MenDetails จั่วหัวบทความว่า MDs’ WATCH พร้อมกับชื่อ นาฬิกา OMEGA Seamaster คู่ด้วยนาม Daniel Craig และ ‘NO TIME TO DIE’ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ James Bond 007 ภาคสุดท้ายของเขา เราจึงชักจะเริ่มไม่แน่ใจนักว่าคำว่า “WATCH” ของเราในที่นี้จะเน้นไปที่การไป “ดูหนัง” หรือหันความสนใจไปที่ “นาฬิกา” มากกว่ากันแน่
แต่ทุก ๆ คนก็คงจะรู้กันดีอยู่แล้วว่าความสัมพันธ์ของ นาฬิกา OMEGA Seamaster และภาพยนตร์ชุด James Bond 007 นั้นมีประวัติยาวนานนับทศวรรษ ตั้งแต่ Pierce Brosnan เข้ามารับบทบอนด์ในปี ค.ศ. 1995 สายลับแห่งราชนาวีอังกฤษคนนี้ก็ใช้งานนาฬิกา OMEGA Seamaster อย่างเป็นทางการมายาวนาน แม้จนถึงปี ค.ศ. 2021 ในยุคของ Daniel Craig นั้น Bond ก็ยังไม่คิดที่จะเปลี่ยนใจจาก OMEGA ไปไหนอีกเลย
Seamaster ‘สาย Nato’ คือความแตกต่าง
แม้พยัคฆ์ร้าย 007 จะใช้ นาฬิกา OMEGA Seamaster เหมือนกันทั้งในยุคของ Pierce Brosnan และ Daniel Craig แต่สิ่งหนึ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนนั่นคือเรื่องของ “สายนาฬิกา” OMEGA ของ Brosnan นั้นยึดมั่นในสายเหล็กสเตนเลสสตีล แต่ OMEGA ของ Craig ในยุคหลังนั้นเลือกที่จะหันกลับไปทำความเคารพ James Bond รุ่นพี่อย่าง Sean Connery ด้วยการหยิบเอา สาย Nato ที่ห่างหายและเหี่ยวแห้งไปนานในโลกของ 007 ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
หากไม่นับ Daniel Craig สายนาฬิกาแบบไนล่อน ที่ดูละม้ายคล้าย สาย Nato นั้น ได้ปรากฎกายขึ้นเพียงครั้งเดียวใน James Bond 007 ภาค Goldfinger ปี ค.ศ. 1964 แถมมาในรูปแบบ “ขาด ๆ เกิน ๆ” เพราะจะด้วยเหตุสุดวิสัยหรืออย่างไรก็ดี แต่สายไนล่อนบนข้อมือของ ณอน คอนเนอรี่ ในยุคนั้น ดันมีขนาดที่เล็กเกินไปเมื่อเทียบกับความกว้างของ Lug บนตัวนาฬิกา เผยให้เห็นขาของตัวล็อกสายแบบ “เสียฟอร์ม” สายลับสุดเนี้ยบอย่าง James Bond ไปพอสมควร
เป็นไปได้ที่ความผิดพลาดดังกล่าวในปี ค.ศ. 1964 ของ James Bond แปรเปลี่ยนเป็นแรงบันดาลใจให้ฝ่ายเครื่องแต่งกายของบอนด์ในยุคของ Daniel Craig ร่วมมือกับนาฬิกา OMEGA ในการ “แก้ตัว” ด้วยการหยิบเอาสายนาฬิกาไนล่อน กลับสู่ข้อมือของบอนด์อีกคำรบในรูปแบบของ “สาย Nato” และคราวนี้ไม่มีคำว่าพลาดอีกต่อไป เพราะขนาดความกว้างของสายนั้น “เป๊ะพอดี” กับความกว้างของขานาฬิกา OMEGA อย่างสมบูรณ์แบบในที่สุด
OMEGA Seamaster Diver 300M 007 Edition
สาย Nato ของบอนด์ในยุค Daniel Craig เริ่มปรากฎตัวขึ้นครั้งแรกในภาค SPECTRE ด้วยสายสีดำคาดเทาที่แปลกตาที่สุดในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาซึ่ง เจมส์ บอนด์ ใส่แต่นาฬิกาสายเหล็กมาตลอดทั้งสิ้น และ นาฬิกา OMEGA Seamaster Diver 300M 007 Edition สำหรับภาค NO TIME TO DIE ในปี 2020 นี้ ทาง OMEGA ก็ยังคงใช้ สาย Nato ราวกับต้องการทิ้งท้ายเอกลักษณ์นี้ให้เป็นลายเซ็นประจำตัวของ Daniel Craig อย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว
นักแสดงนำอย่าง Daniel Craig ได้เข้ามาช่วยออกแบบให้นาฬิกาเรือนนี้สะท้อนตัวตนของเขาในฐานะ James Bond 007 เขากล่าวว่า “นาฬิกาน้ำหนักเบาคือหัวใจหลักสำหรับสายบู๊อย่าง 007 อีกทั้งควรเพิ่มกลิ่นอายและสีแบบวินเทจลงไปบางจุดซึ่งจะทำให้เรือนเวลามีความโดดเด่นไม่เหมือนใครลงไป” นี่เองจึงเป็นที่มาของสีน้ำตาลอ่อนบนหน้าปัด และการใช้วัสดุอย่าง “ไทเทเนี่ยม” ที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรงทนทานบนน้ำหนักที่เบาลง และเมื่อนำทั้งหมดมาผนวกกับสาย Nato ที่บางเบาคล่องตัว ทำให้นาฬิการุ่นนี้เป็น Diver Watch ที่ทั้งแข็งแกร่งและพริ้วไหว เหมาะกับฉากแอ็คชั่นในภาพยนตร์และการใช้งานบนโลกจริงเป็นอย่างยิ่ง
ขนาดตัวเรือนของ OMEGA Seamaster Diver 300M 007 Edition อยู่ที่ 42 มิลลิเมตร ถือเป็นขนาดที่ “กำลังพอดี” สำหรับนาฬิกา Sport Watch เช่นนี้ พร้อมกลไกเดินเข็มนาฬิกาแบบอัตโนมัติ OMEGA Co–Axial Master Chronometer Calibre 8806 ที่ผ่านมาตรฐานความแม่นยำสูงสุดของอุตสาหกรรมการผลิตนาฬิกา ฝาหลังล็อกแน่นด้วยระบบ ‘NAIAD LOCK’ ซึ่งช่วยยึดโยงระบบทั้งหมดให้อยู่ตรงตามตำแหน่งเดิมได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เทคโนโลยีในโลกยุคปัจจุบันพึงกระทำได้
นอกจาก สาย Nato แล้วนั้น นาฬิกา OMEGA Seamaster Diver 300M 007 Edition ยังมีสายในสไตล์ Titanium Milanese Strap ให้เลือกใช้ด้วยเช่นกัน แต่ในความเห็นส่วนตัวของ MenDetails แล้วนั้น บทบาททหารสายลับของ Commander Bond และบุคลิกนาฬิกาดำน้ำ Diver Watch ที่สมบุกสมบันของ Seamaster มันช่างเหมาะเจาะกับ สาย Nato โดยสมบูรณ์แบบแล้วจริง ๆ
หากนาฬิกาสายไนล่อน “ผิดขนาด” ของ Sean Connery ในบทบาท James Bond เมื่อปี ค.ศ. 1964 ยังคงอยู่ในความทรงจำของผู้ชายที่ชื่นชอบ “นาฬิกาเจมส์บอนด์” มาจนถึงทุกวันนี้ MenDetails ก็เชื่อว่า นาฬิกา OMEGA Seamaster Diver 300M 007 Edition เวอร์ชั่นสาย Nato ของ Daniel Craig จะกลายเป็นสัญลักษณ์ติดตัวเขาไปตลอดกาล ในฐานะ เจมส์ บอนด์ ที่ใส่นาฬิกาดำน้ำสาย Nato ได้ลงตัวและสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่ประวัติศาสตร์ James Bond 007 เคยมีมา
ใครที่อยากเก็บนาฬิกาเรือนนี้ไว้ใส่หรือสะสมในฐานะแฟนนาฬิกาสายลับพยัคฆ์ร้ายคนนี้ ลองแวะไปดูตัวจริงได้ที่ บูติก OMEGA สาขาเซ็นทรัลเอ็มบาสซี โทร. 02-160-5959 สาขา สยามพารากอน โทร. 02-129-4878 และสาขาดิเอ็มโพเรียม โทร. 02-664-9550 หรือ คลิก https://bit.ly/2WsrYM4 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ร่วมลุ้นไปกับภารกิจครั้งใหม่ของ เจมส์ บอนด์ และ OMEGA ได้ในภาพยนตร์ “No Time To Die” เข้าฉายแล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์