เวลาผู้ชายไปเดทกับผู้หญิงที่เพิ่งรู้จักกันครั้งแรกๆ ช่วงเวลาที่อึดอัดใจที่สุด คงหนีไม่พ้นเรื่องการแตะสัมผัสตัวอีกฝ่ายอย่างแน่นอน เพราะระหว่างคุณและสาวคนที่ชอบยังไม่สนิทกันมากนัก ทำให้เกิดคำถามไม่รู้จบอยู่บ่อยครั้ง ‘จับมือได้ตอนไหน’, ‘ถ้าจับมือไปแล้วควรจะปล่อยตอนไหน’ หรือ ‘ถ้าโดนตัวเร็วไปจะรู้สึกไม่ดีรึเปล่า’ เป็นคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน แต่เราก็มักเลือกทำตามสัญชาตญาณว่า ‘น่าจะ’ ทำได้ ทั้งที่จริง หากคุณ สกินชิพ ผิดจังหวะไป อาจทำให้คุณโดนตัดคะแนนหรือโดนขีดฆ่าออกจากลิสต์ไปเลยก็ได้ วันนี้ MenDetails.com มาแชร์เรื่องการสกินชิพที่ผู้ชายทำได้ก่อนพัฒนาเป็นแฟนกันครับ
ทำความเข้าใจเรื่องการ สกินชิพ (Skinship)
เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า สกินชิพ (Skinship) ผ่านหูกันมาบ้าง ย้อนความไปที่มาของคำ ๆ นี้กันหน่อยดีกว่าครับ แรกเริ่มปรากฏขึ้นในภาษาญี่ปุ่น มีความหมายว่าการสัมผัสกันระหว่างแม่ลูกครับ แต่เมื่อคำนี้เข้าสู่ประเทศเกาหลีใต้ ความหมายของ Skinship (스킨십) จะเป็นไปในเชิงความสัมพันธ์ของคู่รักหรือเพื่อนมากกว่า ซึ่งเข้าใจโดยทั่วไปว่าเป็น Physical Contact หมายถึง การสัมผัสที่แสดงออกถึงความรักและความใกล้ชิด
เท่ากับว่าคำว่าสกินชิพ มาจากเอเชีย ไม่ใช่ Original English นั่นเองครับ
หากจะเทียบกับภาษาไทยแล้วก็คงเป็นเรื่องการแตะเนื้อต้องตัวกันของคู่รัก หรือคนที่มีความรู้สึกใกล้ชิดต่อกันครับ แต่คำว่าสกินชิพ จะเป็นคำที่บ่งบอกถึงลักษณะการสัมผัสแบบ casual touching และไม่ใช่คำที่ให้ความรู้สึกในทางลบครับ สาว ๆ ไทยหลายคนนิยมใช้คำนี้เพราะเคยได้ยินจากซีรีส์หรือรายการเกาหลี ในความรู้สึกของพวกเธอมันเป็นคำที่ดูเบาและน่ารัก ฉะนั้นผู้ชายไทยก็ควรรู้จักคำนี้เอาไว้ใช้เช่นกัน
มาตรฐานหญิงไทยกับการ สกินชิพ
การให้เกียรติผู้หญิงที่เดทกัน ไม่ได้แปลว่า ห้ามแตะเนื้อต้องตัวผู้หญิงเลย แต่หมายถึงการไม่ฉกฉวยโอกาสหรือทำอะไรให้เธอรู้สึกไม่ดีมากกว่าครับ ในทางกลับกัน หากผู้ชายมองว่า งั้นตัดปัญหา ไม่แตะโดนตัวเธอเลยก็แล้วกัน เพื่อป้องกันการจะทำให้เธอรู้สึกไม่ดี แต่เอาเข้าจริง นั่นก็ไม่ใช่วิธีที่เวิร์ค นะครับ เพราะลับหลังผู้ชาย ผู้หญิงก็คุยกับเพื่อน แชร์กันตลอดว่าเดทแต่ละครั้งเป็นอย่างไร มี “สกินชิพ” กันไหม พวกเธอลงลึกถึงรายละเอียดมากกว่าผู้ชายเยอะครับ
