“เราเป็นเพื่อนกันเถอะ” ช่างเป็นคำพูดเสียดแทงใจที่เชื่อว่าผู้ชายหลายต่อหลายคนคงเคยประสบพบเจอด้วยตัวเองกันมาแล้วทั้งนั้น การ “แอบชอบเพื่อน” เป็นเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้น และความผูกพันใกล้ชิดนั่นแหละที่ทำให้ผู้ชายต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น ต่อเมื่อเราได้รู้ความจริงว่าเธอไม่ได้คิดกับเราเกินเลยกว่าคำว่า “เพื่อนกัน” เลยแม้แต่น้อย นั่นแหละที่พาผู้ชายด่ำดิ่งสู่ความหดหู่จนไม่เป็นอันกินอันนอน หลายคนคงอยากรู้ว่าเพราะอะไรผู้หญิงถึงได้คิดกับเราแค่เพื่อนกันเท่านั้น วันนี้ MenDetails จะลองรวบรวมเหตุผลมาให้พิจารณากันดูว่า มีข้อไหนตรงกับสถานการณ์ส่วนตัวของคุณบ้างหรือไม่
ผู้ชายพยายามทำดีกับเธอมากเกินไป
เหตุผลที่ว่า “เธอดีเกินไป” ใช่ว่าจะเหลวไหลไปซะทีเดียว เพราะอันที่จริงนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่สำคัญที่สุดของการบอกปฏิเสธเลยก็เป็นได้ เส้นแบ่งระหว่างการดูแลเอาใจใส่แบบพอดีๆ กับการ “ตามติดจนน่ารำคาญ” เป็นอะไรที่บางมากๆ จนผู้ชายหลายต่อหลายคนตกม้าตายกับการทำดีกับผู้หญิงมากเกินไปจนพวกเธอ “รำคาญ” ในที่สุด สถานการณ์ที่พบเห็นได้บ่อยมากก็คือ ผู้ชายกับผู้หญิงเป็นเพื่อนกันตามปกติมาตลอด อยู่มาวันหนึ่งฝ่ายชายก็พยายามทำดีกับเธอ ตามติดเธอไปทุกที่ เธออยากได้อะไรก็จะหาให้ไม่เคยขาด จะไปห้องน้ำก็เดินไปส่ง จะเดินไปไหนก็จะขอไปด้วย เรียกว่าเป็นเงาตามตัวไปเลยก็ว่าได้ ผู้ชายอาจจะคิดว่านี่เป็นวิธีการเอาชนะใจผู้หญิง แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่กลับรู้สึกว่านี่เป็นพฤติกรรมที่ “มากเกินไป” และบางคนอาจถึงขั้นรู้สึกรำคาญการกระทำเช่นนี้ที่คุณไม่คิดจะเว้นช่องว่างให้ได้คิดถึงกันบ้างเลยแม้แต่น้อย เมื่อถึงจุดที่ผู้ชายอยากรู้ว่าที่ผ่านมาทั้งหมดเธอคิดกับเขาอย่างไร เธอจึงจำเป็นต้องบอกกลับมาว่า “เธอดีเกินไป เราเป็นเพื่อนกันเถอะ” นั่นเองครับ
“ของตาย” ไม่ท้าทาย
ผู้หญิงบางส่วนอาจไม่ได้รู้สึก “รำคาญ” กับการทำดีของผู้ชาย กลับกันเธออาจรู้สึกชอบที่มีคนมาคอยเอาอกเอาใจ คอยช่วยเหลือเกื้อกูลเธออยู่เสมอ แต่ทว่าเธอไม่ได้เอาสิ่งดีๆเหล่านั้นที่เพื่อนผู้ชายทำให้มาเป็นคะแนนที่ทำให้เธอรู้สึกดีกับคุณมากขึ้นเรื่อยๆจนพัฒนาจาก “เพื่อน” ไปเป็น “แฟน” กับคุณได้ นั่นเพราะมีเหตุผลในเรื่องของจิตวิทยาว่าสิ่งใดก็ตามที่เรามีอยู่ในมืออยู่แล้ว เรามักจะไม่เห็นคุณค่าของมันมากเท่าไหร่ เหมือนกับการมองเพื่อนที่ทำดีกับเธอคล้ายกับเป็น “ของตาย” ที่ไม่มีความท้าทายที่เธอต้องการ นี่ไม่ใช่เรื่องของนิสัยเฉพาะตัวของผู้หญิงแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องทางจิตวิทยาที่มนุษย์ทุกคนเป็น ไม่ว่าจะเพศใดก็ตาม ลองนึกถึงเวลาที่เราอยากได้บางสิ่งบางอย่างที่เรายังไม่มีมากๆ เราจะคอยนึกถึงมันตลอดเวลาและมองสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่มีค่ามากๆ แต่พอเมื่อเราได้เป็นเจ้าของสิ่งนั้นแล้ว เรากลับรู้สึก “เฉยๆ” ไม่ได้รู้สึกอยากได้เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ดังนั้นถ้าคุณทำให้เธอรู้สึกว่าคุณเป็น “ของตาย” แล้วล่ะก็ โอกาสที่เธอจะปฏิเสธและคิดกับคุณได้แค่เพื่อนก็จะมีสูงมากเลยทีเดียว
