เรามักมีภาพของเศรษฐีผู้ที่ร่ำรวยจากการมีธุรกิจเป็นของตัวเองติดหัวเราอยู่เสมอ ทำให้คนที่มีความฝันว่า “อยากรวย” มักคิดอยากที่จะ ทำธุรกิจ ของตัวเอง และไม่อยากที่จะเป็นลูกจ้างของคนอื่นไปจนตาย ทำให้กระแสของการเริ่มต้น ทำธุรกิจ ใหม่ๆ หรือที่เรียกกันติดปากในสมัยนี้ว่า “สตาร์ทอัพ” (Start-up) นั้นกำลังเป็นกระแสที่มาแรงมากเลยทีเดียว แต่ช้าก่อน! รู้หรือไม่ว่าการจะเริ่มต้น ทำธุรกิจ จากศูนย์ไปจนกระทั่ง ร่ำรวย มีเงินหลายล้านบาทนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย กระแสการแข่งขันที่รุนแรงในปัจจุบันนั้นทำให้ธุรกิจที่จะเหลือรอดและสร้างผลกำไรเป็นกอบเป็นกำนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก ถึงยากมากๆเลยทีเดียว และนี่คือ 4 เหตุผลที่จะบอกได้ว่าทำไมคน ทำธุรกิจ ส่วนใหญ่จึงไม่รวย และส่วนใหญ่มักจะจนลงกว่าก่อนเริ่ม ทำธุรกิจ ด้วยซ้ำไป
เพราะธุรกิจส่วนใหญ่มักไปไม่รอด
ไม่ว่าคุณจะมีไอเดียการทำธุรกิจที่บรรเจิดแค่ไหนก็ตาม แต่ขอให้ตระหนักไว้เลยว่า ธุรกิจใหม่ๆนั้นเกิดขึ้นตลอดเวลา และส่วนใหญ่ก็มักจะกลายเป็นความล้มเหลวมากกว่าความสำเร็จ ตามสถิติมักกล่าวว่า 90% ของคนที่เริ่มธุรกิจใหม่ มักจบลงด้วยการจำใจต้องปิดกิจการของตัวเอง ส่วนที่เหลืออีก 10% ก็มักจะไปได้แบบกระท่อนกระแท่น คือมีกำไรบ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นกำไรก้อนโตที่จะทำให้เราร่ำรวยมากมาย จะมีเพียงส่วนน้อยมากๆ จริงๆ เท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จอย่างรุ่งโรจน์ ดังนั้นอย่าได้มั่นใจนักว่าการมีธุรกิจของตัวเองจะทำให้เราร่ำรวยขึ้นมาได้ครับ
เพราะการทำธุรกิจมีค่าใช้จ่ายมากมาย
ถ้าคุณทำธุรกิจโดยคิดเพียงเรื่องรายได้ ไม่คำนึงถึงรายจ่าย ขอบอกเลยว่าคุณเหยียบเข้าสู่ดินแดนที่เรียกว่า “ความล้มเหลว” ไปแล้วครึ่งค่อนตัว เพราะการทำธุรกิจนั้นมีค่าใช้จ่ายมากมายที่คุณต้องรับผิดชอบ ทั้งค่าวัตถุดิบ ค่าทำของ การจ้างงาน การจัดหาสถานที่ ค่าทำบัญชีและภาษี แถมเรื่องอื่นๆอีกเพียบ ด้วยค่าใช้จ่ายมากมายหลายแขนงจนคุณคาดไม่ถึง และถึงแม้คุณจะพยายามวางแผนธุรกิจอย่างรัดกุมแค่ไหนก็ตาม มันก็มักจะมีค่าใช้จ่ายเล็กๆน้อยๆ แอบซ่อนอยู่เสมอ ซึ่งถ้าคุณเผลอแม้เพียงนิดเดียว ธุรกิจก็สามารถล้มครืนลงได้ง่ายๆ เรื่องจะร่ำรวยคงไม่ต้องพูดถึงอีกเลย
เพระทำธุรกิจแล้วมีกำไร ก็ไม่ใช่ว่าจะทำให้คุณรวยเสมอไป
เอาล่ะ สมมติว่าคุณสามารถฟันฝ่าอุปสรรคขวากหนามมากมายในการทำธุรกิจจนกระทั่งมีธุรกิจที่ตั้งตัวได้และสามารถสร้างรายได้และผลกำไรให้คุณได้เป็นกอบเป็นกำก็จริง แต่อย่าลืมว่ารายได้เหล่านั้นก็ต้องได้รับการจัดการอย่างเป็นระบบระเบียบ ไม่ต่างจากสมัยที่เรารับเงินเดือนจากงานประจำ หากคุณไม่มีความรู้ในการบริหารเงินของตัวเอง สุดท้ายก็อาจจบลงที่การใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายเกินตัว ซื้อของที่เกินความจำเป็น โดยไม่รู้จักบริหารและนำเงินไปลงทุนเพิ่มเติม ปัญหาส่วนตัวเหล่านี้หากลุกลามก็อาจถึงขั้นฉุดเอาธุรกิจที่กำลังไปได้ดีนั้นลงเหวไปด้วยได้เลยทีเดียว
เพราะไม่นำเงินที่ได้จากธุรกิจไปลงทุนสร้างรายได้ในทางอื่นต่อ
ด้วยความที่ยึดมั่นกับธุรกิจของตัวเองมากจนเกินไป หลายครั้งที่เจ้าของธุรกิจหวังพึ่งพาเพียงรายได้จากธุรกิจของตัวเองเพียงอย่างเดียว ไม่ได้มีการแบ่งสรรปันส่วนผลกำไรนำไปลงทุนเพิ่มในทิศทางอื่นๆเพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น สุดท้ายเมื่อเกิดความผิดพลาดก็เจอทางตัน ไม่มีแผนสำรองสำหรับตัวเอง คำแนะนำที่ดีกว่าก็คือเมื่อได้เงินมาแล้วก็ควรนำไปลงทุนเพิ่ม คนรวยส่วนใหญ่มักนำเงินที่ได้จากธุรกิจไปลงทุนต่อในหุ้น หรือที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ เป็นการสร้างฐานรายได้ใหม่ๆให้เกิดขึ้นหลายๆทาง ซึ่งนั่นต่างหากที่จะเป็นหนทางไปสู่ความร่ำรวยได้มากกว่าการยึดติดและมีความมั่นใจในธุรกิจของตัวเองมากจนเกินไปครับ
การทำธุรกิจให้อยู่รอดเป็นเรื่องยาก ยิ่งถ้าหวังว่าจะร่ำรวยจากการทำธุรกิจด้วยก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ เพราะต้องใช้สกิลหลายอย่างเข้ามาสนับสนุน ดังนั้นผู้กล้าที่อยากจะเข้าสู่สมรภูมินี้ต้องระวังไว้ให้ดี และคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ตลอดเวลาด้วยนะครับ