Cr. https://media.mitsubishicars.com
WRC สร้างชื่อให้ Mitsubishi กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแบรนด์หนึ่งในช่วงยุค 90 โดยมีหัวหอกอย่าง Lancer Evolution คอยไล่ล่าความสำเร็จ นอกจากการเป็นแชมป์ในปี 1998 แล้ว Evolution ยังสร้างความประทับใจให้กับผู้คนและได้รับการยอมรับในเรื่องสมรรถนะกับความยอดเยี่ยมของตัวรถที่ไม่เป็นรองใคร แม้ว่าต่อมา Mitsubishi จะยุติเส้นทางแรลลี่ WRC ไปแต่ Lancer Evolution ก็ยังเดินต่อในฐานะสปอร์ตซีดานที่มาพร้อมเทคโนโลยีขั้นสูงจากสนามแข่งกับเอกลักษณ์เด่นอย่างเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Full time ทั้งหมดถูกถ่ายทอดมาต่อเนื่องถึง 10 เจเนอเรชันตลอดระยะเวลา 24 ปีที่โลดแล่นอยู่วงการยานยนต์
จากความสุดยอดด้านสมรรถนะ เทคโนโลยี และประสิทธิภาพการขับขี่ Lancer Evolution ขึ้นแท่นเป็นตำนานรถแรงจากญี่ปุ่นที่ได้รับการยกย่องไปทั่วโลก แม้ปัจจุบันจะเลิกผลิตไปแล้วแต่ชื่อเสียงและเรื่องราวในอดีตของมันยังคงมีการพูดถึงอยู่เสมอ MenDetails จึงขอพาทุกท่านมาย้อนดู ประวัติ Mitsubishi Lancer Evolution กันครับว่าน่าสนใจขนาดไหน ทำไมถึงเป็นรถที่แฟน ๆ เรียกร้องให้กลับมาทำตลาดมากที่สุดรุ่นหนึ่งในตอนนี้
ปฐมบทแห่งสายพันธุ์ Evolution
Cr. https://www.mitsubishi-motors.com
ประวัติศาสตร์ของ Lancer Evolution เริ่มต้นในปี 1992 จากกติกาการแข่งแรลลี่ WRC ในตอนนั้นที่กำหนดให้รถที่ลงแข่งในรุ่น Group A ต้องมีการผลิตออกมาขายจริงอย่างน้อย 2,500 คันต่อปี Mitsubishi จึงนำ Lancer เจนฯ 6 หรือที่บ้านเราเรียก E-Car มาปรับแต่งชุดใหญ่โดยยกเอาเครื่องยนต์ เกียร์ และระบบขับเคลื่อนของ Galant VR-4 มาใช้ทั้งชุด
Evolution I มากับเครื่องยนต์ 4G63 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 250 PS ประกบคู่เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ขับเคลื่อนสี่ล้อ Full time มีออกมาด้วยกัน 2 รุ่นย่อยคือ RS สำหรับใช้ทำเป็นรถแข่งกับรุ่น GSR ที่เป็นเวอร์ชันสำหรับขายให้กับลูกค้าทั่วไป
รูปลักษณ์ของ Evolution I มีความหล่อแบบเรียบง่ายพร้อมสปอยเลอร์หลังรูปทรงเป็นเอกลักษณ์ ส่วนภายในห้องโดยสารมากับเบาะนั่งทรงสปอร์ตจาก Recaro และพวงมาลัยสามก้านจาก MOMO ด้วยจำนวนการผลิตเพียง 2,500 คัน Evolution I จึงเป็นรถที่หายากมากและยังมีมูลค่าสูงเพราะเป็นรุ่นแรกของตำนาน Lancer Evolution
อัพเกรดสู่การเป็น Evolution ที่ดีกว่า
Cr. https://www.mitsubishi-motors.com
Evolution II เปรียบเสมือนภาคต่อของ Evo I โดยรุ่นนี้จะเน้นการอัปเกรดสเปกมากกว่าการปรับเปลี่ยนหน้าตา มีการปรับปรุงระบบเฟืองท้ายใหม่ ขยายฐานล้อให้ยาวขึ้นเพื่อเพิ่มเสถียรภาพการขับขี่ทั้งทางตรงและในโค้ง เครื่องยนต์มีการปรับเพิ่มบูสต์เทอร์โบทำให้ได้แรงม้าเพิ่มขึ้นมาอีก 10 ตัวเป็น 260 PS และมีการปรับอัตราทดเกียร์ 1 และเกียร์ 2 ให้ชิดขึ้นเพื่ออัตราเร่งที่ฉับไวขึ้น