เธอไม่พร้อมจะให้มากกว่าคำว่า “เพื่อน” ในขณะนั้น
คนเราแต่ละคนมีความจำเป็นไม่เหมือนกัน ผู้หญิงคนนั้นอาจมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เธอไม่สามารถรับคุณเป็นแฟนได้ในขณะนั้น อาจจะเป็นด้วยเหตุผลในเรื่องครอบครัว หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าเธอมีแฟนแล้วหรือมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ผู้หญิงที่ดีย่อมไม่อยากที่จะ “คบซ้อน” หรือทำให้ตัวเองต้องมีปัญหากับครอบครัวที่อาจจะยังไม่อยากให้เธอมีแฟนในขณะนั้นก็เป็นได้ ทำความเข้าใจกับความจำเป็นของเธอ แต่ MenDetails ไม่แนะนำให้คุณ “รอคอย” จนกว่าเธอจะพร้อมเป็นแฟนกับคุณนะครับ เพราะวันนั้นอาจไม่มีทางมาถึงเลยก็เป็นได้ การทำใจยอมรับแล้วก้าวต่อไปโดยไม่ทำให้ตัวเองตกอยู่ในวังวนของคำว่า “มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน” หรือ Friendzone นั้นน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่าสำหรับพวกเราในสถานการณ์นี้ครับ
“She’s just not that in to you”
ข้อสุดท้ายที่เป็นเหตุผลสรุปแบบกำปั้นทุบดินแต่ตรงไปตรงมาก็คือ “ผู้หญิงเขาไม่ได้รู้สึกชอบคุณ” ก็เท่านั้นเองนั่นแหละครับ ความรักบางทีก็เป็นสิ่งที่อธิบายยาก ต่อให้ผู้ชายอย่างคุณทำทุกสิ่งทุกอย่างถูกต้องทั้งหมด ไม่ทำตัวน่ารำคาญ, รู้จักเอาใจแบบพอดีๆ, เป็นผู้ชายที่มีบุคลิกภาพที่ดี และมีความมั่นใจในตนเอง เรียกว่า Perfect สมบูรณ์แบบ แต่ทั้งหมดนั้นมันไม่มีประโยชน์อะไรทั้งนั้นถ้าฝ่ายหญิงไม่รู้สึกว่า “คลิก” และพัฒนาจนเป็นความรู้สึกชอบคุณในแบบแฟน คุณก็จะยังคงเป็นเพื่อนของเธอต่อไปไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ครั้นจะหาเหตุผลอธิบายให้ได้ว่าทำไมเธอถึงไม่ชอบคุณมันก็คงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาได้หรอกครับ ทางที่ดีที่สุดคือทำใจยอมรับและก้าวต่อไป แล้วเก็บเธอไว้เป็นเพื่อนแบบเดียวกับที่เธอคิดกับคุณจะดีกว่านะครับ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม การถูกปฏิเสธเป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ชายคนไหนอยากประสบพบเจอ แต่เมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์นั้นแล้วอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผู้ชายก็ต้องรู้จักทำใจ และยอมรับการปฏิเสธนั้นให้ได้ อย่าปล่อยให้ตัวเองเศร้าเสียใจอยู่นานนัก แต่ใช้ความผิดหวังนั้นเป็นแรงผลักให้เรารู้จักพัฒนาตัวเองให้ดีมากยิ่งขึ้น เก่งขึ้น และเป็นผู้ชายที่มีคุณภาพมากขึ้น เพิ่มคุณค่าให้ตัวเองจนกว่าจะเจอ “คนที่ใช่” คนนั้นในที่สุดนะครับ