ภาษากาย (Body Language) คือ วิธีหนึ่งในการสื่อสารของมนุษย์ เป็นการแสดงออกของร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า พฤติกรรมที่คนเราแสดงออกมานั้นมีความหมายอะไรแฝงอยู่เสมอ ทั้งสีหน้า แววตา ท่าทาง การจัดวางลำตัว การเว้นระยะห่างต่าง ๆ หากเราสามารถนำเรื่องภาษากายไปสังเกตปฏิกิริยาของสาว ๆ เวลาที่ออกเดทก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญช่วยเพิ่มโอกาสในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเราและสาวคนที่ชอบได้ครับ เราต้องรู้จักสังเกตและอ่านความหมายที่สื่อสารมาผ่านภาษากายให้ถูกต้อง
ผู้หญิงเริ่มแตะส่วนไหนก่อน คือ เธอสบายใจกับพื้นที่ส่วนนั้น
หากเป็นช่วงแรกที่เพิ่งเดทกัน การสังเกตภาษากายจากเธอเป็นเรื่องจำเป็นมาก เพราะเราควรประเมินได้ว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับการที่อยู่ใกล้ชิดกันหรือมีการ Skinship แตะต้องตัวเธอ ไม่มีตำราไหนที่จะสอนว่าเดทกี่ครั้งถึงจะจับมือได้ เดทกี่ครั้งถึงจะกอดจูบได้ครับ นี่คือด่านทดสอบสุดหินด่านหนึ่งที่ผู้ชายทุกคนต้องผ่านมันไปด้วยตัวเองให้ได้ และการอ่านภาษากายของเธอให้ออกนี่แหละจะเป็นตัวช่วยตอบว่า ความสัมพันธ์ ณ ตอนนี้เธอสบายใจกับเราไปถึงระดับไหนแล้ว
สาว ๆ บางคนอาจอยากให้เราเป็นฝ่ายเริ่มเข้าหาเธอก่อน ในขณะที่บางคนก็สบายใจที่จะให้เราเป็นฝ่ายรอจนกระทั่งเธอเริ่มเข้าหาเราเองครับ หากเดทกันไปสัก 2-3 ครั้ง ภาษากายของเธอจะสื่อสารเองว่าเธอเป็นคนแบบไหน ลองสังเกตด้วยเทคนิคง่าย ๆ หากเธอเข้ามาแตะส่วนไหนของร่างกายเราก่อน อาจจะเป็นมือ ช่วงแขนหรือไหล่ ซึ่งเป็นบริเวณที่สัมผัสกันแล้วไม่อึดอัด อาจแปลว่าเราสามารถแตะตัวเธอส่วนนั้นได้เช่นกัน
ซึ่งภาษากายของฝ่ายหญิงก็จะเปลี่ยนไปตามระดับความใกล้ชิดและความสัมพันธ์ของทั้งสองคน ตอนกำลังจีบ ตอนจีบติดแล้ว ไปจนถึงตอนที่คบเป็นแฟนก็จะรู้สึกสบายใจเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ แต่ช่วงที่ผู้ชายต้องระมัดระวังตัวที่สุด ก็คือ ช่วงกำลังจีบนี่แหละ หากขยับผิดไปก้าวเดียวก็อาจจะทำให้เธอไม่อยากพัฒนาความสัมพันธ์กับเราเลยก็เป็นได้
ระวังอย่าให้มี ภาษากาย ที่แสดงออกถึงความอึดอัด ไม่สบายใจ
