Cartier อ่านออกเสียงได้ว่า การ์คทิเยร์ (หรือ คาเทียร์ ในความคุ้นเคยของคนไทย) เป็นแบรนด์เครื่องประดับและเรือนเวลาสุดหรูสัญชาติฝรั่งเศสที่มีประวัติยาวนานกว่า 170 ปี จากร้านเพชรเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในกรุงปารีส สู่การเป็น ‘Jeweller of Kings, King of Jewellers’ ที่ได้รับการขนานนามโดยประมุขแห่งอังกฤษ เป็นแบรนด์อัญมณีเครื่องประดับและ นาฬิกา Cartier ที่เป็นที่โปรดปรานของราชวงศ์และชนชั้นสูงทั่วโลกเรื่อยมา
Louis-François Cartier ผู้ก่อตั้งแบรนด์เก่าแก่แห่งฝรั่งเศส
ย้อนกลับในอดีตของผู้ก่อตั้ง “Cartier” Louis-François Cartier (หลุยส์-ฟรองซัวส์ การ์คทิเยร์) ในวัยเด็กยังคงได้รับการศึกษาในระบบเหมือนเด็กคนอื่น ๆ แต่ด้วยความเป็นพี่ชายคนโต ต้องรับผิดชอบปากท้องของคนในครอบครัว เมื่อจบชั้นประถมจึงต้องออกไปหางานทำ หลุยส์-ฟรองซัวส์ การ์คทิเยร์ เลือกงานด้านการค้าจิวเวอรี่ โดยเข้าไปเป็นช่างทองฝึกหัดที่ร้านผลิตเครื่องประดับ Picard ซึ่งเป็น Jewelry Workshop ใน Rue Montorgueil (ถนนมงตอร์เกยล์) กับนายช่าง Bernard Picard (เบอร์นาร์ค ปิการ์ค) เขายอมทำงานที่นี่อย่างหนักถึง 15 ชั่วโมงต่อวัน แม้จะได้ค่าตอบแทนเล็กน้อยเท่านั้น สุดท้ายไม่มีใครผ่านการฝึกงานนั้นได้เลยยกเว้น หลุยส์-ฟรองซัวส์ การ์คทิเยร์ เพียงคนเดียว จึงทำให้เขาได้รับช่วงต่อในการดูแลร้านแห่งนั้นในเวลาต่อมา
และในปีค.ศ. 1847 หลุยส์-ฟรองซัวร์ การ์คทิเยร์ ซื้อกิจการต่อมาจากเจ้านายของเขา Adolphe Picard (อดอล์ฟ ปิการ์ค ลูกชายของเบอร์นาร์ด) แล้วก่อตั้งเป็นร้านเพชรเล็ก ๆ ซึ่งเขาเป็นทั้งพ่อค้าเครื่องประดับและช่างนาฬิกาไปในเวลาเดียวกัน ด้วยฝีมือและความสามารถของ หลุยส์-ฟรองซัวส์ “การ์คทิเยร์” ทำให้เริ่มมีบุคคลชั้นสูงเข้ามาเป็นลูกค้าอย่างไม่ขาดสาย ในปี ค.ศ. 1855 Comtesse de Nieuwerkerke (กงต์แตสแห่งนีเยอแวร์ค) ภรรยาของอธิบดีกรมศิลปากร ได้กลายมาเป็นลูกค้าประจำของ คาร์เทียร์ และในปีถัดมา ค.ศ.1856 เจ้าหญิง Mathilde (มาทิลด์) หลานสาวของจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 ก็มาเป็นลูกค้าของ คาร์เทียร์ เช่นกัน
Cartier กับการโลดแล่นออกนอกเมืองปารีส
ดีไซน์ของเครื่องประดับจาก Cartier นั้นเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ในปี 1859 Cartier Boutique แห่งแรก ได้ถือกำเนิดขึ้น ตั้งอยู่ที่ถนน Boulevard des Italiens (บูเลอวาด์ เดส์ ซีตาเลียง) ซึ่งช่วงนั้นหลุยส์-ฟรองซัวส์มีความคิดที่จะสร้างสรรค์คอลเลคชั่นใหม่ ๆ โดยนำเครื่องประดับมาใส่ในนาฬิกา จนกระทั่งในปีค.ศ. 1870 ปีที่ฝรั่งเศสพ่ายแพ้ในสงครามต่อรัสเซียทำให้ต้องย้ายไปเปิดร้านที่ลอนดอนเป็นการชั่วคราว ในช่วงนั้นคนยุโรปให้ความสนใจกับการค้นพบทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น จึงทำให้การออกแบบเครื่องประดับเน้นไปทางธรรมชาติ อย่าง รูปดอกไม้หรือนก คาเทียร์จึงเริ่มได้รับความนิยมในกลุ่มชนชั้นกลาง
