บทความนี้เขียนจากความคิดเห็นของฝ่ายหญิง เพื่อบอกถึงเทคนิคและความในใจของพวกเธอโดยแท้จริง
เมื่อสาวที่เราคุยๆ popular มีหนุ่มๆ หลายคนมารุมจีบ และแน่นอนเขาอาจจะมีตัวเลือกที่ดีกว่าคุณ แล้วคุณจะทำยังไงดี? เมื่อคุณรู้ตัวว่า คุณเป็น 1 ในตัวเลือก จากกี่สิบก็ไม่รู้ ในใจก็แอบเจ็บ และกังวลว่าจะเอาอะไรไปสู้กับพวกคนอื่นๆ ที่อาจจะมีโปร์ไฟล์ดีกว่า? จนคุณอาจต้องยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้เธอเห็นว่า คุณชอบเขาจริงๆ แต่ทว่าความเป็นจริงแล้ว มีเคล็ดลับเอาชนะพวกผู้ชายที่มีโปร์ไฟล์ที่ดูดีกว่า โดยไม่ต้องพยายามไปอัพตัวเอง หรือทุ่มเทให้มากเกินไป จนหลุดจากความเป็นตัวของตัวเองอีก แต่เทคนิคและยุทธวิธีเหล่านั้นจะมีอะไรบ้าง ลองมาดูกันเลยค่ะ
1. อย่าพยายามเป็น “พระเอกแสนดี” แต่ให้เป็น “พระเอกตัวแสบ”
คำว่า “พระเอกแสนดี” ในที่นี้คือ “ไม่ว่าเธออยากได้อะไร มีเรื่องเดือดร้อนอะไร บอกผมได้หมด ผมจะหามาให้” ความจริงแล้ว นี่เป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ การเป็น “พระเอกแสนดี” ฟังแล้วอาจจะดูดีและเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ชายควรทำเมื่อพยายามจะจีบผู้หญิง แต่ผู้หญิงกลับจะมองว่าคุณเป็น “ของตาย” ค่ะ แล้วความกลัวว่าคุณจะหายไปจากเขาเนี่ย มันจะไม่เกิดขึ้นเลย เพราะเขาจะคิดว่า เขาจะทำอะไรก็ได้ คุยกับใครก็ได้ สุดท้ายก็จะยังมีคุณที่รอเขาอยู่แน่นอน และนั่นจะทำให้คุณกลายเป็นตัวเลือกท้ายๆ ที่เขาจะเลือกเลยก็ว่าได้ ดังนั้นแทนที่จะทำตัวเป็น “พระเอกแสนดี” ลองเปลี่ยนตัวเองให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น รู้จักปฏิเสธในสิ่งที่มากเกินไป ไม่ต้องโทรหาบ่อยๆ หรือส่งข้อความทักทายตลอดเวลา อีกทั้งไม่ต้องพูดจาเอาอกเอาใจจนเธอรู้สึกว่าเธอเป็นฝ่ายที่ถูกเสมอ ลองแย้งความคิดเห็นของเธอ หรือเถียงเธอบ้าง ความเป็น “ของตาย” ในตัวคุณจะลดน้อยลง และกลายเป็นว่าเธอกลับจะสนใจคุณมากขึ้นด้วยซ้ำไป ใครที่เล่นบทพระเอกแสนดีมาตลอดแล้วรู้สึกว่าไม่ work ลองเปลี่ยนมาสวมบทพระเอกตัวแสบบ้าง อาจได้ผลที่คุณคาดไม่ถึง
2. อย่าแสดงออกถึงความเป็น Loser
เข้าใจค่ะคุณผู้ชาย ว่ามันท้อที่เห็นคู่แข่งที่มีโปรไฟล์หรือคุณสมบัติทั้งหลายดีกว่าเรา แต่ผู้ชายไม่ควรแสดงตัวยอมรับแบบผู้แพ้ หรือ “Loser” ว่าเราด้อยกว่าหมอนั่นจริงๆ ไม่ว่าจะด้วยการพูดจาตัดพ้อน้อยอกน้อยใจกับผู้หญิงว่าผมมันดีไม่เท่าเขา หรืออะไรก็ตามในเชิงที่มันทำให้คุณค่าของตัวคุณเองลดลงไป เพราะต่อให้คู่แข่งจะโปรไฟล์ดีกว่าแค่ไหน ผู้ชายอย่างคุณก็ต้องเลิกเปรียบเทียบตัวเอง ไม่ต้องไปคิดแทนผู้หญิงว่าเธอจะเลือกคนอื่นที่เหนือกว่าเราแน่นอน ขอแค่คุณมั่นใจในตัวเองว่าตัวเองก็มีดี และพัฒนาตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ เพราะถ้าหากคุณพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่ฝ่ายหญิงยังไม่เห็นค่า คุณก็ยอมรับความจริงแบบแมนๆ อย่าไปกลัวสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นในอนาคตให้มากนัก ขอให้คิดซะว่า เธอยังไม่ใช่สำหรับเรา อย่างน้อยคุณก็เป็นผู้ชนะ หรือ Winner ที่มีความเคารพนับถือตัวเอง และมีความพยายามที่จะพัฒนาตัวเองให้เจ๋งขึ้นเรื่อยๆแล้วค่ะ
3. เป็นตัวของตัวเอง
เสน่ห์ของคนเรานั้นมีไม่เหมือนกัน การที่คุณพยายามจะเป็นคนอื่น เพื่อเอาชนะใจฝ่ายหญิง มันก็เป็นการทำลายเสน่ห์ที่มันจะดึงดูดให้ฝ่ายหญิงสนใจเราได้เช่นกัน นอกจากจะทำให้อีกฝั่งรู้สึกอึดอัดแปลกๆ แล้ว ถ้าเขาจับได้ว่าคุณกำลังไม่มั่นใจตัวเองอยู่ล่ะก็ ถ้าเทียบกับอีกฝั่งที่เป็นตัวของตัวเองมากว่า เขาอาจจะรู้สึกอยู่กับฝ่ายนั้นแล้วสบายใจ ในที่สุดเธอก็อาจจะไม่เลือกคุณ เพราะฉะนั้น มั่นใจตัวเองหน่อย ว่าคุณก็ต้องมีดีอะไรสักอย่าง มันคงน่าเศร้าที่คนอื่นๆ รอบตัวคุณเห็นเสน่ห์ของคุณ แต่ตัวคุณเองมองไม่เห็นมัน แถมยังไม่ชอบมันอีก แล้วจะหวังให้เธอชอบอะไรในตัวคุณหล่ะ?
4. ทำตัวเองให้มีคุณค่า อย่าพยายามพูดจาประชดประชัน
“ก็ใช่สิ ผมไม่ใช่เขานี่น่า” นี่อาจจะเป็นประโยคเรียกความสงสารที่หวังให้ฝ่ายหญิงรู้สึกตัว ว่าคุณกำลังน้อยอกน้อยใจ แต่นั่นก็เป็นการแสดงออกอย่างหนึ่ง ว่าคุณกำลังรู้สึกว่า ตัวเองด้อยกว่า และไม่มีคุณค่าเท่ากับคู่แข่งที่เป็นตัวเลือกอื่นๆ ของเธอ ซึ่งจริงๆ แล้วฝ่ายหญิงเขาอาจจะรู้สึกกับคุณดีกว่าด้วยซ้ำ แต่การพูดไปลักษณะนี้ อาจจะทำให้ผู้หญิง รู้สึกว่าคุณเป็นผู้ชายที่ “ไม่แมน” ชอบน้อยอกน้อยใจ และชอบประชดประชัน อันเป็นการเปิดช่องโหว่ให้เธอหันกลับไปเปรียบเทียบคุณกับตัวเลือกอื่นๆอีกครั้งอย่างน่าเสียดาย จนสุดท้ายอาจทำให้อีกคนดูดีกว่าคุณขึ้นมาจริงๆ ก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น ไม่จำเป็นต้องไปประชดประชัน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายหญิงที่จะรู้สึกและตัดสินใจด้วยตัวเองจะดีกว่านะคะ
สุดท้ายแล้ว ถึงคุณจะเป็นฝ่ายที่เธอไม่ได้เลือก ก็ไม่ได้แปลว่าคุณเป็นผู้ชายที่ไม่ดีหรือไม่เอาไหน แต่เพียงแค่คุณอาจจะยังไม่ใช่สำหรับเธอด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง เพราะความรักมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและซับซ้อน ทำให้เหตุผลและความรู้สึกในการ “เลือก” ของผู้หญิงแต่ละคนนั้นย่อมแตกต่างกันไปตามแต่ละสถานการณ์ ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับ “ศึกตัวเลือก” ก็คือ การเผื่อใจและต้องรักตัวเองให้มากเข้าไว้ เพราะนอกจากจะช่วยรักษาความรู้สึกในระดับหนึ่งแล้ว ยังทำให้คุณกล้าที่จะเผชิญกับรักในครั้งต่อๆ ไป โดยที่คุณไม่รู้สึกแย่กับตัวเองอีกด้วย