การที่ความสัมพันธ์จะพัฒนาไปด้วยดี หรือมีโอกาสนัดเดทครั้งต่อไปได้สำเร็จ เราจะต้องสร้างความสบายใจและความสุขให้อีกฝ่ายได้ ฉะนั้นภาษากายที่เราต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้นในการเดท คือ ภาษากายที่สื่อความหมายถึงความอึดอัด ความไม่สบายใจ ไม่สนใจในตัวเรานั่นเอง เริ่มต้นจากสายตากันก่อน การสบตากันสามารถบอกได้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร หากสายตาสื่อถึงความไม่พึงพอใจ เบื่อ โกรธ หงุดหงิดหรือรู้สึกไม่ดี เราจะรับรู้ได้ไม่ยาก บางทีอาจจะมาในรูปแบบการมองไปทางอื่น กลอกตา หรือหลบสายตาก็ได้ครับ
ช่วง Body ก็สื่อสารถึงความรู้สึกไม่สบายใจหรืออึดอัดได้เช่นกัน หากนั่งอยู่ตรงกันข้ามหรือนั่งข้าง ๆ กันแล้วเธอนั่งหันตัวออกจากเราก็สามารถตีความได้ว่าเธอไม่ enjoy กับบทสนทนาในตอนนี้ หรือถ้าเป็นเดินข้างกันแล้วเธอเว้นระยะห่างเรามาก ๆ แปลว่าเธอยังไม่สบายใจที่จะอยู่ใกล้ชิดเราสักเท่าไหร่นัก ซึ่งต้องระวังให้ดี ถ้าเธอรักษาระยะห่างมากตั้งแต่เดทแรกแล้วไม่ลดระยะนั้นลงมาเลย อาจแปลได้ว่าเราไม่สามารถทำให้เธอชอบพอในตัวเราได้
นอกจากสังเกตว่าผู้หญิงรู้สึกอย่างไรแล้ว ผู้ชายควรรู้ว่าภาษากายของเราก็อยู่ในสายตาของเธอเช่นกัน ฉะนั้นเราต้องระวังไม่ให้ตัวเองมีพฤติกรรมอะไรที่ไปสร้างความอึดอัดให้เธอ เราควรแสดงออกให้เธอเห็นว่า เราผ่อนคลายแต่ไม่มากจนเกินไปและ enjoy กับการเดทครั้งนี้
ลองด้วยวิธีสบตาเธอบ่อย ๆ อย่างจริงใจพร้อมรอยยิ้ม รู้จักวางมือจากสมาร์ทโฟน ไม่เหลือบสายตาไปเช็ก Notifications ในช่วงที่เดทกันก็สามารถช่วยเพิ่มคะแนนบวกให้เราได้บ้างแล้ว ใครที่ติดนิสัยกัดฟันกราม กัดเล็บ หรือมีพฤติกรรมอะไรที่มองเห็นได้ชัด ๆ เวลากังวลใจก็ต้องระวังไว้ไม่ให้แสดงออกต่อหน้าเธอในการเดทกันนะครับ
ความหมายของการมองนาฬิกาบ่อย ๆ เปลี่ยนไปตามยุคสมัย
เมื่อก่อนการดูนาฬิกาบ่อย ๆ ขณะที่กำลังอยู่ในวงสนทนา จะแปลความหมายได้ว่าคนคนนั้นมีธุระต้องไปต่อ หรืออยากให้เวลาผ่านไปเร็ว ๆ ไม่ได้ให้ความสนใจกับบุคคลที่กำลังพูดคุยด้วย แต่ปัจจุบันโลกเปลี่ยนไปแล้ว นาฬิกาไม่ได้มีไว้บอกเวลาเพียงอย่างเดียว พวก Smart watch ต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้มีฟังก์ชันในการทำงานเยอะมาก ทั้งดูแลเรื่องข้อมูลสุขภาพและการติดต่อสื่อสารกับคนอื่น ฉะนั้นการก้มมองนาฬิกาเดี๋ยวนี้ อาจหมายถึงเขากำลังเช็ก Notifications จากแอปพลิเคชันบางอย่างที่เด้งเตือนขึ้นมาเท่านั้น