รูปลักษณ์โดยรวมยังคล้ายกับ Evo I แต่มีการเสริมหล่อด้วยล้ออัลลอย OZ 15 นิ้ว หุ้มยางขนาด 205/60R15 ห้องโดยสารมีการปรับดีไซน์เบาะนั่งใหม่ให้โอบกระชับลำตัวได้ดีขึ้น โดยเจนฯ นี้ยังมี 2 รุ่นย่อย RS กับ GSR เหมือนเจนฯ แรก ผลิตออกมาทั้งหมด 5,000 คันและขายหมดในเวลา 3 เดือนหลังเปิดตัว
Evolution III ตำนานตัวแข่งแรลลี่ที่คว้าชัยได้เป็นครั้งแรก
Cr. https://www.mitsubishi-motors.com
Evolution III เปิดตัวในปี 1995 พร้อมการปรับหน้าตาภายนอกใหม่ให้ดูสปอร์ตมากขึ้น และติดตั้งสปอยเลอร์หลังดีไซน์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มแรงกด downforce ได้มากกว่าเดิม นอกจากนี้ยังมีสีตัวถังใหม่ Dandelion Yellow ส่วนเครื่องยนต์มีการปรับแต่งเพิ่มแรงม้าอีกเป็น 270 PS ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 4.9 วินาที
Evolution III สร้างชื่อเสียงกระฉ่อนวงการแรลลี่ WRC ปี 1996 จากการคว้าชัยชนะได้ถึง 5 จาก 9 สนามด้วยฝีมือการขับของ Tommi Mäkinen และคว้าแชมป์ WRC ประเภทนักแข่งได้เป็นครั้งแรก ความสำเร็จครั้งนั้นสร้างชื่อให้ Evo III เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของสายพันธุ์ Lancer Evolution มาจนปัจจุบัน
ยุคที่สองของ Evolution เริ่มต้นขึ้น
Cr. https://www.mitsubishi-motors.com
Evolution IV มากับรูปลักษณ์ใหม่ที่ทันสมัยและปราดเปรียวยิ่งขึ้นโดยใช้พื้นฐานของ Lancer เจนฯ 7 หรือโฉมท้ายเบนซ์ในบ้านเรา จุดเด่นคือไฟตัดหมอกหน้าทรงกลมขนาดใหญ่ มี 2 รุ่นย่อย RS กับ GSR เหมือนเดิม การอัปเดตใหญ่ในเจนฯ นี้คือติดตั้งระบบ Active Yaw Control สำหรับควบคุมแรงบิดที่ล้อเป็นครั้งแรก
ในส่วนของเครื่องยนต์มีการอัปเกรดระบบเทอร์โบใหม่พร้อมการปรับเพิ่มความทนทานของชิ้นส่วนภายในจนได้แรงม้าเพิ่มขึ้นเป็น 280 PS นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มระบบ LSD ที่ล้อหน้า ปรับปรุงระบบกันสะเทือนหลังใหม่ รวมถึงปรับอัตราทดเกียร์ใหม่ให้ขับสนุกขึ้น
จุดสูงสุดของตระกูล Evolution กับการคว้าแชมป์ WRC
Cr. https://www.mitsubishi-motors.com
Evolution V เปิดตัวในเดือนมกราคม 1998 รูปลักษณ์ภายนอกมีการเปลี่ยนชุดไฟหน้าและไฟเลี้ยวข้างใหม่ ขยายช่องรับอากาศที่กันชนหน้า เปลี่ยนฝากระโปรงหน้าใหม่ทั้งชิ้น ปรับดีไซน์สปอยเลอร์หลังใหม่ นอกจากนี้ยังเพิ่มโป่งข้างให้ดูดุขึ้น ด้านเครื่องยนต์มีการเพิ่มขนาดเทอร์โบให้ได้แรงบิดมากขึ้น พร้อมกับปรับปรุงระบบกันสะเทือนและชุดเฟืองท้ายใหม่ และ ติดตั้งเบรก Brembo เพื่อประสิทธิภาพการเบรกที่ดีขึ้น
Evolution V สร้างชื่ออีกครั้งในปี 1998 ด้วยการคว้าแชมป์ WRC ประเภทผู้ผลิตได้เป็นครั้งแรกพร้อมกับนักขับ Tommi Mäkinen ที่คว้าแชมป์ประเภทผู้ขับขี่มาครองได้เป็นสมัยที่ 3 ของเจ้าตัว เรียกว่าเป็นรถที่พาให้ Mitsubishi ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของการแข่งขัน WRC ได้อย่างเต็มภาคภูมิ
สานต่อจุดสูงสุดในวงการแรลลี่ด้วย Lancer Evolution VI
Cr. https://www.mitsubishi-motors.com
