นาฬิกาข้อมือ ถือเป็นสิ่งที่ผู้ชายทุกคนควรมี ยิ่งมาในรูปแบบ Automatic ยิ่งเจ๋ง ซึ่งผู้ชายอย่างเราๆ ถ้าถึงจุดหนึ่งแล้วเชื่อว่า นาฬิกาเรือนเดียวคงไม่พอ แต่ทราบหรือไม่ครับว่า นาฬิกาเรือนโปรดของคุณ ก็ต้องการการดูแลเหมือนกัน ซึ่งหลากหลายครั้งคุณเผลอทำร้ายนาฬิกาของคุณโดยไม่รู้ตัว และนี่คือ 8 อย่างที่คุณไม่ควรทำกับนาฬิกาเรือนโปรดของคุณอีกต่อไป
ปรับวันที่ ในเวลาที่ไม่เหมาะสม
ถ้าคุณใส่นาฬิกาที่มีระบบบอกวันที่อยู่บนตัวเรือน ช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมในการปรับวันที่เลยก็คือช่วง สี่ทุ่ม ถึงตี 2 เพราะระบบภายในของนาฬิกากำลังจะปรับวันที่ด้วยตัวของมันเอง ดังนั้นการขัดจังหวะของกลไกภายในอาจส่งผลต่อระบบการทำงานของนาฬิกาในระยะยาวได้ ถึงแม้ว่านาฬิกาเรือนใหม่ๆ ที่ออกว่าขายในตลาด เริ่มมีระบบป้องกันแล้วก็ตาม แต่เชื่อเถอะครับ ปรับวันที่ก่อน สี่ทุ่ม หรือหลังตี 2 เป็นต้นไปจะดีที่สุด
เก็บไว้ในกล่องอย่างดี ไม่เคยหยิบมาใส่
หลายคนคงคิดว่าเป็นเรื่องดี เพราะของสะสมส่วนใหญ่ก็ควรเก็บไว้ในกล่องจริงมั้ยครับ อย่างรองเท้าคู่แพงๆ หลากหลายแบรนด์ ก็ยังแนะนำให้เก็บไว้ในกล่องหากไม่ใช้ แต่นั่นคือความคิดที่ผิดครับ บางครั้ง การเก็บนาฬิกาเรือนที่คุณชอบมากๆ และอยากสะสมไว้ อาจส่งผลให้น้ำยาที่เคลือบเม็ดอัญมณี (ภายในระบบเรือน Automatic) เสื่อมและหลุดออกได้ในที่สุด อีกประการหนึ่งก็คืออาจทำให้น้ำมันหล่อลื่นในตัวเครื่องไม่ไหวเวียน หนืด ส่งผลให้ระบบเรือนเสียหายได้ด้วยเช่นกัน
วางนาฬิกาไว้ใกล้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ปล่อยพลังงานแม่เหล็ก
เพราะอย่างไรเสีย นาฬิกาส่วนมากก็มีระบบแม่เหล็กในการเดินเวลาอยู่ภายใน ดังนั้นเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเช่น คอมพิวเตอร์ / โทรศัพท์มือถือ ที่สามารถปล่อยคลื่นแม่เหล็กออกมาจากตัวอุปกรณ์ได้ อาจส่งผลกระทบต่อระบบภายในของนาฬิกาได้เช่นกัน ยิ่งคุณครอบครองนาฬิกาเรือน Vintage ที่ไม่มีระบบการตัดคลื่นแม่เหล็กในตัวด้วยแล้ว MDs’ แนะนำให้วางนาฬิกาไว้ห่างๆ น่าจะดีกว่านะครับ
ตัวเรือนมีรอย ขัดบ่อยๆ เพื่อความสวยงาม
จำไว้อย่างหนึ่งครับว่า เมื่อคุณขัดของใดๆ ก็ตาม ชั้นผิวบางๆ ด้านบนจะหลุดออกเพื่อลอกเอาร่องรอยที่ปรากฏบนตัวเรือนออก ดังนั้น การส่งขัดตัวเรือนบ่อยๆ มีผลแน่นอน อย่างเช่น Rolex Daytona ซึ่งตัวเรือนจะเป็นรอยง่ายกว่าปกติ คนจึงนิยมนำตัวเรือนไปขัด ขัดไปขัดมา ตัวเลขบริเวณขอบนาฬิกาก็เริ่มเลือนไปเรื่อยๆ หมดความสวยงามในที่สุด ฉะนั้นอย่าขัดหากไม่จำเป็นจริงๆ
เห็นว่ากันน้ำได้ ใช้เลยละกัน