หากเดทกันไปสักระยะแล้ว เช่น ออกเดท 3-4 ครั้ง หรือรู้จักกันถึง 1 เดือนขึ้นไปแล้ว ไม่เคยแม้แต่จับมือเธอเลยสักครั้ง ผู้หญิงจะเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองแล้วครับ ‘เราไม่มีเสน่ห์เลยหรือเปล่า’ เพราะแท้จริงแล้ว ผู้หญิงก็ชอบการสกินชิพ เช่นกันครับ
เมื่อไหร่ที่มีความรู้สึกชอบเข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้หญิงจะลดกำแพงหรือความอึดอัดใจเวลาอยู่ด้วยกันสองคนลงเองครับ
การจะตัดสินใจว่าเราแตะหรือไม่แตะตัวเธอได้ตอนไหน มีหลักการง่าย ๆ แค่ข้อเดียวครับ คือ สังเกตว่า เธอรู้สึกชอบพอในตัวเราบ้างหรือยัง (ต้องมองให้ออกนะครับ) เพราะเวลาที่ผู้หญิงรู้สึกชอบพอต่อคน ๆ หนึ่งหรือไม่ชอบ เธอจะแสดงออกมาค่อนข้างชัดเจน ให้สังเกตการกระทำของเธอมากกว่าคำพูด ถ้าเธออยากนัดเจอเหมือนกัน หรือเป็นฝ่ายออกปากพูดถึงสถานที่ที่อยากไป อาหาร ขนมที่อยากกิน กระทั่งหนังที่อยากดู แปลว่าเธอเริ่มสนใจในตัวคุณมากขึ้นแล้วครับ
มือ เป็นส่วนที่แตะหรือจับได้โดยรู้สึกอึดอัดน้อยที่สุด
อ้างอิงจากผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด (University of Oxford) เรื่องการมีปฏิสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า สำหรับผู้หญิงนั้น ‘มือ’ เป็นอวัยวะส่วนที่คนไม่สนิทจับแล้วก็ยังมีความรู้สึก comfort อยู่มากที่สุดครับ รองลงมา เป็นช่วงแขนและหัวไหล่ ฉะนั้นหากคุณกำลังเข้าไปจีบผู้หญิงสักคนที่เพิ่งรู้จักกัน ยังไม่ได้มีความ intimacy ต่อกันและกัน ส่วนที่คุณจะสามารถแตะได้ครั้งแรกสุดก็คือ มือ นี่แหละครับ
ถ้าหากแตะโดนส่วนไหนแล้วเธอสะดุ้ง คือ เธอยังรู้สึกไม่ปลอดภัย อาจเพราะไม่คุ้นเคยกับเรามากถึงขนาดนั้น
ครั้งแรก ๆ ที่จับมือ ควรจับไว้หลวม ๆ ก็พอ เช่น ตอนจูงมือข้ามถนนหรือตอนดูหนัง แล้วเมื่อสนิทกันมากขึ้นก็ค่อย ๆ พัฒนาจากการจับแบบกุมมือ เป็นการจับมือแบบสอดประสาน หลังจากจับมือ จึงจะไปแตะส่วนอื่นอย่างแขน หัวไหล่ กลางหลัง หรือศีรษะ ซึ่งผู้หญิงจะรู้สึก comfort เวลามีการสกินชิพบอดี้ช่วงบนมากกว่าบอดี้ช่วงล่าง ในช่วงที่ยังไม่ใกล้ชิดกันมากพอ ไม่ควรแตะช่วงเอว สะโพก หรือขาเด็ดขาด
ซึ่งผู้ชายควรพิจารณาการแต่งกายของผู้หญิงในวันที่เดทกันด้วยนะครับ หากเธอใส่เสื้อเอวลอยหรือแขนกุดมา ก็ควรจะเลี่ยงการสัมผัสในจุดที่ไม่มีผ้าปกคลุม หรือถ้าเธอทำผมมาสวยงามก็อย่าไปจับผมเธอด้วยลักษณะยีผม แค่ลูบผมเบา ๆ ก็พอครับ พวกเธอไม่ชอบให้ผมยุ่งในขณะที่ออกเดท
ดูความเหมาะสมของเวลา อย่า สกินชิพ นานจนเกินไป
