สิ่งที่ทุกคนรู้จักเกี่ยวกับตัวผ้ายีนส์คงเป็นเรื่องน้ำหนักผ้าและวิธีการทอแบบ Right Hand Twill / Left Hand Twill หรือ Broken Twill ซึ่งวิธีการผลิตและถักทอผ้าแบบต่างๆ นั้นมีผลมาจากระบบเชิงอุตสาหกรรมและการแก้ปัญหาของตัวผ้ายีนส์หลังจากผ่านการใช้งานนั่นเอง เรื่องน้ำหนักผ้าคงไม่ต้องพูดถึงมากเท่าไรนัก หลายคนเข้าใจว่ายิ่งผ้ามีความหนัก (จำนวน oz สูง) ผ้าจะยิ่งมีความแข็งแรงและทนทานกว่าผ้าที่บางหรือจำนวน oz น้อยกว่า ซึ่งนั่นก็เป็นความจริงส่วนหนึ่งครับ แต่วันนี้ MDs อยากพาไปรู้จักเรื่องการขึ้นโครงผ้า Twill ที่มีผลต่อน้ำหนักผ้าด้วยเช่นกัน อ่านจบแล้วก็ไปลองพลิกยีนส์ตัวเองดูนะครับว่าเป็นแบบไหน
3×1
ถือเป็นวิธีการทอขึ้นลาย Twill ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดของผ้ายีนส์ เนื่องจากเป็นโครงสร้างผ้า Twill ที่แข็งแรงที่สุด และมักพบการขึ้นโครงสร้างแบบนี้กับผ้ายีนส์ที่มีน้ำหนักเกิน 10.5oz ส่วนจะเป็น Right Hand Twill หรือไม่ อันนี้ขึ้นอยู่กับการออกแบบของแต่ละแบรนด์
สาเหตุที่มีชื่อ 3×1 ก็เพราะว่า ทุกๆ 3 เส้นของด้ายยืน (Warp) จะมี 1 เส้นที่ถูกยกตัวขึ้นเพื่อให้ด้านพุ่ง (Weft) วิ่งลอดไป และจะยกต่อไปเรื่อยๆ เป็นชุดตามระบบ 4 ตะกอ (ดูจากรูปเพื่อเพิ่มความเข้าใจ) ซึ่งการขึ้นโครงสร้างแบบ 3×1 เป็นวิธีที่ดีที่สุดและกางเกงยีนส์ส่วนใหญ่ก็ถูกผลิตด้วยโครงสร้างนี้แทบทั้งสิ้น
2×1
เป็นอีกระบบในการขึ้นโครงสร้างผ้าลาย Twill ซึ่งถ้าคุณเข้าใจระบบของ 3×1 แล้ว ระบบแบบ 2×1 ก็ไม่น่ายากจนเกินไป เพราะทุก 2 เส้นของด้านยืน (Warp) จะมี 1 เส้นถูกยกขึ้นเพื่อให้ด้ายพุ่ง (Weft) วิ่งลอดนั่นเอง คล้ายกับระบบ 3×1 นั่นแหละครับ แต่ผ้ายีนส์ที่ขึ้นโครงสร้างผ้าด้วยวิธี 2×1 นั้น มักจะเป็นผ้าที่มีน้ำหนักต่ำกว่า 10.5oz แต่ทำให้โครงสร้างค่อนข้างแน่นและระบายอากาศได้ดีนั่นเอง ผ้ายีนส์แบบนี้มักเป็นที่นิยมในช่วงหน้าร้อน เพราะนอกจากจะเบาแล้ว ยังระบายอากาศได้ดี ใส่สบายอีกด้วย
Plain Weave
Plain Weave หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า 1×1 ถือเป็นระบบการทอพื้นฐานที่สุด ถูกที่สุด และไม่ต้องปรับแต่งระบบเครื่องทอแต่อย่างใด ซึ่งมักจะไม่ได้ Effect ลาย Twill ที่สวยงามตามหลัก แต่เป็นลักษณะของผ้าทอปกติ และมีต้นทุนในการผลิตที่ต่ำที่สุดในบรรดาการผลิตทั้งหมด
นี่คือรูปแบบการผลิตผ้ายีนส์ทั้งหมด 3 แบบ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าการผลิตแบบ 3×1 จะดีกว่า 2×1 เสมอไป เนื่องจากต้องนึกถึงวิธีการใช้งานและข้อดีข้อเสียของแต่ละแบบการทอด้วยเช่นเดียวกัน ตอนนี้คุณทราบถึงรูปแบบการขึ้นโครงสร้างลาย Twill แล้ว ลองกลับไปพลิกดูลายผ้ายีนส์ด้านในดูครับว่า “กางเกงยีนส์คุณผลิตด้วยรูปแบบใด”