Evolution VI เปิดตัวในปี 1999 พร้อมการปรับดีไซน์ภายนอกหลายอย่าง จุดเด่นคือตำแหน่งป้ายทะเบียนที่ย้ายมาไว้ด้านข้างกันชนหน้าซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ถ่ายทอดไปยัง Evo เจนฯ ต่อ ๆ มาทุกรุ่น รวมถึงไฟตัดหมอกดีไซน์ใหม่และสปอยเลอร์หลังแบบปีกคู่ ในส่วนของเครื่องยนต์มีการอัปเกรดเทอร์โบใหม่ กำลัง 280 PS เท่าเดิมแต่ได้แรงบิดเพิ่มขึ้น ทั้งยังมีการปรับปรุงช่วงล่างและระบบกันสะเทือนเพื่อการเข้าโค้งที่เนียนขึ้น
Evolution VI มีรุ่น RS และ GSR เหมือนรุ่นพี่แต่ที่พิเศษกว่าคือมีรุ่น Tommi Mäkinen Edition ออกมาในปี 1999 เพื่อเป็นการฉลองแชมป์สมัยที่ 4 ของนักขับชาวฟินแลนด์ โดยมากับตัวถังสีแดงแบบเดียวกับทีมแข่งแรลลี่ Mitsubishi พร้อมกับภายนอกและภายในเต็มคัน เป็นอีกหนึ่งรุ่นหายากที่นักสะสมตามเก็บกันอยู่ในขณะนี้
Lancer Evolution VII การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต้อนรับยุคมิลเลนเนียม
Cr. https://www.mitsubishi-motors.com
สายพันธุ์ Evolution มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่อีกครั้งในรุ่นที่ 7 โดยมากับบอดี้ใหม่ทั้งหมดพร้อมขนาดร่างกายที่ใหญ่โตขึ้นทุกมิติและหน้าตาที่ปราดเปรียวตามแบบฉบับรถยุคมิลเลนเนียม และถ้ายังจำกันได้ รถ Evo สีเหลืองของไบรอันในหนัง 2 Fast 2 Furious ก็คือ Evolution VII รุ่นนี้นี่เอง
ด้านเครื่องยนต์ยังคงใช้บริการ 4G63 เช่นเคยแต่มีการปรับแต่งชุดใหญ่จนได้แรงบิดเพิ่มเป็น 385 นิวตันเมตร การเปลี่ยนแปลงสำคัญอยู่ที่การติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อชุดใหม่ที่ควบคุมด้วยไฟฟ้า มีการปรับปรุงระบบกันสะเทือนหน้า-หลังใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมและการยึดเกาะให้ดีขึ้น ภายในมากับเบาะ Recaro และพวงมาลัยสามก้านของ MOMO นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ GT-A ที่มากับเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดเป็นครั้งแรกของตระกูล Evolution ด้วย
ยกระดับเทคโนโลยีและพละกำลัง
Cr. https://www.mitsubishi-motors.com
Evolution VIII ออกสู่ตลาดในปี 2003 พร้อมการปรับปรุงหน้าตาให้ทันสมัยขึ้น จุดเด่นอยู่ที่กระจังหน้าทรงพีระมิด สปอยเลอร์หลังวัสดุ CFRP และล้อ ENKEI ขนาด 17 นิ้ว ด้านเครื่องยนต์มีการปรับปรุงชิ้นส่วนภายในเพื่อเพิ่มความทนทานและได้แรงบิดเพิ่มขึ้นเป็น 400 นิวตันเมตร เกียร์ธรรมดามีทั้ง 5 และ 6 สปีด นอกจากนี้ยังมีการอัปเกรดระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและระบบกระจายแรงบิดให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น
Evolution VIII มีเวอร์ชัน MR ตามออกมาในปี 2004 โดยมากับหน้าตาที่ดุดันกว่ารุ่นปกติ เสริมด้วยหลังคาอะลูมิเนียม ล้อ BBS ขนาด 17 นิ้ว ระบบเฟืองท้าย LSD อัปเกรดใหม่ และโช้คอัพ Bilstein แบบสปอร์ต พร้อมกับปรับเพิ่มแรงบิดเครื่องยนต์เพื่อยกระดับความสนุกในการขับขี่
ครั้งแรกกับระบบวาล์วแปรผัน MIVEC และตัวถัง Wagon
Cr. https://www.mitsubishi-motors.com