หากยังไม่ได้พัฒนาถึงระดับคบกันเป็นคู่รัก มีสถานะชัดเจน สิ่งที่ต้องระวังตอนสกินชิพ คือ อย่าให้นานเกินไปจนเธออึดอัดครับ ไม่ว่าจะเป็นการจับมือ ซบไหล่ หรือการกอด ไม่ได้มีกำหนดเวลาที่ชัดเจนว่าควรจับมือกี่วินาที หรือซบไหล่ได้กี่นาที ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ณ ตอนที่เดทครับ หากคุณเลือกจับมือเธอเพราะจะพาข้ามถนน เมื่อข้ามถึงฝั่งก็ควรปล่อยมือแล้วครับ หรือถ้าเป็นการจับมือเพราะบรรยากาศดี ดูหนังอยู่ในโรงด้วยกันก็ให้ดูปฏิกิริยาตอบกลับของอีกฝ่าย เธอจับมือกลับไหม หรือแค่ปล่อยไว้นิ่ง ๆ การกระทำของเธอจะช่วยทำให้คุณพิจารณาได้เองว่าคุณต้องปล่อยหรือทำต่อไปได้ครับ
แต่เรามีเทคนิคเพิ่มเติมเอาไว้ให้คุณผู้ชายสังเกตครับ เมื่อไหร่ที่ผู้หญิงขยับมือ หรือขยับตัวอาจเป็นสัญญาณบอกให้ปล่อยแล้วก็ได้ครับ แต่ก็ไม่เสมอไปทุกครั้ง ถ้าเราปล่อยแล้วเธอพูดหรือแสดงออกบางอย่าง เช่น เป็นฝ่ายมาควงแขนหรือจับมือเราก่อนก็แปลว่าเธออาจแค่ร้อนหรือจับนานจนต้องเปลี่ยนท่าทางบ้างเท่านั้นครับ
สกินชิพ ที่ดีต้องไม่ถามว่า ทำได้ไหม?
สกินชิพที่ดีนั้น ฝ่ายผู้ชายเราต้องมีความมั่นใจเป็นสำคัญ และควรทำให้การแตะเนื้อต้องตัวนั้นเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติครับ เพราะฉะนั้น อย่าได้ถามเธอเด็ดขาดว่า จับมือได้ไหม? กอดได้ไหม? หรือแม้กระทั่งจูบได้ไหม? ก็อย่าได้เอ่ยขึ้นมาเชียว ถึงแม้หลายคนอาจมองว่าควรถามเพื่อเป็นการขออนุญาต แต่การถามคำถามเหล่านี้ก่อน เป็นการทำลายบรรยากาศดี ๆ ที่มีต่อกันได้ กลายเป็นว่าสถานการณ์กระอักกระอ่วน เธออาจรู้สึกอึดอัด หรือแม้กระทั่งคิดในใจว่า “ทำไมต้องถาม?” ด้วยซ้ำไป
แทนที่จะถามด้วยการพูด ก็ถามด้วยการกระทำแทนอย่างการมองตา หรือ อ่านปฏิกิริยาทาง physical ของผู้หญิงให้ออกครับ อย่างเช่น เธอมีการแตะตัวเราก่อนบ้างไหม เช่น แตะที่หลังหรือแขนเวลาเรียกเรา ตรงนั้นถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะฝ่ายหญิงจะระวังตัวเรื่องนี้มากกว่าเราหลายเท่า ดังนั้นถ้าเธอเริ่มแตะต้องตัวเรา แปลว่าความไว้ใจของเธอมีมากขึ้นบ้างแล้ว หรือกระทั่งเมื่อเดทกันไปหลายครั้งเธอเริ่มเป็นฝ่ายควงแขนเราเป็นครั้งคราว หากใช่ แปลว่าเธอมีความคุ้นเคยกับการสกินชิพอยู่ในระดับหนึ่ง เมื่อนั้นเวลาที่เราเป็นฝ่ายจับมือเธอบ้าง การสกินชิพก็จะเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าผู้หญิงวางตัวและไม่เคยแตะต้องตัวเราก่อนเลยในแต่ละครั้งที่เดทกัน เราก็ต้องค่อย ๆ ทำความรู้จักกับเธอไปครับ
เทคนิค “หยั่งเชิง”
