ทุกครั้งที่เราทำธุรกิจหรือทำงานหาเงินมาได้ เรามักจะนำเอาเงินเหล่านั้นไปฝากธนาคาร ด้วยความคิดว่าบัญชีธนาคารเป็นที่พักเงินที่น่าเชื่อถือและมีสภาพคล่องที่สูง นั่นเพราะเราสามารถเบิกเงินของเรามาใช้เมื่อไหร่ก็ได้ตามต้องการ เป็นภาพจำที่ทำให้เรามั่นใจว่า เงินของเราในธนาคารยังคงเป็นเงินของเราจริง ๆ 100% แต่ความจริงแล้วเป็นเช่นนั้นหรือไม่? วันนี้ MenDetails จะมาเสนอแนวคิดอีกทางหนึ่งที่อาจทำให้ใครหลายคนฉุกคิดใหม่และตั้งคำถามว่า เงินของเราในธนาคาร ยังคงเป็นเงินของเราจริง ๆ 100% อยู่หรือเปล่า
เราคือ “เจ้าหนี้ธนาคาร”
ในเชิงเทคนิคแล้ว ธนาคารไม่ได้รับฝากเงินของเรา แต่การที่เรานำเงินไปเข้าบัญชีธนาคารไว้นั้น ทำให้เรามีสถานะเป็น “เจ้าหนี้” ของธนาคาร ซึ่งธนาคารจะพิจารณาจ่ายดอกเบี้ยให้เราในฐานะที่เราเป็นเจ้าหนี้ของพวกเขา แต่ในทางกลับกันธนาคารมีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะนำเงินของเราออกไปให้คนอื่นกู้ต่อ เพื่อหาประโยชน์ในรูปแบบของดอกเบี้ยที่สูงกว่าและกินส่วนต่างตรงกลางนั่นเอง
ตัวเลขเงินในบัญชีธนาคารที่เราเห็นจึงไม่ใช่ตัวเลขที่บอกว่า “เรามีเงินเท่าไหร่?” แต่เป็นตัวเลขที่บอกว่า “ธนาคารติดหนี้เราอยู่เท่าไหร่?” สองประโยคนี้แม้อาจฟังคล้ายกัน แต่ความจริงต่างกันมาก เพราะถ้ามันคือเงินของเราจริง ๆ 100% ย่อมไม่มีใครสามารถชักดาบเราได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เราเอาไปให้คนอื่นยืม แม้ประวัติการคืนเงินของเขาจะดีแค่ไหน แต่ลงท้ายเขาก็สามารถ “ชักดาบ” เราได้เมื่อเข้าตาจน จริงไหมล่ะครับ?
Bank Runs เมื่อธนาคารวิ่ง แต่เงินไม่วิ่ง
ในสภาวะปกติทั่วไปในแต่ละวัน เงินในธนาคารจะไม่ได้ถูกถอนออกไปเป็นจำนวนที่มากนักเมื่อเทียบกับปริมาณเงินทั้งหมด และเมื่อธนาคารมีสิทธิในการนำเงินของเราไปปล่อยกู้ให้คนอื่น นั่นแปลว่า เงินของเราถูกนำเอาไปหมุนเวียนโยกย้ายถ่ายเทไปมาภายในระบบกู้ยืมเงินของธนาคาร โดยธนาคารมีหน้าที่ประเมินและสำรองเงินสดเอาไว้หมุนเวียนให้เพียงพอสำหรับการถอนเงินของประชาชนในแต่ละวันทำการเท่านั้น และระบบจะเป็นเช่นนี้ไปได้เรื่อย ๆ หากทุกอย่างยังราบรื่น
แต่ในยามใดที่เกิดข่าวร้ายบางอย่างขึ้นกับธนาคารที่เราฝากเงินอยู่ หรือเกิดเหตุการณ์ที่ประชาชนเริ่มไม่มั่นใจว่าจะสามารถถอนเงินของตัวเองออกมาได้หรือไม่ในอนาคต ประชาชนก็จะแห่กันออกไปถอนเงินออกมาจากบัญชีเป็นจำนวนมากและเมื่อตัวเลขการถอนสูงเกินกว่าจำนวนเงินที่ธนาคารสำรองไว้ ก็จะเกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า Bank Runs ซึ่ง MenDetails ไม่แน่ใจนักว่าจะแปลเป็นภาษาไทยว่าอะไร เอาง่าย ๆ ก็คือ “ธนาคารไม่มีเงินให้ถอน” นั่นแหละครับ คำถามก็คือ ถ้าเงินในธนาคารคือเงินของเราจริง ๆ มันก็ไม่ควรที่จะมีปัญหานี้เกิดขึ้น เราควรที่จะมีความสามารถในการเรียกหาเงินของเราออกมาใช้เมื่อไหร่ก็ได้ ยามใดก็ได้ที่เราต้องการ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะวิกฤติแค่ไหน
สถานการณ์ในประเทศ Lebanon