ช่วงที่เปิดร้านอยู่ที่ลอนดอน ปี ค.ศ. 1872 Alfred Cartier (อัลเฟรด การ์คทิเยร์) บุตรชายของหลุยส์-ฟรองซัวส์ ได้เข้าร่วมธุรกิจของบิดา โดยอัลเฟรดเป็นผู้สร้างชื่อให้ Cartier เป็นที่รู้จักในวงการธุรกิจเครื่องประดับ เขาได้นำเครื่องเพชรของ La Barucci (ลา บาครูซซี) หญิงงามชาวอิตาลีมาขายทอดตลาดในลอนดอน ซึ่งในการขายครั้งนั้นเครื่องเพชรได้ถูกขายเป็นมูลค่ามหาศาล อัลเฟรด คาร์เทียร์ จึงได้รับไว้วางใจจากบิดานับแต่นั้นมา และในปี ค.ศ. 1874 หลุยส์-ฟรองซัวส์ การ์คทิเยร์ ก็ได้มอบกิจการร้านทั้งหมดให้อยู่ภายใต้การดูแลของอัลเฟรด
ร้าน Cartier สาขาแรกที่ London ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1902 อาคารเลขที่ 4 ถนน New Burlingtonโดยมี Pierre Cartier เป็นผู้ดูแลกิจการ จากนั้น Alfred จึงส่ง Jacques Cartierบุตรชายคนเล็กเข้าไปบริหารในภายหลัง ซึ่ง Jacques เป็นผู้สานสันพันธ์ระหว่างคาเทียร์กับกลุ่มผู้ดีเก่าอังกฤษและราชวงศ์จากอินเดีย
คาร์เทียร์สาขานิวยอร์กก่อตั้งขึ้นใน ปี ค.ศ. 1909 โดยร้านตั้งอยู่ที่ตึกเลขที่ 712 บนถนน Fifth Avenueโดยมี Pierre Cartier เป็นผู้ดูแลกิจการ ซึ่งเขาเป็นผู้ผลักดันให้การใส่เครื่องประดับหลุดออกจากกรอบแบบเดิม ๆ สุภาพบุรุษในแบบฉบับคาเทียร์สามารถนำเครื่องประดับสักชิ้นมาติดไว้ที่เนกไทหรือปกเสื้อนอก
Cartier ขยายอาณาจักรกว้างไกลออกไปเรื่อย ๆ ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้บริหารรุ่นต่อมา จากจุดกำเนิดในปารีสสู่ลอนดอน ธุรกิจของ Cartier แผ่ขยายไปทั่วยุโรป ข้ามฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติคไปถึงทวีปอเมริกาที่กรุงนิวยอร์ค เป็นยุคที่ Cartier เริ่มจดสิทธิบัตรงานออกแบบอัญมณีและเครื่องประดับต่าง ๆ รวมถึง “นาฬิกา” ซึ่งเป็นเครื่องประดับของผู้ชาย ที่ Cartier ก็มีรุ่นที่ถือเป็น Iconic หรือเอกลักษณ์ประจำแบรนด์เช่นกัน
การผลิตสินค้า Cartier ภายใต้การดูแลของ Louis Cartier
ธุรกิจของคาร์เทียร์เป็นแบบคนกลางในช่วงแรก เป็นลักษณะรับสินค้ามาขายต่อให้ลูกค้ามากกว่าสร้างสรรค์ผลงานเอง ซึ่งภายในร้านจะขายเครื่องประดับและศิลปะวัตถุที่คาร์เทียร์รับมาจากช่างทองและช่างเงินที่มีชื่อเสียงของกรุงปารีส ต่อมาร้านคาร์เทียร์จึงค่อยมีการรับซ่อมและแก้ไขดัดแปลงเครื่องประดับให้กับทางลูกค้า
