย็บของเสื้อชนิดนี้ก็ไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงเลยนับตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 16 ในสมัยพระราชินีอลิซาเบธที่ 1 เป็นต้นมา เรียกได้ว่าเป็น ‘จระเข้ของแฟชั่นผู้ชาย’ เลยก็ว่าได้
กะลาสีเรือรุ่นดึก กับเสื้อ Guernsey Sweater คู่ใจ ใส่ทน, ใส่ง่าย, ใส่สบาย
ย้อนหลังไปเมื่อกว่า 500 ปีก่อน สมัยที่อังกฤษครองอำนาจและเป็นเจ้าอาณานิคมของโลก ภายใต้การปกครองของพระราชินีอลิซาเบธที่ 1 ด้วยกองทัพเรือที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร ดินแดนอาณานิคมที่อังกฤษยึดได้มากมายทั่วโลก ก่อให้เกิดการเดินทางและการค้าขายทางเรืออย่างกว้างขวาง อาชีพกะลาสีเรือจึงเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมาก ซึ่งกะลาสีเองก็ต้องการเสื้อผ้าที่ใส่ง่าย, นุ่มสบาย, ให้ความอบอุ่นได้ดี และหนาพอที่จะป้องกันอันตรายจากเครื่องใช้หรือการเสียดสีกับเชือกเวลาทำงานบนเรือ และ Guernsey Sweater ก็ตอบโจทย์เหล่านั้นได้เป็นอย่างดี ทำให้เสื้อทออันเป็นผลิตภัณฑ์จากเกาะเกิร์นซี่ย์ (Guernsey Island) ตัวนี้ได้รับความนิยมในหมู่ชาวกะลาสีและทหารเรือของกองทัพอังกฤษนับแต่นั้นเป็นต้นมา
ภาพกะลาสีหนุ่มในชุด Guernsey Sweater “แขนเต่อ คอตั้ง”
เสื้อสเวตเตอร์เกิร์นซี่ย์ ในยุคเริ่มแรกทอขึ้นเพื่อใช้งานในกลุ่มชาวประมงบนเกาะเกิร์นซี่ย์เอง โดยมีลักษณะเด่นที่แตกต่างจากเสื้อสเวตเตอร์ทั่วๆไป นิยมทอจากผ้าวูลชุบน้ำมันที่มีน้ำหนักค่อนข้างมาก เพื่อให้ตัวเสื้อช่วยป้องกันทั้งลมและฝนระหว่างที่กะลาสีทำงานบนเรือ รวมถึงให้ความอบอุ่นได้อย่างเต็มที่ บริเวณคอเสื้อจะยกตัวขึ้นคล้าย “คอเต่า” แต่ไม่สูงนักและไม่กระชับเข้ากับคอเหมือนเสื้อสเวตเตอร์คอเต่าทั่วไป ส่วนแขนเสื้อจะยาวลงมาไม่ถึงข้อมือ ทั้งนี้เพื่อสะดวกในการทำงาน ไม่ต้องคอยถลกแขนเสื้อขึ้นบ่อยๆ และไม่ต้องกลัวว่าปลายแขนเสื้อจะไปติดพันกับเครื่องมืออื่นๆ ขณะที่ทำงานอีกด้วยครับ
เสื้อสเวตเตอร์เกิร์นซี่ย์แบบต้นตำรับจะไม่มีฝีเย็บที่ด้านข้าง ลวดลายการทอบนเสื้อจะเหมือนกันทั้งหน้าและหลัง ส่งผลให้เสื้อชนิดนี้ไม่มีกำหนดว่าด้านไหนเป็นด้านหน้าหรือด้านหลังอย่างชัดเจน ซึ่งสะดวกสำหรับกะลาสีในการหยิบใส่โดยไม่จำเป็นต้องตรวจดูก่อนว่าใส่ถูกด้านหรือไม่ ส่วนลวดลายการทอบนเสื้อสเวตเตอร์แบบนี้จะมีลวดลายที่อ้างอิงกับชีวิตบนเรือเป็นหลัก เช่น ลวดลายทอคล้ายเชือกบนเรือประมง, ลายสมอเรือ, ลายอวน หรือลายก้างปลาแฮร์ริ่ง (Herringbone) เป็นต้น
ลาย Herringbone บนตัวเสื้อ Guernsey Sweater ในยุคปัจจุบันที่ยังคงรูปแบบและดีไซน์เดิมเหมือน 500 กว่าปีก่อน
ใส่ทับเสื้อเชิ้ตเหมาะกับการท่องเที่ยวในประเทศที่มีอากาศเย็นๆ ได้ดีเลยทีเดียว
ในปัจจุบันชาวเกาะเกิร์นซี่ย์ยังคงสืบทอดงานทอเสื้อสเวตเตอร์เกิร์นซี่ย์จากรุ่นสู่รุ่น โดยหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องจักรอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ตามยุคสมัย อย่างไรก็ดีได้มีการเปลี่ยนแปลงวัสดุและเส้นใยผ้าที่นำมาทอให้นุ่มขึ้น และเหมาะกับ Life Style ของผู้ชายในยุคปัจจุบันมากขึ้น ถือเป็นเสื้อสเวตเตอร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเกี่ยวเนื่องกับเรือประมงและท้องทะเล แตกต่างจากเสื้อสเวตเตอร์ทั่วไป เสื้อสเวตเตอร์เกิร์นซี่ย์แต่ละตัวจึงเปรียบเหมือนมรดกงานศิลปะพื้นถิ่นที่ยังคงหลงเหลืออยู่ และมีอายุอานามกว่า 500 ปี โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ Iconic เสียขนาดนี้ MenDetails ขอแนะนำว่าถ้าใครมีโอกาสก็หาซื้อ Style Icon อย่าง Guernsey Sweater ชิ้นนี้มาใส่สักตัวนะครับ