-Roping Effect จากการเย็บแบบ Chain Stitch-
นี่น่าจะเป็นปัญหาระดับโลกเลยก็ว่าได้ครับ เพราะหลายๆ คนที่ซื้อกางเกงยีนส์มาแล้วดันยาวเกิน (เพราะ Raw Denim บางแบรนด์ไม่มีความยาวขาให้เลือก) ดังนั้นก็ต้องนำไปตัดขาตามประสาคนตัวไม่สูงมากแบบคนเอเชีย ที่ยังไงๆก็ใส่ความยาว 34 นิ้วไม่ไหวจริงๆ แต่พอจะตัดขากางเกงยีนส์ก็ดันมาเจอปัญหาอีกว่าด้วยการเย็บปลายขาว่าจะ “เย็บแบบลูกโซ่” ดีหรือว่า “เย็บแบบปกติ” ดี บ้างบอกว่าแบบนั้นดีกว่าแบบนี้ วันนี้ MDs มีคำตอบมาให้ครับทั้งข้อดีข้อเสียของแต่ละแบบเลย
เย็บแบบลูกโซ่ Chain Stitch
-แบรนด์ Vintage ส่วนใหญ่มักเย็บปลายขาแบบ Chain Stitch-
คือการเย็บที่คนเล่นกางเกงยีนส์ส่วนใหญ่มักจะแนะนำกันปากต่อปากว่า “ถ้าจะไปตัดขา ควรตัดแล้วเย็บคืนด้วยวิธีนี้” ซึ่งหลายๆ แบรนด์กางเกงยีนส์รุ่นเก่าๆ ก็มักเย็บปลายคาแบบลูกโซ่มาให้จากโรงงานเหมือนกัน ว่าแต่ทำไมต้องเย็บแบบลูกโซ่? แบบนี้ดียังไง มีข้อเสียอะไรบ้าง ตามมาเลย
-ข้อดี-
- วิธีนี้คือวิธี Traditional ที่สุด กล่าวคือเป็นวิธีการเย็บแบบโบราณเพราะเป็นวิธีหลักในการเย็บถุงกระสอบในสมัยอดีตและนำมาเย็บเป็นกางเกงยีนส์นั่นเอง
- ได้เฟดที่สวยงามเนื่องจากวิธีการในการเย็บจะส่งผลทให้การดึงรั้งของปลายขากางเกงยีนส์กลายเป็นลักษณะแบบ Roping Effect ซึ่งไม่สามารถหาได้จากวิธีเย็บแบบอื่น
-ข้อเสีย-
- อย่างแรกเลยคือหาที่ที่เย็บแบบลูกโซ่ยาก เพราะเป็นลักษณะการเย็บแบบเฉพาะ ไม่สามารถทำได้ด้วยเครื่องจักรปกติ ดังนั้นจึงมีเพียงไม่กี่ร้านเท่านั้นที่รับเย็บลักษณะนี้
- เป็นลักษณะการเย็บที่ไม่แข็งแรง กล่าวคือมีโอกาสที่จะหลุดได้ง่ายกว่าแบบอื่น
- เห็นความแตกต่างได้จากด้านในและหลังจากเฟดแล้วเท่านั้น
- ราคาค่าจ้างแพงกว่าแบบอื่น
เย็บแบบปกติ Lock Stitch
-แบรนด์อย่าง A.P.C. ก็เลือกเย็บปลายขาด้วย Lock Stitch นะครับ-
ถือเป็นวิธีการเย็บแบบพื้นฐานที่เครื่องจักรอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ใช้กันอยู่แล้ว ซึ่งเราสามารถเห็นการเย็บแบบนี้ได้จากเสื้อผ้าต่างๆ ที่วางขายอยู่ในท้องตลาด ซึ่งหลายคนที่ไปร้านรับตัดขากางเกงยีนส์อาจรู้สึกแย่นิดหน่อยที่หลายๆ ร้านรับเย็บแค่แบบนี้ แต่การเย็บลักษณะนี้มีข้อดีนะครับ
-ข้อดี-
- ถือเป็นการเย็บที่แข็งแรงกว่าแบบ Chain Stitch หรือการเย็บแบบลูกโซ่ เพราะตัวด้ายจะหลุดยากกว่า หากขาดที่จุดใดจุดหนึ่งของการเย็บ
- หาที่ตัดขากางเกงยีนส์แบบนี้ง่ายกว่ามาก สำหรับการเย็บแบบ Lock Stitch นั้นถือว่าหาที่ตัดได้ง่าย สะดวกกว่า เพราะใช้เครื่องจักรปกติในการตัดเย็บนั่นเอง
- ราคาถูกกว่าการตัดเย็บแบบ Chain Stitch เนื่องจากไม่ต้องใช้เครื่องจักรพิเศษ
-ข้อเสีย-
- ไม่ได้ความ Original ของการเย็บแบบโบราณ สำหรับคนที่มองหากางเกงยีนส์แนว Vintage ก็ไม่ควรเลือกการตัดเย็บแบบนี้นั่นเอง
- Fading จะไม่สวยเท่าแบบ Chain Stitch แต่ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของตัวกางเกงยีนส์ด้วยเช่นเดียวกัน เพราะกางเกงยีนส์บางตัวที่เย็บด้วย Lock Stitch ก็มีรอยเฟดที่สวยงามได้
ส่วนตัว MDs ไม่เลือก Chain Stitch ให้ยุ่งยากครับ แต่ถ้าหากซื้อกับทางร้านอย่าง Levi’s หรือ Uniqlo เขาจะมีรับตัดขากางเกงยีนส์ให้ครับ ก็สามารถเลือกตัดแบบ Chain Stitch ได้ (แต่อย่าง Uniqlo อาจต้องจ่ายเงินเพิ่ม จากการเย็บปกติ) เนื่องจากเราเคยตัดเย็บแบบ Lock Stitch มาแล้ว งานดีครับและก็ได้เฟดที่ใช้ได้เหมือนกัน ข้อดีคือแข็งแรงและไม่วุ่นวายในการหาที่ตัดนั่นเอง
ส่วนใครจะใส่ใจเรื่องการเย็บปลายขามากน้อยแค่ไหนก็แล้วแต่คนนะครับ เพราะดีทั้งคู่ ขึ้นอยู่กับความชอบ / ความพยายามในการหาที่เย็บ และราคาที่สู้ไหวมั้ย (อย่าง Chain Stitch จะเริ่มต้นราว 200.- ส่วน Lock Stitch จะเริ่มต้นที่ 20 บาทเป็นต้น)