แต่ถึงแม้ว่าการก้มมองนาฬิกาบ่อย จะไม่ได้สื่อสารตรง ๆ ว่าเราเบื่อกับบทสนทนาก็ไม่ควรก้มมองนาฬิกาบ่อยเกินไปอยู่ดีครับ สาว ๆ อาจจะรู้สึกว่าเราให้ความสนใจกับสิ่งอื่นมากกว่าการใช้เวลาด้วยกันก็เป็นได้ หากต้องดูแจ้งเตือนจริง ๆ ก็ควรเช็กในเวลาที่เธอไปเข้าห้องน้ำหรือตอนรอเธอซื้อของอยู่ ไม่ใช่ดูแจ้งเตือนบ่อย ๆ ใน เวลาที่นั่งพูดคุยกันอยู่ ยกเว้นว่าถ้าแจ้งเตือนนั้นเป็นงานสำคัญจริง ๆ ก็ให้บอกเธอก่อนว่าเราจำเป็นต้องติดต่องานสักครู่ ไม่ควรเงียบไปเฉย ๆ แล้วปล่อยให้เธอสงสัย
แสดงออกแบบนี้ คือ เธอ comfort กับเรามากขึ้นแล้ว
หวังว่าผู้ชายทุกคนจะไม่รีบร้อนในการเข้าหาสาว ๆ อย่างใกล้ชิดไวเกินไป ระยะเวลาก็เป็นหนึ่งองค์ประกอบที่จะช่วยเพิ่มความสบายมใจให้เธอได้ครับ หลังจากเดทหลาย ๆ ครั้งลองสังเกตภาษากายของเธอคนนั้นใหม่ หากมีการแสดงออกตามข้อต่อไปนี้ แปลว่า เธอ comfort กับเรามากขึ้นแล้วครับ ถ้าครั้งแรก ๆ ที่เดทกัน เธอหยิบกระเป๋ามาวางไว้บนโต๊ะเหมือนวางกั้น หรือวางไว้บนตัก นั่นคือการระมัดระวังตามสัญชาตญาณของเธอ ซึ่งเมื่อไหร่ที่เธอเปลี่ยนเป็นวางกระเป๋าไว้ข้าง ๆ ตัวแทน เปิดระยะให้มองเห็นกันได้ชัดขึ้น แปลว่า เธอรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นครับ
หากเราเป็นฝ่ายสกินชิพก่อน อาจเป็นการแตะมือหรือแขนแล้วเธอไม่สะบัดออกหรือถอยร่นตัวไปข้างหลังก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีเช่นกัน และเมื่อฝ่ายหญิงลดกำแพงของเธอลงแล้วจริง ๆ เธอจะเป็นฝ่ายเข้ามาแตะตัวเราอย่างเป็นธรรมชาติเองครับ อย่างเวลาหยิบของส่งให้กัน นิ้วมืออาจจะโดนกันโดยไม่ตั้งใจแต่เธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีปฏิเสธ
นอกจากนั้นยังมีอีกสามข้อที่เราพิจารณาร่วมไปได้ หากเธอมีรีแอคชันเหล่านี้ก็แปลว่าเธอเปิดใจกับเรามากขึ้นแล้ว เริ่มจากสีหน้าและแววตามีความสุข ริมฝีปากจะยกยิ้มอยู่เรื่อย ๆ เธอจะเอียงคอ เอียงศีรษะหรือช่วงตัวโน้มหรือหันเข้ามาทางเรา และอาจจะมีการเปลี่ยน voice pitch เป็นอีกโทนหนึ่ง (หลาย ๆ คนเรียกเสียงนี้ว่าเสียงสอง)
เวลาไปออกเดทกับสาวคนที่ชอบ จะฟังเพียงสิ่งที่เธอพูดอย่างเดียวไม่ได้ครับ อย่าลืมสังเกต ภาษากาย ของเธอด้วยว่ายังระมัดระวังตัวกับเราอยู่ไหม เธอดูสบายใจกับเรามากขึ้นหรือยังเมื่อเทียบกับเดทครั้งก่อน สีหน้าและสายตาของเธอเป็นสิ่งที่จับสังเกตได้ชัดที่สุด MenDetails ขอแนะนำให้คอยมองตาเธอและอ่านภาษากายของเธอ หากเราสามารถอ่านมันออก ก็จะทำให้เราวางตัวกับเธอได้เหมาะสมและอยู่ในระดับที่พัฒนาไปพร้อม ๆ กันง่ายขึ้นนั่นเอง