ตั้งแต่ช่วงปีค.ศ. 1900 เป็นต้นมา Cartier ได้มีการออกแบบและผลิตผลงานเอง ซึ่งบางครั้งเป็นการทำงานร่วมกับช่างผู้ผลิต ซึ่งมีทั้งช่างผลิตเครื่องเพชร ผู้ผลิตเครื่องลงยา ผู้ออกแบบเครื่องประดับอัญมณีอย่างเพชรพลอย ส่วนนาฬิกาก็ทำงานร่วมกับกลุ่มช่างที่ผลิตนาฬิกาและนาฬิกาข้อมือให้กับ Cartier สาขาปารีส คือ Edmond Jaeger (เอ๊ดมงด์ เชแชร์ค) และ Maurice Couet (มอว์คริส กูเอ้)
ระหว่างปี 1904 Edward VII (กษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 7) แห่งสหราชอาณาจักร ได้กล่าวถึงคาร์เทียร์ว่าเป็น “อัญมณีสำหรับราชาและเป็นราชาแห่งอัญมณี” (Jeweller of Kings, King of Jewellers) และยังได้ออกหนังสือรับรองจากราชวงศ์ให้กับคาร์เทียร์อีกด้วย
หลังจากนั้นแบรนด์ Cartier เริ่มผลิตเครื่องประดับและนาฬิกาของตนเอง ทาง Cartier นิวยอร์กเป็นสาขาแรกที่เริ่มมีการผลิตเครื่องประดับของตนเอง ในปี ค.ศ. 1917 ต่อมา ลอนดอนเป็นสาขาที่ 2 ที่มีการออกแบบและผลิตผลงานเอง และสาขาสุดท้ายคือ สาขาปารีส ใน ปี ค.ศ. 1929 ตั้งแต่นั้นมา Cartier ก็ได้สร้างเครื่องประดับและออกแบบนาฬิกาหรูให้กับราชวงศ์และคนมีชื่อเสียงระดับโลกอีกมากมายมาจนถึงปัจจุบัน
นาฬิกา Santos de Cartier ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1904 โดยหลุยส์ได้แรงบันดาลใจมาจากเพื่อนนักบินชาวบราซิล Alberto Santos-Dumont (อัลเบอร์โต ซานโตส-ดูมงต์) ที่ต้องการนาฬิกาซึ่งมีน้ำหนักเบาสวมใส่ได้สะดวกขณะทำการบิน
หลุยส์ การ์คทิเยร์ ผู้มีศักดิ์เป็นหลายชายของ หลุยส์-ฟรองซัวร์ การ์คทิเยร์ ผู้ก่อตั้ง Cartier คือบุคคลที่มีอิทธิพลต่อการออกแบบและพัฒนาผลงานของแบรนด์เป็นอย่างยิ่ง การสร้างสรรค์ผลงานของ Cartier ในช่วงการดูแลของหลุยส์ การ์คทิเยร์ เปิดรับอิทธิพลของศิลปะเกือบทุกยุคสมัย และงานของหลุยส์จะแตกต่างจากบิดาและปู่ของเขาอย่างสิ้นเชิง คือ ไม่อยู่ในกรอบ สร้างมิติใหม่ให้กับผลงาน ผสมผสานทั้งความคลาสสิกและนวัตกรรมเข้าร่วมกัน หลุยส์สร้างสรรค์ผลงานที่มีชื่อเสียงหลายชิ้น เช่น กระดุมเสื้อเชิ้ต นาฬิกา Santos de Cartier และ นาฬิกา Cartier Tank รวมถึงแหวนทอง Trinity
รู้จักกับ นาฬิกา Cartier Tank ที่มีอายุกว่า 100 ปี
นาฬิกา Cartier Tank เป็น นาฬิกาที่หลุยส์ การ์คทิเยร์ ออกแบบขึ้นมาในปี ค.ศ.1916 โดยได้แรงบันดาลใจมาจากตัวรถถังเบารุ่น Renault FT-17 ที่ใช้ในแนวรบด้านตะวันตกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ชื่อรุ่น Tank อาจทำให้นึกถึงรูปลักษณ์ที่มีความแข็งแกร่งเหมือนนาฬิกาที่ผู้ชายพร้อมจะใส่ไปออกรบ แต่ความเป็นจริงนั้น ดีไซน์ของเรือนเวลารุ่นนี้จะออกมาในลักษณะที่ดูภูมิฐานและสง่างาม ด้วยเอกลักษณ์นาฬิกาทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่โด่งดังไปทั่วโลก และหากใครสงสัยว่านาฬิกาจะเหมือนแบบแปลนของ “รถถัง” ได้อย่างไร ขอให้ลอง มองรถถังเทียบเป็นรูปทรงเรขาคณิต ดูนะครับ
