น้ำหอมผู้ชายที่ผู้ชายไทยรู้จัก ถ้าว่ากันจริง ๆ แล้วก็น่าจะมีแบรนด์ที่เป็นที่นิยมอยู่ไม่กี่แบรนด์จนกลายเป็น “มาตรฐาน” ว่าผู้ชายต้องใช้น้ำหอมกลิ่นประมาณนี้ของแบรนด์นี้ แต่พอมันเป็นน้ำหอมที่ทุก ๆ คนใช้กัน มันก็อาจทำให้ผู้ชายทุกคนดูเหมือน ๆ กัน และเราเชื่อว่าผู้ชายบางคนอาจอยากสร้างความแตกต่างไม่เหมือนใคร เพื่อให้ตัวเองมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนคนอื่น ๆ และหนึ่งในน้ำหอมที่ตอบโจทย์นั้น คือ แบรนด์น้ำหอม Niche เมื่อขึ้นชื่อว่า Niche มันก็ย่อมไม่ใช่แบรนด์ที่รู้จักในวงกว้างนัก แต่ในขณะเดียวกันน้ำหอมเหล่านี้ก็ต้องมีคุณภาพและกลิ่นหอมที่ช่วยให้เรามีเสน่ห์หรือน่าสนใจขึ้นได้
ในวันนี้ MenDetails จึงอยากมาแนะนำ 5 แบรนด์น้ำหอม Niche ที่เราอยากให้ผู้ชายได้รู้จัก เผื่อจะได้เป็นตัวเลือกในการซื้อน้ำหอมครั้งต่อ ๆ ไปให้เราสามารถสร้างเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครได้ จะมีแบรนด์อะไรที่เราหยิบมาบ้างนั้น มาดูกันครับ
Maison Francis Kurkdjian
Francis Kurkdjian ชื่อนี้เป็นชื่อของชายที่คร่ำหวอดในวงการน้ำหอม ในฐานะนักทำน้ำหอมที่ฝากผลงานไว้กับแบรนด์ดัง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Burberry, Kenzo, Giorgio Armani, Yves Saint Laurent, Dior, Davidoff ไปจนถึง Guerlain ผลงานสร้างชื่อชิ้นแรกของเขาก็คือ Le Mâle ของแบรนด์ Jean Paul Gaultier ที่ยังคงฮิตอยู่จนถึงทุกวันนี้
ในปี 2009 เขาตัดสินใจเปิดแบรนด์น้ำหอมของตัวเองร่วมกับ Marc Chaya ที่รับหน้าที่เป็น CEO ด้วยชื่อเสียงและปรัชญาในการทำน้ำหอมของเขา ไปจนถึงน้ำหอมที่มีกลิ่นซับซ้อนอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้แบรนด์เติบโตขึ้นจนก้าวมาเป็นแบรนด์น้ำหอมที่สามารถต่อสู้กับแบรนด์ใหญ่หรือแบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานได้ภายในเวลาไม่กี่ปี ตัวเด่น ๆ ของแบรนด์ที่หลายคนรู้จักก็คือ Baccarat Rouge 540 หรือจะเป็นตัวที่เพิ่งปล่อยไม่นานมานี้อย่าง L’Homme À la Rose ที่เป็นกลิ่นกุหลาบหอม ๆ ก็ได้รับเสียงชื่นชมเช่นกัน แถมน้ำหอมหลาย ๆ ตัวของแบรนด์นี้ยังเป็นแบบ Unisex ผู้ชายใช้เองก็ได้ หรือจะซื้อให้สาว ๆ ใช้ก็ดีครับ
Acqua Di Parma
นี่อาจเป็นแบรนด์ที่หลาย ๆ คนรู้จักและเคยได้ยินชื่ออยู่บ้าง แต่มันก็ยังคงเป็นแบรนด์ที่อยู่ในหมวดน้ำหอม Niche กับแบรนด์น้ำหอมเก่าแก่ที่ก่อตั้งในปี 1916 จากอิตาลีแบรนด์นี้ มีต้นกำเนิดจากโรงงานผลิตน้ำหอมเล็ก ๆ ในเมือง Parma ตามชื่อของมัน
จุดเด่นแรกเริ่มของน้ำหอม Acqua Di Parma อยู่ที่กลิ่นที่ให้ความสดชื่น มีความเบา ต่างจากน้ำหอมอื่น ๆ ในยุคนั้น ทำให้มันได้รับความนิยมไปทั่วยุโรป ตั้งแต่คนทั่วไปจนถึงเหล่าดารา คนดัง มีการขยับขยายกิจการ มีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพต่าง ๆ ออกมาตอบความต้องการมากขึ้นจนเป็นหนึ่งในแบรนด์น้ำหอมหรูที่สะท้อนกลิ่นอายความเป็นอิตาลี โดยน้ำหอมที่เป็นตัวคลาสสิกและต้นกำเนิดของแบรนด์นี้ คือ Colonia เป็นกลิ่นหอมแบบสดชื่น และนุ่มนวล นอกจากนี้ยังมี Line น้ำหอมที่สะท้อนกลิ่นอายของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้เป็นอย่างดีอย่าง Blu Mediterraneo ที่เป็นที่นิยมอีกตัว
Le Labo