Evolution IX ออกสู่ตลาดในปี 2005 พร้อมกับหน้าตาที่หล่อเหลายิ่งขึ้น พร้อมด้วยอุปกรณ์คุณภาพสูง อาทิ สปอยเลอร์หลังคาร์บอนไฟเบอร์ หลังคาอะลูมิเนียม โช้คอัพ Bilstein และระบบเบรก Brembo เจนฯ นี้มีตัวถัง Wagon เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวของตระกูลซึ่งขึ้นแท่นเป็น rare item ไปเรียบร้อยเพราะมีเพียง 2,500 คันทั่วโลก ด้านเครื่องยนต์มีการเอาระบบวาล์วแปรผัน MIVEC มาใช้เป็นครั้งแรกพร้อมปรับปรุงชิ้นส่วนภายในจนได้กำลัง 291 PS เช่นเดียวกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ถูกปรับปรุงประสิทธิภาพใหม่ให้ทำงานได้ฉลาดมากขึ้น
Evolution IX มีเวอร์ชัน MR ตามออกมาในปี 2006 พร้อมกับอัปเกรดเครื่องยนต์และช่วงล่างหลายอย่างเพื่อการขับขี่ที่เมามันยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชันพิเศษ MR Tuned by Ralliart ลายตัวแข่งแรลลี่ที่ได้แรงบันดาลใจจาก Evolution VI Tommi Mäkinen Edition ด้วย
Evolution X ทายาทรุ่นสุดท้ายของสายพันธุ์แรลลี่ระดับตำนาน
Cr. https://www.mitsubishi-motors.com
Evolution X เปิดตัวในปี 2007 พร้อมการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ใหม่ทั้งหมดโดยมาพร้อมกับสไตล์ที่ทันสมัยและดุดัน รวมถึงเครื่องยนต์ใหม่รหัส 4B11T เกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 6 สปีด ตลอดจนระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ S-AWC รุ่นใหม่ การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดแม้จะผิดขนบเดิมไปบ้างแต่ก็ทำให้รถรุ่นนี้กลายเป็น Evo ที่ทรงพลังและมีไดนามิกการขับขี่ที่ดีสุด
Evolution X มีรุ่นย่อย RS, GSR และ MR ให้เลือกอยู่เหมือนเดิมในทุกภูมิภาคที่วางขายพร้อมกับเวอร์ชันพิเศษอีกหลายรุ่นตลอดระยะเวลาที่ทำตลาด แต่จุดสิ้นสุดของตัวแรงสายพันธุ์แรลลี่ก็มาถึงเมื่อ Evolution X Final Edition เปิดตัวออกมาในปี 2015 มันคือรุ่นพิเศษส่งท้ายก่อนยุติสายการผลิตโดยมากับเครื่องยนต์ที่ได้รับการปรับเพิ่มกำลังเป็น 313 PS ผลิตจำกัดเพียง 1,000 คันเท่านั้นและแน่นอนว่าหมดลงอย่างรวดเร็ว นี่คือ Evo อีก 1 รุ่นที่ขึ้นแท่นเป็น rare item และเป็นการปิดฉากตำนาน Lancer Evolution อย่างสมศักดิ์ศรี
Cr. https://www.mitsubishi-motors.com
ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวและ ประวัติ Mitsubishi Lancer Evolution สุดยอดยนตรกรรมที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังและเสน่ห์อันน่าหลงใหล จากจุดเริ่มต้นในฐานะรถแข่งแรลลี่ Lancer Evolution ทุกรุ่นสร้างชื่อเสียงของตัวเองและได้รับการยอมรับไปทั่ววงการถึงสมรรถนะและประสิทธิภาพการขับขี่อันยอดเยี่ยม กลายเป็นสัญลักษณ์ที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น แม้ว่าตำนานบทนี้จะปิดลงไปแล้วแต่ชื่อของ Lancer Evolution น่าจะนั่งอยู่ในหัวใจของใครหลาย ๆ คนและจะไม่ถูกกลืนหายไปกับกาลเวลาแน่นอน คนรักความเร็วอย่างพวกเราก็ได้แต่หวังว่าวันหนึ่ง Lancer Evolution จะถูกปลุกชีพกลับขึ้นมาโลดแล่นบนท้องถนนอีกครั้ง ถ้าวันนั้นมาถึงก็คงจะมีความสุขกันไม่น้อยเลยว่าไหมครับ