อีกเทคนิคหนึ่งในการทำให้ “Skinship” ค่อย ๆ เกิดขึ้นอย่างมั่นใจและเป็นธรรมชาติ คือ การ “หยั่งเชิง” ด้วยสถานการณ์บังคับบางอย่างที่เป็นข้ออ้างที่มีเหตุผลให้ผู้ชาย “สกินชิพ” และแตะต้องตัวผู้หญิงได้อย่างไม่เสียมารยาท ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด คือ การจับมือเธอเพื่อเดินข้ามถนน ยิ่งในเมืองไทยที่การข้ามถนนเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอันตราย สถานการณ์นี้จึงยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้น ขั้นแรก คือ ให้เอาตัวเราเองไปอยู่ในฝั่งที่รถกำลังจะวิ่งมาหา จากนั้นจับที่ข้อมือหรือที่ฝ่ามือของผู้หญิง (โดยไม่ต้องไปเอ่ยปากขออนุญาตเขานะครับ) ไม่จำเป็นต้องกุมแบบเต็มมือ จำไว้ว่านี่เป็นการหยั่งเชิง ดังนั้นลองจับแค่ครึ่งฝ่ามือเธอก่อนก็ได้ ทีนี้ความกดดันจะลงไปอยู่ที่ฝ่ายหญิง หากเธอยอมให้เราจับมือต่อไปจนข้ามถนนเสร็จสิ้น การหยั่งเชิงถือว่าสำเร็จและแปลว่าอย่างน้อยเธอไม่ได้ “รังเกียจ” ที่จะให้เราแตะตัวเธอ ลองมองหาโอกาสที่จะทำแบบนี้ให้พบในหลาย ๆ สถานการณ์ การ “สกินชิพ” ก็จะค่อย ๆ กลายเป็นเรื่องธรรมชาติสำหรับทั้งสองฝ่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ
บรรยากาศที่ดีระหว่างกันและกัน ช่วยทำให้การสกินชิพเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ
อีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้การสกินชิพเกิดขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติและดูไม่ตั้งใจ ต้องอาศัยบรรยากาศที่ดีช่วยครับ ไม่ต้องรีบสกินชิพมากจนเกินไปนัก เวลาเดทก็ไปทำกิจกรรมเพื่อละลายพฤติกรรมก่อน ไม่ว่าจะเป็นกินข้าว ดูหนัง ช้อปปิ้ง เดินดูงานศิลปะต่าง ๆ ด้วยกัน ทำให้บรรยากาศเวลาอยู่ด้วยกันมันสบาย ๆ ไม่ตึงเครียดและไม่อึดอัดต่อกันก่อน เมื่อได้ใช้เวลาดี ๆ ร่วมกันแล้ว เธอจะรู้สึกสบายใจเวลาอยู่กับเรา บรรยากาศระหว่างกันก็จะดีขึ้นตามไปด้วย ที่สำคัญอย่าเกร็งขณะจะไปแตะตัวเธอเพราะไม่งั้นเธอจะจับความรู้สึกได้ว่าเราไม่มั่นใจครับ
สำหรับการ Skinship ที่เราแนะนำไปนั้น เป็นเพียงสเต็ปเบื้องต้นสำหรับใช้ทำความเข้าใจกับสาวที่คุณยังไม่มีความสนิทสนมกันมากพอหรือพัฒนาความสัมพันธ์จนไปถึงคบกันเท่านั้นนะครับ เพราะหากเป็นแฟนกันแล้ว สาว ๆ จะรู้สึก comfort กับคนรักของเธอมากในเรื่องการ Skinship ครับ อย่าลืมว่าหัวใจสำคัญของการสกินชิพ คือ ทำให้เป็นไปอย่างธรรมชาติ และเรื่องนี้มีความเฉพาะตัวบุคคลพอสมควร ฉะนั้นต้องสังเกตนิสัยของสาวคนที่คุณออกเดทด้วยตัวเองควบคู่ไปด้วยนะครับ