ประเทศเลบานอนในช่วงปี 2021 เป็นตัวอย่างที่ดีของเหตุการณ์ Bank Runs เมื่อเลบานอนเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจและปัญหาเงินเฟ้อสูง จนประชาชนไม่มีความเชื่อมั่นในระบบธนาคาร จึงพากันไปถอนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ออกมาจนธนาคารไม่มีเงินดอลลาร์ให้ถอนและเสี่ยงต่อการล้มละลาย รัฐบาลเลบานอนจึงออกมาตรการห้ามการถอนเงินดอลลาร์ และให้ถอนได้เฉพาะเงินปอนด์เลบานอน (Lebanese Pound) บนอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่สะท้อนความเป็นจริงกับภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น เป็นการฉายภาพที่ทำให้ใครหลายคนได้ตระหนักว่า เงินของเรากลับกลายเป็นเงินที่คนอื่นสามารถควบคุมได้ตามใจชอบเมื่ออยู่ในธนาคาร
พวกเราเองที่อยู่ในประเทศไทย เราคุ้นชินกับระบบธนาคารที่ยังคงมีความมั่นคงและทุกอย่างยังหมุนเวียนไปได้ด้วยดี จนอาจทำให้เราละเลยความจริงว่า ธนาคารพาณิชย์และรัฐบาลสามารถทำการ “ชักดาบ” เมื่อเข้าตาจน หลายคนที่มองโลกในแง่ดีว่าเศรษฐกิจของไทยแข็งแกร่งและเหตุการณ์แบบเดียวกับเลบานอนนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นกับประเทศไทยแน่นอน… จริงหรือ?
ปรับปรุงระบบ?
เหตุการณ์ในเลบานอนอาจดูไกลตัว ลองมาดูเหตุการณ์ง่าย ๆ ที่เกิดขึ้นในบางประเทศแถบภูมิภาคอาเซียน เช่น การปิดปรับปรุงระบบบัญชีหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของธนาคารที่ทำให้ไม่สามารถถอนเงินที่เราฝากไว้ออกมาใช้จ่ายได้ แม้ทุกครั้งจะมีการบอกล่วงหน้า แต่ก็มีหลายครั้งที่การปรับปรุงระบบดังกล่าวกินเวลาล่วงเลยกว่ากำหนด จนส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายกับคนที่ต้องการใช้เงิน หรือหากต้องการโอนเงินไปต่างประเทศผ่านระบบธนาคาร ผู้โอนจำเป็นที่จะต้องรายงานทุกครั้งว่าจะโอนออกไปเพื่ออะไร และธนาคารเองมีสิทธิที่จะยับยั้งการโอนเงินได้ และสุดท้ายหากเจ้าของเงินกลายเป็นผู้ถูกฟ้องร้องคดี เป็นผู้ต้องสงสัย หรือผู้ต้องหาในคดีความต่าง ๆ เงินในธนาคารก็สามารถถูกอายัดและแช่แข็งเอาไว้ได้ทุกเมื่อเช่นกัน
เงินของเราที่ไม่ใช่ “เงินของเรา”
การนำเงินไปฝากธนาคารมีข้อดีมากมายที่ชดเชยข้อเสียและความเสี่ยงบางอย่างในการสูญเสียเงินได้ อีกทั้งเรายังสามารถเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากอำนาจรัฐในการอายัดบัญชีเงินฝากของผู้อื่นได้ด้วย เช่น หากเราเป็นผู้เสียหายหรือถูกฉ้อโกงทรัพย์สิน การอายัดเงินของผู้ต้องสงสัยเอาไว้ก่อนก็เป็นประโยชน์กับเราไม่มากก็น้อย แต่เหตุการณ์ Bank Runs หรือ การชักดาบของธนาคารพาณิชย์และรัฐบาลก็ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สามารถส่งผลกระทบกับ เงินของเราที่ไม่ใช่ “เงินของเรา” ในธนาคารได้เช่นกัน ผู้ชายที่มีความรับผิดชอบเรื่องเงิน จึงควรศึกษาเรื่องเหล่านี้ไว้อย่างรอบคอบ และหาทางหนีทีไล่เอาไว้ก่อนด้วยความไม่ประมาท หากยามใดที่วิกฤติเกิดกับตัว จะได้ไม่ต้องไปปล้นธนาคารเพียงเพื่อให้สามารถถอนเงินตัวเองออกมาได้แบบที่เกิดขึ้นในเลบานอนนะครับ