หากกล่าวถึงเสื้อ Jacket ยีนส์ ที่มีวางขายอยู่ในท้องตลาดทั้งหมด แบรนด์ที่ถือเป็นต้นกำเนิดหลักสำคัญบนโลกใบนี้สำหรับกางเกงยีนส์ และ แจ็คเก็ตยีนส์ คงต้องยกให้แบรนด์อย่าง Levi’s เป็นหนึ่งในสารตั้งต้นที่สำคัญ และยิ่งพูดถึงแจ็คเก็ตอย่าง Trucker Jacket อันโด่งดังและเป็นเอกลักษณ์สำคัญของแบรนด์ Levi’s แล้วนั้น รหัสอย่าง 506XX หรือ Blouse ตัวแรกของแบรนด์ ซึ่งผลิตและวางขายในช่วงปี ค.ศ. 1905 (รู้จักกันในนาม Type I) ก่อนจะค่อย ๆ ปรับรายละเอียด และให้รหัสอย่างเป็นทางการใช้ช่วงปี ค.ศ. 1936 วันนี้ MenDetails อาจไม่ได้หยิบยกเอาตัว Vintage มาให้ทุกท่านได้ดูกัน แต่จะเป็นไลน์การผลิตจาก Levi’s Vintage Clothing หรือที่ทุกท่านรู้จักกันในนาม LVC มาให้ทุกท่านได้ยลโฉมกันครับ กับงาน Reproduction ของแบรนด์ Levi’s ที่อ้างอิงจาก Vintage Archives จำนวนมากของทางแบรนด์ มาดูกันครับว่า Jacket ตัวนี้ มีดีอะไรกันแน่
Number One
ถึงแม้ว่า ตัวแจ็คเก็ตทรงนี้ จะมีผลิตและวางขายมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1905 แต่ทางแบรนด์ Levi’s เอง ก็ยังไม่มีชื่อเรียกที่แน่ชัด จวบจวนก้าวเข้าสู่ปึ ค.ศ. 1917 โดยมีชื่อเรียกแจ็คเก็ตทรงดังกล่าวว่า Number One ก่อนจะเปลี่ยนเป็น Type I ในเวลาต่อมา แต่ตัวที่สร้างความจดจำให้กับผู้คนได้เป็นอย่างดี คงต้องกล่าวถึง Type I ในปี ค.ศ. 1936 เนื่องจากมีรายละเอียดสำคัญอย่าง Red Tab พร้อมตัวอักษร Big “E” ติดมาด้วย และถือเป็นตัวแรกเริ่มของ Jacket ภายใต้การผลิตของ Levi’s Vintage Clothing ด้วยเช่นกัน ซึ่งมีชื่อเล่นเรียกกันในวงการว่า “1st” อีกด้วย
Organic Cotton Red Selvedge
ปัจจุบันนี้ Levi’s Vintage Clothing หรือที่รู้จักกันในนาม LVC (ซึ่งเราขออนุญาตเรียกว่า LVC ต่อจากนี้ไปนะครับ) นั้น ไม่ได้ใช้ผ้าจากโรงงาน Cone Mills อันเก่าแก่ของประเทศสหรัฐอเมริกา แต่เลือกผลิตผ้าในประเทศญี่ปุ่นแทน โดยผลิตเป็นผ้า Organic Cotton จากโรงงาน Kaihara เพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นแบรนด์ที่ Sustainable มากยิ่งขึ้น ตัวผ้ามีน้ำหนักราว 12.5oz แบบ Unsanforized ซึ่งเลือกผลิตให้มีผิวสัมผัสและรูปแบบการทอที่ใกล้เคียงกับเนื้อผ้าต้นฉบับมากที่สุด และถ้าจะมีใครทำได้ดีที่สุดนอกเหนือจากโรงงาน Cone Mills แล้ว คงต้องยกให้ผู้ผลิตจากประเทศญี่ปุ่นนี่แหละครับ ที่น่าจะทำได้ดีเยี่ยมและใกล้เคียงที่สุดเท่าที่คุณจะหาได้ ณ ปัจจุบันนี้
ตัวผ้าถูกผลิตโดยเครื่องจักรอันเก่าแก่ และสามารถผลิตได้ที่หน้ากว้างราว 27-29 นิ้วเท่านั้น ทำให้ทางแบรนด์จำเป็นต้องใช้ผ้าทั้งหมดที่มี และลากยาวไปจนถึงริมผ้า ทำให้ได้ Details สุดพิเศษอย่าง Red Ears หรือริมผ้าสีแดงที่อยู่ด้านหลังของแถบกระดุม / รังดุม จุดหนึ่งที่สำคัญมาก ๆ เลยก็คือ ตัว Jacket นั้น ถูกตัดเย็บให้ใกล้เคียงกับรูปแบบดั้งเดิม ควบคู่กับผ้าที่ดีที่สุด ทำให้ได้ Feeling และ Texture ดูดีขึ้นในทุก ๆ ที่คุณเลือกสวมใส่มัน