แบรนด์น้ำหอมที่กำเนิดในปี 2006 ในเมือง New York City จากคนสองคน คือ Eddie Roschi และ Fabrice Penot เป็นแบรนด์น้ำหอม Niche อีกแบรนด์หนึ่งที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองโด่งดังได้โดยไม่ต้องทำการตลาดใหญ่โตอะไร ด้วยเอกลักษณ์ของการผลิตน้ำหอมแบบขวดต่อขวดเมื่อซื้อ และยังใช้วิธีแบบดั้งเดิม ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ ไม่มีการทดลองกับสัตว์ ด้วยความตั้งใจให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงขั้นตอนกว่าจะมาเป็นน้ำหอม ทำให้พวกเขาแต่งร้านเหมือนห้องแล็บ (Le Labo มาจากคำว่า Lab ในภาษาฝรั่งเศส) เป็นประสบการณ์ใหม่ที่ลูกค้าจะได้รับ
น้ำหอมของพวกเขาแม้มีอยู่แค่ไม่กี่ตัว แต่กว่าจะสร้างสรรค์มันออกมาล้วนใช้เวลาคิดอย่างยาวนาน จนออกมาเป็นกลิ่นที่พิเศษ และยังมีบางกลิ่นที่ขายเฉพาะร้านในประเทศนั้น ๆ ด้วย เช่น Vanille 44 ที่ขายในกรุง Paris หรือจะเป็น Gaiac 10 ที่ขายเฉพาะใน Tokyo ส่วนกลิ่นที่โด่งดังที่สุดของแบรนด์นี้ก็คือ Santal 33 โดยตัวเลขในชื่อน้ำหอมหมายถึงจำนวนของส่วนผสมที่ใช้ Santal 33 ได้รับความนิยมอย่างมากมาจนถึงปัจจุบัน เพราะมันสามารถฉีดได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกสถานที่นั่นเอง
Diptyque
แบรนด์น้ำหอมที่บอกเล่าเรื่องราวผ่านกลิ่นจากฝรั่งเศสแบรนด์นี้ ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เราอยากแนะนำให้รู้จัก เพราะน้ำหอมของเขามีทั้งสำหรับผู้ชายและผู้หญิง รวมถึงแบบ Unisex ทุกเพศทุกวัย นอกจากนี้ยังมีพวกเทียนหอมให้เลือกซื้ออีกด้วย ด้วยความตั้งใจที่จะบอกเล่าเรื่องราว ความทรงจำ ของสถานที่ต่าง ๆ ผ่านกลิ่นที่พวกเขาสร้างขึ้น ทำให้น้ำหอมแบรนด์นี้มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ตั้งแต่ที่มาของกลิ่นไปจนถึงดีไซน์ของขวด ซึ่งเราเคยเขียนประวัติของ Diptyque แบบเต็ม ๆ กันไปแล้ว ใครสนใจก็สามารถไปอ่านต่อได้นะครับ
กลิ่นยอดนิยมตลอดกาลของแบรนด์นี้ คือ L’Ombre dans L’Eau ที่เปิดตัวครั้งแรกตั้งแต่ปี 1983 เป็นกลิ่นที่จะพาเราเดินเล่นไปตามสวนเลียบแม่น้ำที่นิ่งสงบ ท่ามกลางแสงแดดอบอุ่นชวนฝันในฤดูร้อน ใต้เงาต้นหลิวของอังกฤษ ที่หอมอบอวลด้วยกลิ่นหอมของดอก Bulgarian rose และ Blackcurrant ให้ความรู้สึกหอมไม่เหมือนใคร ทั้งอโรมาและความฟรุตตี้เล็ก ๆ ของกลิ่น
Nasomatto
แบรนด์น้ำหอมที่ก่อตั้งโดย Alessandro Gualtieri นักทำน้ำหอมที่เคยปรุงน้ำหอมให้กับแบรนด์อย่าง Fendi และ Versace ก่อนจะเปิดแบรนด์ของตัวเองในชื่อ Nasomatto (มาจากภาษาอิตาเลี่ยนว่า Crazy nose) ในกรุง Amsterdam ในปี 2007 ด้วยความตั้งใจในการทำอะไรให้แตกต่างออกไปจากแบบแผนเดิม ๆ ของการผลิตน้ำหอมและกลิ่นของมัน ทำให้น้ำหอมจากแบรนด์นี้มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ และจุดเด่นอีกอย่างคือการที่น้ำหอมทุกกลิ่นจะไม่มีการบอกส่วนผสมที่ใช้เลยนอกจากชื่อของกลิ่น ทำให้น้ำหอมมีกลิ่นอายความลึกลับน่าหลงใหล
หนึ่งในกลิ่นที่โด่งดังของแบรนด์ คือ Black Afgano ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ล่องลอยอย่างมีความสุขเหมือนเราได้สูบกัญชา เป็นหนึ่งในกลิ่นที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน
นี่คือ 5 แบรนด์น้ำหอม Niche ที่เราอยากให้ผู้ชายได้รู้จัก มีทั้งแบรนด์ที่หลายคนอาจคุ้นชื่อ ไปจนถึงแบรนด์ที่อาจหายากสักนิดในประเทศไทย แต่รับรองว่าแบรนด์เหล่านี้มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ทำให้เราเป็นที่จดจำไม่ซ้ำคนอื่นง่าย ๆ อย่างแน่นอน