มองจากมุมมองด้านบน มองให้เป็นองค์ประกอบแบบดั้งเดิมที่สุด ป้อมปืนยิงเทียบได้กับวงกลม ตัวบอดี้ของรถถังเป็นทรงสี่เหลี่ยม ตีนตะขาบรถถังเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า
นาฬิกา Cartier Tank เรือนแรกได้มอบให้เป็นของขวัญเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะในสงครามให้แก่นายพลอเมริกัน John Pershing (จอห์น เพอซิง) นายใหญ่ผู้บังคับบัญชากองทัพ American Expeditionary Force ก่อนจะเริ่มวางขายในปีค.ศ. 1919 โดยไลน์ผลิตรุ่น Tank ที่ถูกวางขายครั้งแรกในโลก คือ Tank Normale ซึ่งใช้ตัวเลขโรมัน มีจุดบอกเวลานาทีเป็นรูปรางรถไฟ ใช้สายหนังแท้ และเม็ดมะยมทำจากแซฟไฟร์เจียระไนเป็นรูปหลังเบี้ย
หลังจากนั้นนาฬิการุ่น Cartier Tank ก็มีการผลิตโฉมใหม่ออกมาเรื่อย ๆ ซึ่งผู้มีชื่อเสียงระดับโลกหลายท่านก็ได้เลือกเรือนเวลานี้มาใส่ประดับข้อมือ ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Gary Cooper หรือดีไซเนอร์ระดับตำนานในวงการแฟชั่นอย่าง Yves Saint Laurent
กระทั่ง Andy Warhol ศิลปินชั้นนำในกลุ่มศิลปะแนว Pop Art ก็ใส่ Cartier Tank เช่นกัน โดยแอนดี้ให้เหตุผลว่า Tank เป็นเครื่องหมายของการบ่งบอกสไตล์ มากกว่าใส่เพื่อบอกเวลา ด้วยดีไซน์ทรงสี่เหลี่ยมที่เป็นเอกลักษณ์อย่างยิ่งในยุคนั้น เรียกได้ว่า ถ้าเห็นสี่เหลี่ยมตรงข้อมือ เดาได้ไม่ยากว่าเป็น Cartier Tank นั่นจึงทำให้นาฬิการุ่นนี้เป็นเหมือน “ต้นแบบ” หรือ “Epitome” ให้กับนาฬิกาทรงสี่เหลี่ยมชื่อดังในระยะเวลาต่อมาอีกมากมายที่เดินตามรอยงานดีไซน์ของ Cartier Tank
“I don’t wear a Tank watch to tell the time. Actually I never even wind it. I wear a Tank because it is the watch to wear!”
สำหรับใครที่หลงใหลเครื่องประดับซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวเหนือกาลเวลาและมีประวัติศาสตร์มากว่าศตวรรษ Cartierเป็นแบรนด์หนึ่งที่ควรมีในครอบครองหากมีโอกาสครับ เพราะได้รับการยอมรับทั้งด้านอัญมณีจากชนชั้นสูงในอดีต และด้านดีไซน์ของนาฬิกาที่คนดังทั่วโลกเลือกสวมใส่ ซึ่งของชิ้นที่เป็น iconic สำหรับผู้ชายก็คงจะเป็น Cartier Tank ผลงานของหลุยส์ คาเทียร์ นาฬิกาเต็มไปด้วยเรื่องราวและความคลาสสิกรุ่นนี้แหละครับ
photo from : hautehorlogerie.org / madridluxurydistrict.com thewynterproject.wordpress.com / www.lexpress.fr