ทรง Boxy และความสั้นอันเป็นเอกลักษณ์
ทรงโดยรวมของ 506XX Type I ตัวนี้ จะมาในทรง Boxy Fit นะครับ ตามลักษณะการใช้งานในสมัยก่อน โดยจะไม่มีการตีเกล็ดด้านหน้าเฉกเช่น Type III อย่างที่พวกเราเห็นกันในทรงที่ Modern ขึ้น แต่จะมาพร้อม Front Pleats ข้างละ 2 เส้น (ติดกับแถบกระดุม) เย็บติดแบบ Box Stitching ตามระยะที่กำหนด มีกระเป๋าด้านหน้า 1 ใบแบบมีฝาปิด ซึ่งสำหรับ Type I เอง จริง ๆ ขอแค่มีกระเป๋าหน้า 1 ใบ ก็ถือเป็นลักษณะจำเพาะที่ไว้ใช้แยกได้ชัดเจนแล้วนะครับ ส่วนจะมีฝากระเป๋าหรือไม่ ขึ้นอยู่กับช่วงปีที่ผลิตออกวางขาย รวมถึงจำนวนกระดุมของตัว Jacket ด้วยเช่นกัน สำหรับตัวนี้ที่ผลิตในช่วงปี ค.ศ. 1936 นั้น จะมีด้วยกันทั้งหมด 5 กระดุมครับผม
ด้านหลังมีจะเข็ดขัดปรับความแน่นช่วงเอว หรือ Cinch Back โดยบางรุ่นจะเป็นวัสดุอย่าง Copper บางตัวจะเป็นวัสดุสีเงิน โดยเชื่อกันว่า วัสดุสีเงินนั้น หาได้ยากมากกว่าวัสดุแบบอื่น ป้ายด้านในเป็นป้ายหนังครับ พร้อมตีตราแบรนด์และรหัส 506XX มาด้วย อีกจุดที่โดดเด่นมาก ๆ ก็คือ ป้าย Red Tab ที่เพิ่มเข้ามาให้เป็นครั้งแรกกับตัวอักษร LEVI’S หรือที่รู้จักกันในนาม Big “E” มาเพียงด้านเดียว
จากต้นแบบกว่า 20,000 ชิ้น มาสู่
LVC ที่ทุกท่านได้เห็นกัน ณ ปัจจุบัน
สิ่งหนึ่งที่ทาง Levi’s ให้ความสำคัญมาก ๆ ก็คือ การเก็บสะสมเสื้อผ้า Vintage ของทางแบรนด์ จนกลายเป็น Archives ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ณ Levi’s San Francisco Headquarters ซึ่งมีสินค้าของทางแบรนด์อันล้ำค่ามากกว่า 20,000 ชิ้น จนกลายเป็น Foundation สำคัญในการออกแบบและผลิตสินค้าของ Levi’s Vintage Clothing หรือ LVC จวบจนปัจจุบันนี้ จึงมั่นใจได้ว่า LVC 1936 Trucker Jacket Type I ตัวนี้นั้น อ้างอิงจากงานตัดเย็บของสินค้า Vintage แน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น LVC ในปัจจุบันเอง ก็เลือกย้ายฐานการผลิตไปอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือเป็นประเทศที่หลงไหลใน Jeans ชนิดที่ว่าเข้าไปอยู่ในสายเลือดเลยก็ว่าได้ ส่งให้งานผลิตมีความละเอียด และไว้ใจได้แน่นอนครับ
ตัว Jacket มีทรงที่ค่อนข้าง Boxy ซึ่งใส่ได้ง่าย จับคู่กับเสื้อยืดสีขาวก็เท่ หรือจะใส่คู่กับเสื้อเชิ้ต OCBD ก็ดูดีเช่นกัน แต่จุดที่เป็นเอกลักษณ์มาก ๆ คงต้องเป็นความยาวที่กำลังพอเหมาะพอดีกับการแต่งตัวควบคู่กับกางเกงเอวสูง แถมช่วยให้การแต่งตัวแบบ Layering ทำได้สนุกมากยิ่งขึ้นเช่นกัน ใครกำลังสนใจอยากได้มาสวมใส่สักตัวหนึ่ง แนะนำให้ไปหยิบจับตัวจริงได้ที่ Shop Levi’s สาขา ICON SIAM และ Central World ได้เลย ราคาอยู่ที่ 13,990.- และอย่าลืมว่าต้องแช่ก่อนใส่นะครับ ความยาวแขนและความยาวเสื้อจะหดลงเล็กน้อย แนะนำใส่ใหญ่กว่าขึ้นนิดนึงสำหรับตัวใหม่ที่ลองที่ร้านนะครับผม