อันนี้ไม่ผิดครับ แต่ต้องอ่านคู่มือดีๆ หากนาฬิกาเรือนโปรดของคุณกันน้ำได้แค่ 5ATM หรือ 50m จากผิวน้ำ MDs’ แนะนำว่าอย่าได้หยิบเอาลงดำน้ำทะเลเลยดีกว่า หรือแม้กระทั้งเข้าไปใช้ในห้องซาวน่า ก็ไม่สมควรนะครับ ถึงแม้ว่าตามคู่มือจะบอกว่า สามารถกันน้ำได้ถึง 50m แต่ความเป็นจริงแล้ว นาฬิกาประเภทนี้สามารถกันได้แค่การว่ายน้ำในระยะเวลาสั้นๆ หรือ ล้างมือล้างไม้แบบไม่ต้องใส่ใจมากกับนาฬิกา แต่ถ้าจะให้ดำน้ำ หรือแช่ไอน้ำนานๆ อาจต้องส่งซ่อมก็เป็นได้
ใส่แค่นี้ ไม่ต้องส่งศูนย์เช็คสภาพหรอก
นาฬิกาบางเรือนอาจเป็นเช่นนั้นจริงครับ เพราะด้วยราคาที่ไม่แพงมาก หากเกินการเสียหาย คงง่ายกว่าหากคุณจะซื้อเรือนใหม่ แต่ลองนึกว่าถ้าคุณซื้อนาฬิกาเรือนละ 3-4 แสนบาท การส่งเช็คสภาพถือเป็นเรื่องที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง หากครบระยะเวลาประมาณ 4-5 ปี อย่าลืมนะครับว่านาฬิกาที่คุณใส่ทุกวันมันทำงานหนักกว่ารถยนต์ที่คุณขับเสียอีก ดังนั้นส่งเช็คสภาพหน่อยจะได้ป้องกันปัญหาใหญ่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ทัน
หมุนขึ้นลานแบบไม่คิดชีวิต
นาฬิกา Automatic ส่วนใหญ่มักจะเดินด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว เพราะอาศัยแรงจากการที่เราแกว่งแขนไปมาอยู่ตลอดเวลา แล้วเก็บสะสมพลังงานในลานของตัวเรือน แต่หากคุณเผลอปล่อยให้นาฬิกาหยุดเดินหรือถอดออกมาวางนานเกินไป การหมุนขึ้นลานเป็นตัวช่วยอย่างหนึ่ง และสมควรทำก่อนทุกครั้งไม่ใช่เขย่าอย่างเดียว แต่หากคุณหมุนเม็ดมะยมเพื่อขึ้นลานนาฬิกาอย่างไม่คิดชีวิต รับรองครับว่า นาฬิกาเรือนโปรดของคุณได้ไปเจอช่างซ่อมแน่นอน เราแนะนำให้หมุนประมาณ 20-30 รอบเท่านั้น มากกว่านี้อาจส่งผลเสียต่อตัวเรือนได้
ใช้งานระบบ Chronograph ผิดวิธี
นาฬิกาบางเรือนอย่างเช่น Rolex Daytona จะมีระบบจับเวลาหรือที่เรียกกันว่า Chronograph โดยตัวเรือนจะมีปุ่มเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากเม็ดมะยมอีก 2 ปุ่ม ปุ่มด้านบนคือปุ่มกดเริ่ม / หยุด จับเวลา ส่วนปุ่มด้านล่างของเม็ดมะยมจะเป็นปุ่ม Reset ให้เข็มจับเวลากลับไปอยู่ที่ตำแหน่งเลข 12 จำให้ขึ้นใจครับว่า ก่อนกด Reset ต้องกดหยุดจับเวลาก่อนทุกครั้ง เพราะหากไม่กดหยุดจับเวลาแล้วดันไปกด Reset จะส่งผลต่อกลไกภายในได้ทันที ระวังนะครับ ใช้งานให้ถูกวิธีก่อนคุณจะไม่สามารถใช้ระบบ Chronograph ได้อีกเลย
หมายเหตุ : นาฬิกาบางรุ่นสามารถกดปุ่ม Reset ได้ทันทีโดยไม่ต้องกดหยุดเวลา ทั้งนี้ทั้งนั้น ควรสอบถามจากคนขายก่อนทุกครั้งนะครับ เพื่อความมั่นใจ จะได้ใช้งานได้อย่างถูกวิธี