เรียบเรียงโดย : พฤหัส
ไม่นานก่อนหน้าวัน Back To The Future’s Day หรือวันที่ 21 ตุลาคม 2015 ที่ผ่านมา ทางโตโยต้าได้ปล่อยโฆษณาสั้นๆ มาเรียกน้ำย่อยแฟนคลับของหนังเรื่องนี้ และในวันที่ 21 ตุลาคม 2015 พวกเค้าก็ได้ปล่อยคลิปเต็มๆ ของ มาร์ตี้ แมคฟลาย กับ ดอค บราวน์ ให้พวกเราได้ชม
มันเป็นภาพยนตร์โฆษณาที่ทำออกมาได้ถูกใจแฟนคลับ Back To The Future ด้วยฉากที่ล้อและลอกออกมาจากในหนัง อย่างเช่นฉากเอารถกระบะชนถังขยะ ฉากโรงเรียน ฉากหอนาฬิกา และที่ขาดไม่ได้คือเพลงประกอบภาพยนตร์ที่เราทุกคนคุ้นเคย ได้ยินกี่ครั้งก็ทำให้เราหวนกลับไปนึกถึงภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้ทุกที
แน่นอน มันเป็นโฆษณา Toyota “Mirai” (อ่านว่า “มิราอิ” ซึ่งเป็นภาษาญี่ปุ่น แปลว่า “อนาคต”) รถพลังงานไฮโดรเจน ที่ทางผู้กำกับพยายามดึงเนื้อเรื่องให้มาเกี่ยวโยงกับเครื่องมือเปลี่ยนขยะเป็นพลังงานที่ชื่อ Mr.Fusion แม้ว่ามันจะดูงี่เง่าไปบ้างกับการพยายามดึงสิ่งประดิษฐ์ใน Back To The Future มาสู่ “มิราอิ” แต่บรรยากาศของโฆษณาและความคลาสสิคของ Back To The Future ก็เจือจางความงี่เง่านั้นลงได้
แต่ไม่ว่าพวกเค้าจะพยายามขนาดไหนก็ตาม “โตโยต้า มิราอิ” ก็ยังดูตลกสำหรับเราอยู่ดี เส้นสายรอบตัวรถ กันชนหน้า ไล่เส้นมาด้านข้างประตู ไปจนถึงไฟท้าย มันช่างดูเป็นรถที่ไร้ซึ้งสไตล์โดยสิ้นเชิง จะมีก็เพียงแต่ไฟหน้าที่ดูเฉี่ยวและล้ำสมัย และแน่นอน มันช่างขัดกับบุคลิกส่วนอื่นๆ ที่เหลือของรถอย่างไม่น่าให้อภัย
ในส่วนของภายในนั้น นับว่าออกแบบมาได้ไม่เลว แม้ว่าจะได้อิทธิพลมาจาก “พรีอุส” อยู่มาก แต่เราก็ชอบสิ่งที่เราเห็น มันดูล้ำยุค ดูเป็นรถแห่งอนาคตที่น่าสนใจ และเราก็หวังว่าเจ้าของ “มิราอิ” จะไม่เบื่อการออกแบบภายในที่ออกมาหน้าตาก็เหมือนๆกันกับโตโยต้ารุ่นอื่นๆ ที่เมื่อผ่านไปสักสองสามปี ดีไซน์เหล่านี้ก็จะดูซ้ำซาก ขาดมนต์ขลัง และขาดความคลาสสิคไปอย่างน่าเสียดาย
แต่ทุกสิ่งอย่างล้วนให้อภัยกันได้ เพราะเจ้า “มิราอิ” ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ซึ่งภายใต้ฝากระโปรงของ “มิราอิ” จะมีอุปกรณ์ที่จะเปลี่ยนไฮโดรเจนเป็นพลังงานไฟฟ้า ส่งไปขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งโตโยต้าก็ผลิตเครื่องยนต์ไฟฟ้าใส่ลงในรถไฮบริดของพวกเค้าอยู่แล้ว และ เครื่องมอเตอร์ก็สามารถส่งพลังได้ถึง 150 แรงม้า เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาไม่เกินสิบวินาที และการเติมไฮโดรเจนจนเต็มถังใช้เวลา 5 นาที สามารถวิ่งได้ 480 กม. ตัวเลขเหล่านี้นับว่าไม่เลวนัก
และที่สำคัญ รถคันนี้มีค่าการปล่อยมลภาวะเป็น 0 แต่จะมีของเหลือจากกระบวนการผลิตไฟฟ้าออกมาเป็น “น้ำเปล่า” แทน …
เฮ้ย! มันเริ่ดตรงนี้แหละ